ผมตั้งใจตื่นเช้าและขับรถไปทำบุญ ณ วัดแห่งหนึ่ง...ขอบคุณของสังฆทานและปัจจัยที่ครอบครัวของผมเตรียมและฝากให้ผมไปทำบุญด้วย หลังจากที่ทราบความตั้งใจของผมในเช้าวันอาทิตย์นี้...ทั้งๆ ที่ไม่มีจุดหมายแน่ชัดว่าจะไปทำบุญวัดไหน
ก่อนหน้านี้ ผมไปดูแสงสียามค่ำคืนเทศกาล X'mas บริเวณ Central World และไหว้พระพรหมเอราวัณ (ดูรูป)
แต่แล้ววันสิ้นปีนี้ก็ทำให้ผมรู้สึกเหมือนสิ้นใจที่หน่วยงานแห่งหนึ่งอีเมล์มาว่า "ผมเป็นผู้ที่มีศักยภาพในการวิจัย แต่จำนวนผู้ที่มีศักยภาพนั้นมากกว่าจำนวนทุนที่มีอยู่อย่างจำกัด" ผมคิดว่า ถ้าปฏิเสธให้ทุนกับผม คณะกรรมการพิจารณาทุนน่าจะแสดงเหตุผลในแง่การแก้ไขข้อบกพร่องเนื้อหาข้อเสนองานวิจัยที่ผมนำเสนอไป ซึ่งต่างจากการตัดสินทุนสมัยที่ผมเรียนอยู่ที่ออสเตรเลีย
จิตใจผมรู้สึกเบื่อๆ ปนกับครุ่นคิดหากระบวนการวิจัยที่ดีกว่าเดิมเพื่อเตรียมสมัครทุนอื่นๆ และมีเป้าหมายจริงๆ ที่ตั้งใจไว้คือ อยากคิดทำชีวิตตนเองให้รู้สึกถึงความสุขก่อนไปทำงานในวันจันทร์ เลยตั้งใจเลือกที่จะทำบุญตอนเช้าๆ ซัก 1 แห่ง...โชคดีที่ผมขับรถไปส่งน้องชายแล้วเหลือบไปเห็น "โรงพยาบาลสงฆ์ ถ.ศรีอยุธยา" ผมจึงคิดได้ว่า ผมอยากเข้าไปทำบุญที่นี่ทันที
ไม่ผิดหวังครับและอยากเชิญชวนกัลยาณมิตรทุกท่านลองหาโอกาสไปทำบุญ ณ รพ.สงฆ์ ผมประทับใจระบบและระเบียบปฏิบัติของการทำบุญในหลายรูปแบบ เช่น
จากนั้นผมนึกถึง "สวนสัตว์ดุสิตหรือเขาดินวนา" ซึ่งผมเคยไปล่าสุดตอนอายุเพียง 6 ขวบ รู้สึกได้เรียนรู้ในมิติความคิดที่ต่อยอดจากประสบการณ์วัยเด็ก เข้าใจประวัติเขาดินและการเปลี่ยนแปลงสิ่งที่น่าสนใจอย่างมีระบบเช่นกัน ซึ่งค่าธรรมเนียมเข้าชมไม่แพงเลยครับ และมีที่จอดรถสะดวกสบาย ได้แก่
ก่อนจบบันทึกนี้...ผมอยากทิ้งท้ายด้วยบทธรรมะหนึ่งที่อยู่ปกหลังของหนังสือที่ได้มาจากการทำบุญ ณ รพ.สงฆ์
ขออนุญาตคัดลอกมาเตือนสติของตนเองและผู้สนใจ และขออ้างอิงไว้ด้วยความขอบพระคุณอย่างยิ่ง..."อิสระ. คู่มือดับทุกข์ ฉบับสมบูรณ์. ร้านเบทส์ แจกเป็นธรรมบรรณาการ. กรุงเทพฯ: สามลดา".
"เวลาพบกับอารมณ์ที่ไม่น่าพอใจ มันชวนให้ท่านโกรธ หรือเดือดร้อนใจขึ้นมา จงอย่าเพิ่งพูดอะไรออกไป หรือจงอย่าเพิ่งทำอะไรลงไป แต่จงคิดให้ได้ก่อนว่า นี่คือสิ่งที่คนทุกคนในโลกนี้ไม่ปรารถนาจะพบเห็น แต่ทุกคนก็ต้องพบกับมัน สิ่งนี้คือสิ่งที่ท่านจะเอาชนะมันด้วยการสลัดมันให้หลุดออกไปจากใจก่อน ถ้าท่านสลัดมันออกไปจากใจได้ ท่านก็จะเป็นอิสระและไม่เป็นทุกข์ เมื่อท่านไม่เป็นทุกข์เพราะมันก็หมายความว่า ท่านชนะมัน"
Dr. Pop,
"เวลาพบกับอารมณ์ที่ไม่น่าพอใจ มันชวนให้ท่านโกรธ หรือเดือดร้อนใจขึ้นมา จงอย่าเพิ่งพูดอะไรออกไป หรือจงอย่าเพิ่งทำอะไรลงไป แต่จงคิดให้ได้ก่อนว่า นี่คือสิ่งที่คนทุกคนในโลกนี้ไม่ปรารถนาจะพบเห็น แต่ทุกคนก็ต้องพบกับมัน สิ่งนี้คือสิ่งที่ท่านจะเอาชนะมันด้วยการสลัดมันให้หลุดออกไปจากใจก่อน ถ้าท่านสลัดมันออกไปจากใจได้ ท่านก็จะเป็นอิสระและไม่เป็นทุกข์ เมื่อท่านไม่เป็นทุกข์เพราะมันก็หมายความว่า ท่านชนะมัน"
สุดยอดข้อคิดเลยค่ะ
กราบขอบพระคุณท่านธมฺมหาโสภิกขุ
งานวิจัยที่นำเสนอไปชื่อว่า ผลของโปรแกรมการจัดสิ่งแวดล้อมหลายความรู้สึกต่อเวลาการตอบสนองและคุณภาพชีวิตของคนไทย
เป็นงานวิจัยด้านกิจกรรมบำบัดจิตสังคม เน้นแนวคิดการจัดการสุขภาพด้วยตนเองและส่งเสริมสุขภาพในการใช้เวลาว่างอย่างมีคุณค่าครับ
คำอวยพรและกำลังใจจากท่านถือเป็นสิ่งที่ดีในปีใหม่ครับ
ขอบคุณมากครับสำหรับคำชื่นชมจากคุณจินตนา คงเหมือนเพชร
ส่งความสุขปีใหม่ครับผม
Dr. Pop,
กราบขอบพระคุณท่านธมฺมหาโสภิกขุ
ผมได้ส่งบทคัดย่อไปให้ทางอีเมล์แล้วครับ
และขออนุญาต post ตรงนี้หากมีผู้สนใจติดตามบางส่วนของงานวิจัยทางทีวีที่ http://gotoknow.org/blog/otpop/301418
บทคัดย่อมีดังนี้
ผลของสิ่งแวดล้อมที่หลากหลายความรู้สึกต่อเวลาการตอบสนองในคนไทยวัยผู้ใหญ่ตอนต้น
องค์การอนามัยโลกรายงานผู้เสียชีวิตจากโรคไม่ติดต่อเรื้อรังมีจำนวนร้อยละ 60 ของผู้เสียชีวิตทั้งหมดใน 3 ปีที่ผ่านมาและคาดว่าจะมีผู้เสียชีวิตจากโรคดังกล่าวเพิ่มขึ้นร้อยละ 17 ในอีก 7 ปีข้างหน้า (1) สำหรับประชากรไทยในปี พ.ศ. 2547-2548 ช่วงอายุ 45-59 ปี ได้เสียชีวิตมากกว่าร้อยละ 30 ด้วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรังได้แก่ โรคมะเร็ง โรคหัวใจขาดเลือด โรคความดันโลหิตสูง และโรคหลอดเลือดสมอง (2) และกระทรวงสาธารณสุขร่วมกับสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุขและภาคีสุขภาพสำรวจพบปัจจัยเสี่ยงต่อโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ได้แก่ การบริโภคอาหารไม่ถูกหลักโภชนาการ การออกกำลังกายไม่สม่ำเสมอ (3) และการทำกิจกรรมยามว่างไม่เหมาะสม (4) ซึ่งคนไทยใช้เวลาเฉลี่ยต่อวันในการดูแลตนเอง การเรียน และการทำงาน มากกว่าการทำกิจกรรมยามว่าง (5) และจากการสำรวจกิจกรรมยามว่างของคนไทยอายุ 13 ปีขึ้นไป พบว่า มีการเคลื่อนไหวร่างกายในกิจวัตรประจำวันลดลงเพราะพฤติกรรมสุขภาพของคนไทยเน้นการพักผ่อนในเวลาว่างเช่น ดูโทรทัศน์ ฟังวิทยุ เป็นต้น (6) ดังนั้นประเทศไทยจึงกำหนดแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 10 และแผนพัฒนาสุขภาพแห่งชาติฉบับที่ 10 (พ.ศ. 2550-2554) โดยเน้นการวิจัยและพัฒนาองค์ความรู้ที่ช่วยลดปัจจัยเสี่ยงต่อโรคไม่ติดต่อเรื้อรังและคาดหวังว่าจะลดภาระค่าใช้จ่ายด้านสาธารณสุขเมื่อมีจำนวนผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรังลดลงในอนาคต (2) ปัจจุบันผู้วิจัยได้ศึกษาการทำกิจกรรมยามว่างในคนไทยและพบว่าวัยผู้ใหญ่ตอนต้นน่าจะมีปัจจัยเสี่ยงต่อโรคไม่ติดต่อเรื้อรังและควรได้รับการส่งเสริมสุขภาพด้วยการจัดสิ่งแวดล้อมที่หลากหลายความรู้สึก (Multisensory Environment, MSE) ซึ่งอาจช่วยเพิ่มความไวของเวลาการตอบสนองที่ถือเป็นองค์ประกอบหนึ่งทางประสาทสรีรวิทยาและคุณภาพชีวิตที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ จะเห็นว่าโครงการวิจัยครั้งนี้ถือเป็นการศึกษานำร่องในคนไทยที่ไม่เจ็บป่วยจากโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ขณะที่งานวิจัยส่วนใหญ่มุ่งเน้นผลของการจัดสิ่งแวดล้อมที่หลากหลายความรู้สึกในคนชาติอื่นๆ ที่เจ็บป่วยจากโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง และผู้วิจัยคาดว่าจะเป็นการพัฒนาองค์ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับประโยชน์ของการจัดสภาพแวดล้อมทำกิจกรรมยามว่าง ซึ่งองค์ความรู้ดังกล่าวนับเป็นความก้าวหน้าในเชิงวิชาการกิจกรรมบำบัดและสาธารณสุขไทย ที่พัฒนาแนวทางหนึ่งของการส่งเสริมคุณภาพชีวิต และการป้องกันความเสี่ยงต่อการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง สำหรับคนไทยทุกเพศทุกวัยในอนาคต
ผมขออีเมล์เพื่อส่งบทความไม่เกิน 20 หน้าส่งให้พระคุณเจ้าภายหลังครับ
Dr. Pop,
ยินดีเป็นอย่างยิ่งครับพระคุณเจ้า แล้วกระผมจะติดต่อไปทางอีเมล์อีกครั้งครับ
Dr. Pop,
* อนุโมทนาขอบใจโยมมากที่ได้พยายามจะปรับให้สอดรับกับประเด็นที่จะนำเสนอในการประชุมระดับโลก
* ในการประชุมงานนี้ มีนักวิชาการระดับโลกมาร่วมมากมาย และเราจะได้มีโอกาสแลกเปลี่ยน
* ประเด็นคือ หากเป็นไปได้เราจะพิมพ์งานโยมเป็นภาษาอังกฤษเพื่อให้คนทั้งโลกได้อ่าน หวังว่า ดร. เช่นโยมจะสามารถดำเนินการได้ หากไม่ได้อาตมาจะแปลให้
* อาตมาจะรอบทความของโลก และคนทั่วโลกรองานของโยมอยู่น่ะ
* อนุโมทนาและเจริญธรรม
โจทย์น่าสนใจครับท่านพระคุณเจ้า
ผมจะลองค้นคว้าประเด็นต่างๆ แล้วนำเสนองานเขียนไม่เกิน 20 หน้าเป็นภาษาอังกฤษทางอีเมล์พระคุณเจ้าต่อไป