ชีวิตมีคุณค่า


จุดสำคัญที่ทำให้เราตกใจมากคือ นายเอบอกว่า “ไม่สนใจ...ตายก็ตาย”

                เช้านี้เหมือนกับทุกวันที่ผ่านมา พวกเราเริ่มต้นด้วยการให้สุขศึกษาแก่ผู้ป่วยวัณโรคที่นอนพักรักษาตัวในหอผู้ป่วยวัณโรคที่เราทำงานอยู่เป็นประจำทุกวี่วัน ซึ่งมุ่งเน้นการสร้างความคุ้นเคยในกลุ่มผู้ป่วยด้วยกันและกลุ่มเจ้าหน้าที่ประจำหอผู้ป่วยร่วมด้วย การสร้างสัมพันธภาพที่ดีเป็นสิ่งจำเป็นมากที่เราต้องทำให้ได้...อันจะนำไปสู่ความไว้วางใจ หรือความประทับใจที่จะอยู่รักษากับเราในช่วงเวลานับไปอีกสองสัปดาห์จากวันแรกรับ

                หลังจากให้สุขศึกษาเรียบร้อยแล้ว เราก็จะพาผู้ป่วยออกกำลังกาย ต่อด้วยการให้ความรู้เรื่องวัณโรค เรื่องยาวัณโรค ผลข้างเคียงของยา  และการมีพี่เลี้ยงในการรับประทานยา ซึ่งกลุ่มผู้ป่วยทุกคนมักจะให้ความร่วมมือในการได้รับความรู้ต่างๆที่ทางหอผู้ป่วยจัดให้ ทว่าวันนี้เราสังเกตเห็น นายเอ ซึ่งมีรูปร่างผอมแห้ง ผมเผ้ายุ่งเหยิง เล็บมือยาวดำ พูดน้อย และมักจะไอแห้งๆ ชอบแยกตัวจากกลุ่มผู้ป่วยและมักเหม่อลอยอยู่เสมอๆ เมื่อถามเพื่อทบทวนเรื่องที่สอน ก็ไม่ตอบ ไม่ค่อยสบตา เพียงแต่ยิ้มน้อยๆ โดยไม่แสดงการต่อต้านแต่อย่างใด

                นายเอ เล่าว่าเขาเรียนจบชั้นประถมปีที่ 6 พ่อและแม่เสียชีวิตแล้ว พี่ชายและพี่สาวได้แยกครอบครัวไปทั้งสองคน นายเอจึงอยู่เพียงลำพังคนเดียว ด้วยการเลี้ยงชีพจากการรับจ้างทั่วไป มักจะดื่มสุราและมีเรื่องทะเลาะวิวาทอยู่เป็นประจำ จุดสำคัญที่ทำให้เราตกใจมากคือ นายเอบอกว่า “ไม่สนใจ...ตายก็ตาย”

                เราได้พยายามชี้นำให้นายเอเห็นคุณค่าของการมีชีวิต ด้วยการอธิบายว่า “คนเราไม่ได้ตายง่ายขนาดนั้น ความทุกข์ทรมานก่อนตายมีมากมาย ต้องเผชิญกับความเจ็บปวด หายใจเหนื่อยหอบ ตลอดจนความทุข์ทางใจจากการที่ไม่มีผู้ดูแล...” ความครุ่นคิด ตรึกตรองจากเสียงที่ได้สดับฟังเริ่มเข้ามาเยือน...ลงจิตลงใจของนายเอ ภายใต้ความเงียบชั่วขณะนั้น... “นายเออายุยังน้อย สามารถที่จะมีชีวิตได้อีกนาน หากไม่ดูแลชีวิตในช่วงเวลาที่เหลือนี้ให้ดี ก็จะประสบกับความทุกข์ ความเดียวดาย ถ้านายเออยากมีความสุขหรือมีคุณค่าในสังคม จะต้องปรับเปลี่ยนความคิดและการกระทำด้วยการหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพของตนเองให้แข็งแรง...โดยเริ่มจากรักษาวัณโรคให้หายขาด และเลิกดื่มสุรา...” เราได้ยกตัวอย่างคนที่มีชีวิตคล้ายๆกันนี้ ซึ่งเขาก็สามารถฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆนานาให้ผ่านพ้นไปได้และประสบความสำเร็จในชีวิตในที่สุด เพื่อเสริมสร้างพลังใจให้นายเอได้ดูเป็นแบบอย่างด้วย…

                หลังจากนั้นไม่นาน...พวกเรารู้สึกอิ่มใจทุกครั้งที่เห็นนายเอสนใจดูแลสุขภาพตนเองมากขึ้น อีกทั้งยังสนใจที่จะดูแลสุขภาพของผู้ป่วยวัณโรครายอื่นด้วย มักจะช่วยบีบนวดให้กับผู้ป่วยที่ปวดเมื่อยตามร่างกาย รับอาสาช่วยแจกอาหาร ให้ผู้ป่วยรายอื่น นายเอจึงเป็นที่รักของเพื่อนผู้ป่วยด้วยกัน ดังนั้นเพื่อนๆจึงคอยพูดให้กำลังใจและแบ่งปันอาหารเยี่ยมไข้ของตนเองให้นายเอได้รับประทานด้วยกัน นอกจากนี้นายเอยังเป็นตัวแทนผู้ป่วยในการเสนอกิจกรรมที่ผู้ป่วยอยากจะทำขณะที่อยู่กับเราด้วยการตักบาตรตอนเช้า การรับประทานอาหารร่วมกันในกลุ่มผู้ป่วย บรรยากาศแห่งกัลยาณมิตรฉันท์พี่น้องได้แผ่ขยายแทรกซึมสู่ทุกอณูภายในหอผู้ป่วยแห่งนี้  ทุกวันก่อนนอนอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ผ่านเรื่องเล่าประสบการณ์ของผู้ป่วยแต่ละคน...

               ทว่ามีบางอย่างเปลี่ยแปลงไป...วันนี้นายเอพูดน้อยลง นับจากวันที่เราได้ชี้นำให้นายเอเห็นคุณค่าของชีวิตวันนั้น ก็เกือบสองสัปดาห์แล้วที่นายเอเริ่มพูดคุยกับผู้ป่วยรายอื่นๆ สนใจซักถามและร่วมกิจกรรมต่างๆอย่างตั้งอกตั้งใจเสมอมา...นายเอบอกว่าไม่มีที่อยู่เป็นของตนเองและไม่มีอาชีพที่มั่นคง เราจึงให้คำแนะนำเรื่องการประกอบอาชีพ พร้อมทั้งส่งให้พบนักสังคมสงเคราะห์...ทางโรงพยาบาลจึงให้ความช่วยเหลือโดยให้เงินพัฒนาคุณภาพชีวิตจำนวนสองพันบาท พร้อมทั้งติดต่อหางานให้ ทำให้นายเอสีหน้าสดชื่นขึ้น ทว่าขออยู่โรงพยาบาลต่อจนกว่างานบุญบั้งไฟจะผ่านไปก่อน เนื่องจากกลัวว่าจะอดใจไม่ไหวแล้วหวนกลับไปดื่มสุรากับเพื่อนๆอีก

                ในที่สุดวันที่นายเอพร้อมจะออกจากโรงพยาบาล เพื่อดำเนินชีวิตในโลกกว้างต่อไป ก็จะมาถึงในวันพรุ่งนี้แล้ว เราจึงได้ทบทวนการดูแลสุขภาพตนเองที่บ้านให้อีกครั้ง ซึ่งนายเอไม่ทำให้เราผิดหวัง...สามารถตอบคำถามได้ดีมาก...คืนนั้นนายเอได้มีโอกาสร่วมรับประทานอาหารกับเพื่อนๆ และพูดคุยอำลา แลกเปลี่ยนที่อยู่และเบอร์โทรศัพท์ ด้วยหวังว่าจะได้ติดต่อพูดคุย ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ แบ่งปันกำลังใจซึ่งกันและกันยามแยกย้ายกันไป…

                เช้านี้สภาพโดยทั่วไปภายในหอผู้ป่วยของเราก็ดูปกติดี...พวกเราทุกคนมาทำงานแต่เช้าด้วยความเบิกบานใจ “สวัสดีครับ...คุณหมอ” เราเงยหน้าขึ้นมอง เห็นนายเอยกมือไหว้ทักทาย...แทบจำไม่ได้...เขาเปลี่ยนแปลงไปเป็นคนละคนกันเลยทีเดียว เขาตัดผมสั้น แต่งกายสุภาพ ดูแล้วสะอาดตา ที่คอห้อยสร้อยทองคำหนัก 1 บาทอีกด้วย เขาบอกว่า ทำงานที่ขอนแก่นสบายดี และรับยาจนครบแล้ว...วันนี้มาเยี่ยมญาติที่ป่วยเป็นวัณโรค ซึ่งก่อนลากลับนายเอก็ได้แนะนำเกี่ยวกับการกินยาให้ญาติด้วย ทำให้ก่อนนอนคืนนี้ญาติของนายเอรับประทานยาวัณโรคที่มีหลายเม็ดด้วยความเต็มใจ โดยไม่ต่อรองเหมือนเคย…             

หมายเหตุ: นายเอเป็นนามสมมุติ

 

                                                                เรื่อง: ปรางค์ทิพย์ น้อยมาลา...พยาบาลประจำหอผู้ป่วยอายุรกรรมรวม

                                                                เรียบเรียง: แม่พลอย

หมายเลขบันทึก: 322334เขียนเมื่อ 23 ธันวาคม 2009 10:50 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 22:06 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท