หน้าที่ของการทำงาน


คนที่เขาฆ่าตัวตาย ก็คิดแบบนี้แหละ คิดว่า ตายแล้วก็จะสามารถหนีปัญหาได้ เหมือนหนู ที่คิดว่า ลางานแล้วก็จะทำให้หนูทำงานเสร็จได้"

เช้านี้หนูพึ่งกลับจากกาฬสิน จะว่าไปมาถึงตั้งแต่ประมาณห้า หกทุ่มเมื่อคืนนี้ แต่เป็นอาการเพลียสะสมและตัวร้อน เล็กน้อย ตื่นเช้ามารู้สึกไม่อยากไปทำงาน และมีความคิดแทรกขึ้นมาว่าจะทำ......... จะทำ........... จะทำ.......... แต่การที่จะต้องทำสิ่งที่จะทำนั้น ต้องลางาน อืม คิดแบบนี้ หนูจึง กดโทรศัพย์ไปลางาน

 

สาย ๆ ครูโทรมาถามว่าเป็นไง หนูบอกท่านว่า

"หนูไม่ไปทำงานค่ะ ลาป่วย อยากจะทำอะไร ๆ ให้มันเสร็จซะที"

ใจหนูก็มีสาระพัดจะเหตุผล อยากเอามาอธิบายครู แต่ท่านสอนหนูว่า

"ฮ่า ๆ ๆ พี่เป็นคนที่ทำอะไร ไม่เสร็จสักอย่าง แต่เราก็แค่ทำมันเต็มที่"

หนูฟังแบบอึ้ง ๆ เพราะรู้สึกว่างานทุกอย่างที่ครูทำเป็นอะไรที่สุดยอด ของสุดยอด สำเร็จตั้งแต่ครูลงมือทำ แต่ท่านกลับเอ่ยถึงงานของท่านเช่นนี้

เชื่อพี่ไหม เราลาเพื่อทำงาน ที่ค้างวันนี้ก็ไม่เสร็จ"

 

หนูตอบครูว่า "ค่ะ  เพราะหนูก็รู้สึกว่าใจหนูไม่คยพอ

 

"มันผิดตั้งแต่โกหกว่าลาป่วยแล้ว ไอ้ที่จะทำมันจะได้บุญอะไร"

 

"กราบพี่เป็นครู แต่ทำอะไรแบบนี้ ก็ไปหาครูใหม่ซะไป๊"

หนูฟังแล้วรู้สึกน้ำตาจะไหล ใจมันเหนื่อย แต่ก็เชื่อลึก ๆว่า ครูท่านก็รู้ว่าหนูเหนื่อย แล้วครูก็เอ่ยว่า

 

"พี่บอกแล้วว่ามันยาก หลวงปู หลวงตา หลวงพ่อ ท่านก็รู้ว่า มันยาก ถ้าไม่ไหวก็เลิก"

หนูตอบครูว่า

"ไม่ค่ะ หนูไปทำงานค่ะ"

 

"ไปแบบนี้ก็ไม่ต่างกัน ใจเราหน่ะ เป็นไง"

 

หนูหายใจเข้าลึก ๆ พอเห็นว่า ใจมันไม่อยากไป แต่บอกครูว่าจะไป เพราะเชื่อฟังคำพูดท่าน จึงจะไป

เมื่อเช้าแม้จะไม่ลงใจ "ว่าหนูขอลา เพื่อ พักบ้างไม่ได้เหรอ แต่ก็เชื่อครูว่า โดยการมาทำงานค่ะ" ก็สายตามระเบียบ มาทำงานก็ได้งาน ได้เห็นใจตนเองชัดดีค่ะ

หนู SMS ไปบอกท่านว่า

"หนูมาทำงานแล้วค่ะ"

ครูท่าน SMS กลับมาว่า

"อดทนนะ"

หนูรู้สึกซึ้งใจ ปีติ น้ำตาจะไหล รีบหายใจเข้าลึก ๆ บอกตนเองว่า

 "เอาวะ อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด เราเป็นศิษยมีครู สู้ก็แค่ตาย"

เท่านั้นแหละค่ะ ตลอดเช้าก็ งานเข้าทีเดียวเชียว แต่ก็ทำงานค่ะ ตามเรื่องตามราวกันไป

เที่ยง ๆ ครูท่านเมตตาโทรมาสอบถามว่าเป็นไงบ้าง ตอนนั้น หนูตอบไปปนความรู้สึกคร่ำครวญ แต่ไม่ทันเห็น ครูท่านจึงเอ่ยว่า

"อะไรวะ นักกรรมฐานอะไร มาคร่ำครวญห๊า อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด ก็น้อมรับมันไป"

หนูจึงค่อยหยุดคร่ำครวญ

       วันนี้หนูก็ได้เรียนรู้ว่า ไม่ว่าหนูจะมาทำงาน หรือ ลางาน มันก็เหมือนเดิมค่ะ งานมันไม่ได้น้อยลง การที่หนูมาทำงานก็ทำให้งานมีความก้าวหน้ามากขึ้น แต่มันก็เสร็จเท่าที่เสร็จ หนูหลงไปเองว่า จะลาป่วยเพื่อเครียงานคลั่งค้าง เปล่าเลย หนูคิดผิด ยิ่งลาป่วยเพื่อเคลียงาน งานใหม่ ก็ จะยิ่งกอง ๆ ๆ ๆ และก็ ทับถมไปเรื่อย ๆ

 

 

ครูสอนว่า

"คนที่เขาฆ่าตัวตาย ก็คิดแบบนี้แหละ คิดว่า ตายแล้วก็จะสามารถหนีปัญหาได้ หารู้ไม่ว่ายิ่งทำแบบนี้ยิ่งหนักกว่าเดิม

 

หนูแว๊บขึ้นมาในหัว จึงพูดขึ้นมาว่า

เหมือนหนู ที่คิดว่า ลางานแล้วก็จะทำให้หนูทำงานค้างเสร็จได้"

ครูท่านย้ำกับหนูว่า

"หน้าที่ตอนนี้คือ อะไร ถ้าหน้าที่คือ การทำงาน ก็ต้องไปทำงาน"

 แต่ตอนนี้ต้องไปทำแล็บแล้วค่ะ ค่อยมาเล่ากันใหม่

  

หมายเลขบันทึก: 321934เขียนเมื่อ 21 ธันวาคม 2009 15:21 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 22:06 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

เป็นบันทึกที่อ่านแล้วได้ข้อคิดดีๆๆ ค่ะ

ตอนนี้ ก้อเป็นอีกคนที่คิดว่าอยากจะหยุดทุกอย่างไว้ก่อน เพียงเพราะรู้สึกว่าจิตใจเราไม่พร้อม

หลังจากอ่านจบเข้าใจแล้วค่ะ

ว่า เราเป็นนักเรียน มีหน้าที่เรียน ตอนนี้อยู่ปีสี่ กำลังจะจบ แต่ไม่ยอมทำโปรเจคค่ะ

หลังจากแสดงความคิดเห็นเสร็จ จะเริ่มเขียนโปรแกรมอย่างจริงจังแล้วค่ะ

เป็นกำลังใจให้ทุกคนค่ะ...

ดีใจค่ะ ที่บันทึกนี้ เป็นประกายให้มีกำลังใจในการทำงาน

สู้ ๆนะคะ เป็นกำลังใจให้ น้อง athaneekul ค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท