จดหมายจาก "ใบไม้ร้องเพลง" l ถอดบทเรียนจากงานศพพี่นก


ได้เรียนรู้อะไรบ้าง


          จากการได้ไปร่วมงานศพของพี่นก Giant birth ตอนแรกที่รู้ว่าจะไปรู้สึกอึ้งค่ะ แต่ก็ดีใจที่พี่ปุ๋มให้โอกาส เหมือนหลุดอดออกจากความเศร้าหมอง ระหว่างหาตั๋วก็คิดว่า “ทำอย่างไร จึงจะให้ผู้อื่นเดือดร้อน น้อยที่สุด และถึงเร็วที่สุด” เดินหารถอยู่นาน รถรอบแรก ออกไปแล้วตั้งแต่แปดโมงครึ่ง ที่เหลือเป็น ป.2 หรือ ป.1 ไปลงจังหวัดใกล้เคียง และป.1 ออกประมาณเที่ยง สุดท้ายตัดสินใจว่าไป ป.2 เพราะได้ข้อมูลว่าจะถึงประมาณทุ่มกว่า ๆ และวิ่งจับเวลา บอกตนเอง “ยอมทนเหนื่อยหน่อย แต่ให้พี่ปุ๋มเหนื่อยน้อยที่สุด” แต่หนูก้ได้เรียนรู้ว่า จริง ๆ แล้วมันก็มีหนทางอีกเยอะ ที่จะไป ระหว่างการเดินทางช่วงแรก ๆ แม้จะรู้สึกรำคาญบ้าง แต่ใจหนูก็ฟุ้งซ่านน้อยลง เพ่งโทษน้อยลง รู้สึกได้ว่าสองสามวันที่ผ่านมา ใจหนูมันไปวิ่งขึ้นวิ่งลง หลงฟุ้งซ่านคนรู้สึกเหนื่อย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ค่ะ พอเดินทางถึงก็รู้สึกสบายอากาศ ณ จุดยืนรอพี่ปุ๋มดีมาก ๆ ใจสบายขึ้น ตอนไปรอบนี้ถามตนเองติ๋วคาดหวังอะไรรึเปล่า คำตอบคือ ไม่เลย ขอแค่ได้มา เป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว พอเห็นพี่ปุ๋ม มารับรู้สึกอุ่นใจ จริง ๆ ติ๋วไม่หิว แต่รู้สึกว่า ทานก็ได้ไม่ทานก็ได้ จึงเลือกที่จะทานที่บ้าน พอเห็นพี่ปุ๋มจะเจียวไข่ให้รู้สึกประทับใจ พอลงมือทาน ทั้งแม่ และพี่ป้อม ช่วยกันดูแล รู้สึกดีค่ะ แต่ติ๋วก็ทำตัวไม่ค่อยถูก

พอเดินไปหา หมอดาวและท่านอื่น ๆ แล้วได้คุยกัน เป็นบรรยากาศการคุยที่แปลก แต่ก็รู้สึกดี รู้สึกว่า พี่ปุ๋มเป็นคนคุมสถานการณ์ ไม่รู้ค่ะ รู้สึกได้ว่างานนี้พี่ปุ๋มเป็นที่พิงของใครหลาย ๆคน ติ๋วเองเลือกที่จะฟัง เพราะไม่รู้จะพูดอะไร พี่ชิวทำให้หนูได้เรียนรู้ว่า ท่านเก่งท่านมีวิธีคิดที่น่าทึ่งค่ะ หมอเอกก็เป็นคนที่มีเป้าหมายชีวิตของตนเองชัดเจน ทั้งหมอเอกและพี่ชิวทำให้หนูเห็นว่าทั้งสองท่านดำเนินชีวิตตามความมุ่งมั่นและเชื่อมั่นในตนเอง ส่วนหมอดาว เหมือนเป็นน้องน้อย ๆ ที่พี่ ๆ ส่งกำลังใจมาดูแล หนูรู้สึกว่าตลอดการสนทนาทุกคนเหมือนพยายามให้กำลังใจหมอดาวค่ะ  พอจะขึ้นนอนพี่ปุ๋มพาไปห้อง ตอนแรกนึกว่านอนด้วยกันกับพี่ปุ๋ม แต่พอรู้ว่านอนคนเดียวก็รู้สึกว่าพี่ปุ๋มเสียสละให้ติ๋วอยู่สบายมาก ๆค่ะ พอจะขึ้นนอนระลึกกับตนเองว่า นอนยังไงดีนะ ที่นอนครูบาอาจารย์ หนูจึงพยายามนอนให้เรียบร้อยที่สุด ตื่นมาประมาณตีสาม ฟังเสียงการเคลื่อนไหว ยังเป็นเงียบ ๆ จึงนั้งลงภาวนา ไม่นานได้ยินเสียงเดินเบา ๆ คิดว่าคงมีใครตื่นแล้ว ติ๋วจึงลงไป เข้าห้องน้ำเสร็จเห็นพี่ปุ๋มนั่งทำงานอยู่ ไม่รู้จะทำอะไร มองไปที่รูปพยายบาลของพี่ป้อม พี่ปุ๋มและพ่อ รู้สึกว่า “ท่านคงภูมิใจในลูกสาวทั้งสองของท่านมาก” พอพี่ปุ๋มถามว่าติ๋วทำอะไร จึงตอบพี่ปุ๋มว่า “ดูรูปค่ะ” พอเปิดดูไปเรื่อย ๆ เป็นความทรงจำที่น่ารักดี พอเห็นพี่ปุ๋มออกไปทำกับข้าวติ๋วจึงวาง แล้วไปช่วย ติ๋วพยายามมาก ๆจนเห็นว่าตนเองใช้ความพยายามมากเกินไปจนบางทีรู้สึกอึดอัด บางทีก็บ่นตนเองว่า “แทนที่จะมาช่วยพี่ปุ๋มกลับให้ท่านแบกภาระทางอารมณ์” ทำไปเรื่อย ๆ พอพี่ปุ๋มบอกว่า “ติ๋วกับพี่นกนี่เหมือนคนละขั้วพี่นกมีศรัทธาแต่ไม่มีโอกาส แต่ติ๋วมีโอกาสแต่ไม่ศรัทธา” ติ๋วก็รู้สึกว่า ใจตนเองเป็นด้าน ๆ อยากจะให้มันอ่อนค่ะ แต่มันก็ด้าน ๆ อย่างนี้ ไม่รู้ทำไง ก็แต่ทำในสิ่งที่ตนเองพอจะทำได้ ไม่รู้ว่าต้องทนกับความไม่ศรัทธาของตนเองไปถึงไหน ทำไมความสุขและความตั้งใจของหนูไม่ค่อยเกิดจากการปฏิบัติภาวนาสักที เกิดแต่ตอนที่ไปหลง ๆ ก็ถามในตนเอง


          พอได้มาจัดผลไม้หนูก็ตั้งใจ ๆ ทำให้ดีที่สุด บางทีก็มีเสียงทำให้สวย ๆ ทานง่าย ๆ สักพักก็บอกว่า “สวยเพราะแกเป็นคนทำรึ” มีเสียงตอบว่า “ทำให้ดีที่สุด เต็มที่ที่การทำ ผลก็แล้วแต่มัน” พอเห็พี่ปุ๋มลงมารู้สึกตกใจ เพราะชุดที่เตรียมมาคล้ายมาก ๆ ขึ้นไปบนห้อง ถามตนเองว่า “อะไรวะ แสดงว่าฉันเลียนแบบพี่ปุ๋มทั้งการแต่งตัวด้วยเหรอ หยิบเสื้อผ้าทั้งหมดที่เอามาออกมาคลี่ แล้วถามตนเอง อืมเสื้อผ้าชุดนี้ก็เป็นกระโปรงเก่าที่ใส่มานานตั้งแต่ ม.ปลาย จนถึงมหาลัย มาเลิกใส่ตอนจบตรี นึกย้อนไปในอดีตเป็นเด็กผู้หญิงที่ชอบใส่กระโปรงย้วยมาก ๆ จนหัดตัดไว้ใส่เอง” “แล้วอะไรทำให้เปลี่ยน” พอสังคมเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมเปลี่ยน แล้วทำไมช่วงนี้กลับมาใส่ อืม เพราะว่าเห็นพี่ปุ๋มใส่ใช่ไหม” แน่ ๆ เลย แล้วค่อยกลัยบมามั่นใจว่า อืม แสดงว่าของเดิมก็มีแต่ไม่ค่อยกล้าแสดงออก โอ้แสดงว่าจริง ๆ แล้ว ติ๋วมีของเดิมที่คล้ายพี่ปุ๋มอยู่บ้าง แต่ไม่กล้าเอาออกมา แต่พออยู่ใกล้ ๆพี่ปุ๋มแล้วมันค่อย ๆ ถูกดึงออกมา อืม แปลกจัง” ตอนอาบน้ำรู้สึกเจ็บ ๆ ที่แก้มซ้ายและหน้าผากซ้าย ลักษณะเป็นผื่นขึ้น คล้ายแพ้อะไรสักอย่าง นั่งทบทวนเมื่อวานเผลอเอาแก้มไปวางขอบหน้าต่าง อาจจะแพ้อะไรบางอย่าง แต่ก็บอกตนเองว่า ธรรมดา “เดี๋ยวก็หาย” แต่พอเผลอก็จับแก้มตนเองบ่อย ๆ พอใส่ชุดแล้วเดินออกมาเห็นหน้าพี่ปุ๋มก็รู้สึกเลยว่าสะดุด แต่ก็เป็นอย่างที่คิดไว้ สาย ๆ พี่ชิวมา หนูรู้สึกไม่คุ้นเคยที่จะรับรองใคร แต่พอพี่ปุ๋มบอกถึงสองครั้ง จึงได้ไปนั่งคุยท่านสอนพับนก รู้สึกว่ายากเหมือนกันค่ะ แต่ก็ช่วยฆ่าเวลาได้ดี
          พอพระอาจารย์จอร์นมารู้สึกโล่ง
          การมาฉันอาหารครั้งนี้รู้สึกว่าท่านเมตตามาก ทุกคนในบ้านรู้สึกเบิกบาน กระตือรือล้นที่จะได้ทำสิ่งต่าง ๆ พอพี่ป้อมและพี่หนิงมารู้สึก พี่หนิงมาด้วยใบหน้าที่ยิ้มเบิกบาน ตื่นเต้นดีใจ แม่ของพี่ปุ๋มท่านก็มีความสุข รู้สึกเป็นสุข


          พอเราจะไปที่วัดป่าสามัคคีกัน พอพี่ปุ๋มบอกว่าจะแวะรับหมอดาว รู้สึกว่าพี่ปุ๋ม เมตตามาก ๆ ดูแลและเอาใจใส่ทุกคนรอบกายอย่างเต็มที่และเป็นอย่างดี
          ไปร่วมงานศพของพี่ท่านหนึ่งมา พี่นกเป็นคนที่หนู คิดว่าสักวันคงได้เจอ เพราะคงมีโอกาสได้ไปยโสธรแล้วนั่งทานข้าวกับท่านแน่ ๆ จากที่คุยกันใน G2K และฟังเรื่องราวต่าง ๆ ของท่านจากพี่ปุ๋มก็รู้สึกว่า ท่านเป็นคนน่ารักคนหนึ่ง แล้วก็คงเห็นแพ็คคู่มากับหมอดาว เพราะอ่านทีไรก็คงมาด้วยกัน แต่ติ๋วก็ไม่คิดว่า ครั้งแรกที่เจอก็เป็นเหมือนครั้งสุดท้าย พี่นกจากไป อืม จากงานศพของท่านแสดงให้เห็นว่า คุณความดีที่ท่านทำ ศรัทธาในพระพุทธศาสนาที่ท่านมี เป็นสิ่งที่ยังคงอยู่ให้ผู้คนชื่นชม หนังที่นำมาแจกในงานเป็นเครื่องพิสูจน์ได้ในเบื้องต้น ว่าพระแต่ละท่านที่มา มาด้วยเมตตาต่อจิตใจที่พี่นกมีศรัทธาในศาสนา ผู้คนที่มาในงาน ทุกคนชื่นชมความดีงามที่พี่นก ทำ ทุกคนมาช่วยงานด้วยใจที่รักในความดีของพี่นก ลงมือทำในสิ่งที่ตนเองช่วยเหลือได้อย่างเต็มที่ และอีกอย่างที่ประทับใจคือ รู้สึกได้ว่า หมอดาวรักและเมตตาน้องแพนมาก ๆ  พี่ปุ๋มเป็นเหมือนผู้ดูแลคนทั้งคู่อีกที พอไปถึงงาน พี่ปุ๋มเป็นเหมือนศูนย์รวมกำลังใจของกลุ่มคนที่มาในงาน และช่วยให้เขาไม่เศร้า ไม่รู้ซิค่ะมันดี
          อืม หนูลืมเล่าไป รู้สึกประทับใจที่ได้กราบหลวงพ่อต้อ เจ้าค่ะ รู้สึกได้ว่าท่านเมตตา และหนูก็รู้สึกว่าคุ้นเคย แบบบอกไม่ถูกค่ะ ป็นงานศพที่หนูรู้สึกว่า โศกเศร้ากันน้อยค่ะ


 
          ภาพรวมที่หนูได้เรียนรู้คือ คนทำดี คุณความดีก็จะยังอยู่และเป็นที่รักของใคร ๆ และพี่นกก็สอนเรื่องอย่าประมาท ความตายจ่ออยู่ตรงหน้า  งานนี้ใครหลาย ๆ คนมาด้วยใจ ทั้งพระ ทั้งแขกค่ะ น่าทึ่ง
          ก่อนกลับได้รับกำลังใจจากพี่ปุ๋ม หนูรู้ว่าพี่ปุ๋มไม่ใช่แค่ให้มางานศพ ให้หนูมาเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ให้มาดูว่า คนทุกข์มันมีอีกเยอะ อย่างมัวจมอยู่แต่กับความทุกข์ของตนเอง อย่าเห็นแก่ตัว ถ้าหากพี่ปุ๋มไม่ออกแรง ติ๋วก็คงไม่กล้าไปงานนี้ เพราะยังจมอยู่กับสภาวะเดิม ๆ
          ระหว่างเดินทางกลับ พระอาจารย์และเฮียหมู ท่านเมตตา มาก ๆ เฮียหมูดูแลดี เห็นเฮียหมูแล้วติ๋วนึกถึงพ่อทุกครั้งเลยค่ะ พอมาถึง กทม. เฮียหมูขับมาส่งที่หอ พอท่านรู้ว่าหนูจำทางในกรุงเทพไม่ค่อยได้ ท่านก็รู้สึกเป็นห่วง เลยให้เบอร์มือถือท่านและแฟนไว้ บอกว่ามีอะไรก็ให้โทรมา หนูบันทึกไว้และรู้สึกขอบคุณท่านมากค่ะ
          งานนี้ไม่มีอะไรเป็นเงื่อนไขสำหรับผู้ที่ไปร่วมงาน ทุกคนไปด้วยใจ ไป ด้วยความรักและยกย่องในความดีงามของผู้ตายค่ะ

ขอบพระคุณพี่ปุ๋มค่ะ...

 

เรื่องเล่า "ถอดบทเรียน" ที่

ใบไม้ร้องเพลง

ส่งมาให้หลังจากไปร่วมงานศพพี่นก

เมื่อวันที่ ๓ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๒

 

หมายเลขบันทึก: 318063เขียนเมื่อ 4 ธันวาคม 2009 11:20 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 22:00 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)
พระมหาแล ขำสุข(อาสโย)

ได้พิจารณามรณานุสติให้เป็นดั่งดอกไม้อันงดงามเบ่งบานในใจตน

อนุโมทนา สาธุ

ขอแสดงความเสียใจด้วยครับ

ขอบพระคุณพี่ปุ๋มค่ะ ที่ให้โอกาส

น้องกะปุ๋ม

      พี่จัดทำบันทึกเกี่ยวกับคุณนก กัลยาณมิตรที่แสนดีของพวกเราเสร็จแล้วครับ หากมีบันทึกใดสามารถปรับปรุง/เพิ่มเติม/แก้ไขได้ ก็ยินดีรับคำชี้แนะอย่างยิ่งนะครับ 

                  

ขอบคุณมากครับ

ด้วยความอาลัย และ เสียใจอย่างสุดซึ้ง แด่ นก จะระลึกถึงเสมอ ด้วยความไม่ประมาทในการดำเนินชีวิต

" อุ้มบุญ"

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท