ในช่วงภาคเช้าของวันที่สอง (20 พ.ค.49) หลังจากหยุดพักเวที เปิดใจ อสม. นำโดยพี่พันธ์และพี่สมพงษ์แล้ว..มีสิ่งที่เป็นมิติใหม่สำหรับดิฉันที่ได้มาพบเจอ คือ สังคม KM ที่เป็นธรรมชาติมาก พี่พันธ์นำทีมเพื่อนแกนนำ อสม.มานั่งพูดคุยกันถึงทิศทางการขับเคลื่อน ที่ควรเป็นไปของชมรม อสม. ดิฉันลืมเล่าไปว่าภาคเช้ามีการเลือก..แกนนำ อสม. ขึ้น และคนที่ถูกเลือกก็ต่างมีความเต็มใจอย่างยิ่งในการทำภาระหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย...
พอช่วงพัก...แกนนำดังกล่าวก็มีการพูดคุย..กันอย่างจริงจัง
ขณะที่ดิฉันกำลังสาละวนกับการบันทึกข้อมูลเสียงลงในเครื่องคอม...ดิฉันได้หันมาเจอภาพการพูดคุยดังกล่าวนั้น
โดยมีท่านอาจารย์หมอวิจารณ์
คุณหมอยอร์น
และพี่ดำนั่งสังเกตความเป็นไปอย่างเงียบๆ
...ดิฉันไม่รอช้าคว้าสมุดและปากกา...เพื่อบันทึกมานั่งข้างพี่ดำ
และสังเกตความเป็นไป กลุ่มไม่มีท่าทีเกร็งหรือกังวลต่อการพูดคุย
ดูทุกคนต่างพยายามหาแนวร่วมและจุดร่วมของเส้นทางการเดิน...ไปของการทำงานขับเคลื่อนพลัง
อสม. ให้เกิดขึ้น ที่ดิฉันรู้สึกประทับอย่างมาก คือ
พี่ดำฐานะผู้รับผิดชอบงานที่มีความเกี่ยวข้องกับท่านๆ
อสม. เหล่านี้ไม่ใช่ผู้มาคอยชี้นำ ชี้แนะ อย่างที่เคยเห็น
แต่พี่ดำจะนั่งฟังเงียบๆ ให้กลุ่มดำเนินไปเอง แต่กลุ่มก็ไม่ลืมพี่ดำ
จนเมื่อเขาหาข้อสรุป..ที่ดูเหมือนจะเป็นไปได้จึงได้หันมาถามความเห็นพี่ดำ
ซึ่งพี่ดำก็สามารถต่อยอดสิ่งที่เป็นความรู้ได้อย่างลงตัว...มากกว่าเป็นการสั่งการ
บทสรุปที่ได้จากแกนนำคุยกันนั่นคือ ทิศทางการดำเนินไปของชมรม อสม. กระบวนการที่นำมาซึ่งการทำงานที่ไม่เน้นกรอบหรือรูปแบบมากนักหากแต่ขอเป็นอิสระ เพื่อที่จะได้ไม่ไปขีดเส้นกำกับการทำงานของ อสม. มากเกินไป และเพื่อให้เขาเกิดการสรรค์งานมากที่สุด และที่สำคัญจะต้องมีเวที ลปรร. อย่างน้อย 3 เดือนต่อครั้ง...จากการนั่งฟังนี้นี่แหละคือภาพที่ดิฉันอยากให้เกิดขึ้นในสังคมไทย คือ คนทำงานคิดเอง..ก่อเกิดการพัฒนาเอง...ด้วยพลังใจที่เขามีร่วมกัน มากกว่าที่จะเป็นการทำงานเพียงแค่ทำตามคำสั่งเท่านั้น หากคนในสังคมไทยสามารถสร้างพลังแห่งการสร้างความรู้และกระบวนการตรงนี้ได้เอง..สังคมไทยเราย่อมเข้มแข็งมากขึ้นเป็นแน่แท้
บันทึกนี้เขียนที่ GotoKnow โดย Ka-Poom ใน In Mind