สุนทรียโสเหร่ l "ใจ" นำทางพามา


"สุนทรียโสเหร่"... จะมีขึ้นอีกครั้งพรุ่งนี้ค่ะ วันอาทิตย์ที่ ๑๕ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๕๒

เดิมทีจะใช้คำว่า "สุทรียเสวนา" แต่ท่านพระอาจารย์ต้อ ท่านพูดขึ้นมาว่า "มาโสเหร่อะไรกันอีกนี่..." (ภาษาอิสาน) กะปุ๋มก็เลยนำมาผนวกกันค่ะว่า...

"สุนทรียะ + โสเหร่" = สุนทรียโสเหร่

โสเหร่ แปลว่า การพูดคุยกัน...

พูดคุยกันอย่างไร้รูปแบบ ไร้กรอบ หากแต่มี "ใจ" นำพามาพบกัน มาบอกเล่ากันด้วยใจ และฟังกันด้วยใจ ใจแห่งความเป็นกัลยาณมิตร ...

เมื่อครั้งก่อน เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๘ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๕๒ เราได้ "สุนทรียโสเหร่" กันในเรื่องของ "การทำอาหาร" พุ่งเป้ามาที่กะปุ๋มเลย ความเบิกบานใจ ความเห็นอกเห็นใจ ส่งผ่านมาทางแววตา "ทำอะไรมาก็มากมาย แต่ทำอาหารแบบไม่ได้เรื่องเลย" 555 ประมาณนั้นน่ะค่ะ ...ยายธี (คุยกับยายธีในบันทึก http://gotoknow.org/blog/kapoomr2r/313147)

ไม่ว่าจะน้องตาลและหมอเอก...

ทั้งคู่ส่งมาเต็มที่เลย แววตาแห่งความเห็นอกเห็นใจ แต่กะปุ๋มว่า "พี่กะปุ๋มผู้น่าสงสาร...ทำไมทำกิจเช่นนี้ไม่ได้เรื่องเลย ...ฮา"...

เป็นความเรียบง่าย ไม่ต้องมากะเกณฑ์อะไร ใครพร้อมใครมาก่อน...หอบหิ้วหัวจิตหัวใจมาพบกัน ... มาด้วยใจรัก ด้วยการบอกกล่าวจาก พี่นก Giant bird ทำตาละห้อย ...แววตาเว้าวอน อยากคุยกับ อ.กะปุ๋ม แต่จะทำอย่างไรเล่า ในเมื่อเสาร์-อาทิตย์ เราใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านพักที่ขอนแก่น แต่น่านะ...เสียสละ ที่วัดน่ะ ก็เป็นพื้นที่ของหลวงปู่ท่าน พื้นที่ของพระผู้นำพาท่าน... เป็นบ้านแห่งการพักพิงของเด็กๆ ที่พลาดแต่ได้รับโอกาส...เรากลับไปบ้างก็ดีเหมือนกัน เสียสละประมาณว่า "ขัดใจกู ฝืนใจกู" (สำนวนจากท่านผู้นำพา สอนสั่งเสมอว่า ...ละตนออก เห็นแก่ผู้อื่นบ้าง"...

ย้อนกลับมาเล่าเรื่อง...หัวใหญ่ในการเล่าเรื่องกัน...

น้องตาลเห็นใจพี่กะปุ๋มมาก...เรื่องทำ "สุกี้น้ำเปล่า" ที่ใครซดน้ำก็ต่างส่ายหน้าด้วยความว่า อืม..ไม่ได้เรื่องเลย... เมตตาพี่กะปุ๋มด้วยการแนะนำให้ใช้ "น้ำมะพร้าวอ่อน" มาลองทำน้ำซุปดู ซึ่งน้องตาลบอกว่าพี่กะปุ๋มจะลดภาระการปรุงได้เลย...อืม น่าสน น่าสน...

เพียงแค่การได้มาเจอกัน มาบอกเล่าเรื่องราว "สุนทรียแห่งใจ" นี่โสเหร่ บอกกล่าวต่อกันและกัน เป็นเรื่องของการแบ่งปันใจแห่งความงดงาม เสมอเหมือนการชาร์ตแบตเตอรี่ให้กับใจ ให้ใจนี้มีกำลังที่จะไปขับเคลื่อนพลังแห่งความดี แห่งความเสียสละตนต่อการทำการงานเพื่อผู้อื่น...

ไม่มีกฏเกณฑ์ ไม่มีพวกพ้อง ไม่มีกลุ่ม ไม่จำกัด... ไม่จำเป็นต้องมีแนวคิดคล้ายกัน หากแต่เพียงแค่ขอมี "ใจ" ใจนำพาเท่านั้น ก็เพียงพอต่อการได้มาเจอ มาพบ มาคุย มาแบ่งปัน...

 

หมายเลขบันทึก: 313503เขียนเมื่อ 14 พฤศจิกายน 2009 20:02 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 21:54 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

ไม่มีกฏเกณฑ์ ไม่มีพวกพ้อง ไม่มีกลุ่ม ไม่จำกัด... ไม่จำเป็นต้องมีแนวคิดคล้ายกัน

หากแต่เพียงแค่ขอมี "ใจ" ใจนำพาเท่านั้น ก็เพียงพอต่อการได้มาเจอ มาพบ มาคุย มาแบ่งปัน...

ชอบแวะเข้าไปคุยตามหัวเรื่องบันทึกที่สนใจค่ะ

ซึ่งมีหลากหลายแนวนะคะ แต่ชอบแต่งกลอนมากหน่อย

ขอคุยด้วยซักคนนะคะ

เรียน อ.kapoom ผมยืนยันนะครับว่า เรื่องใช้น้ำมะพร้าว ทำซุปนี้อร่อยจิงๆครับ หอมด้วยๆๆๆ พิสูจน์แล้วครับ มิได้เป็นเพียงทฤษฎี ส่วนการสุนทรีรียโสเหร่ในคราถัดไป คงมิอาจได้ร่วมด้วย เพราะติดภารกิจ ถ้ามีโอกาสจะไปด้วยอีกนะครับ ฝากเรียน พระอาจารย์ต้อด้วยนะครับว่า ถ้าผมตัดสินจะบวช วัดป่าหนองไคร้จะเป็น candidate ที่1 ในการบวชครับ

ยินดีเลยค่ะ...พี่ครูอี๊ด

มานั่งล้อมวง...เพียงแค่ได้พูด ได้แบ่งปันเรื่องราวดีดี เกิดการเชื่อมต่อในสิ่งที่เราได้มองเห็น ได้ยินได้ฟัง... เป็นการสัมพันธ์ด้วยจิตด้วยใจ... เท่านี้ก็เพียงพอแล้วค่ะ กะปุ๋มเชื่อว่าพี่ครูอี๊ด นั้นน่ะมี "ใจ" นำพามาค่ะ

(^__^)

เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นน่ะคะ...

แล้วหากมีเวลา "อาหาร"ที่เราตั้งใจร่วมกันถวายพระท่าน สักวันคงได้มีโอกาสประสานฝีมือกับน้องตาลนะคะ...

เดี๋ยวเล่าให้คนอื่นรับรู้ด้วยดีกว่า...

"น้องตาล" น่ะทำกับข้าวอร่อย รสชาติใช้ได้... รับรองโดยหมอเอก

แต่...พี่กะปุ๋มน่ะ หน้าตาการจัดอาหารใช้ได้ น่าทาน แต่รสชาติอาหารไม่ได้เรื่องเลย

ในวงเสวนาก็เลยลงความเห็นว่า สองคนนี้น่าจะมาร่วมกันทำ ... ช่างเป็นไอเดียบรรเจิดดีแท้... สักวันก็อาจจะได้มีโอกาสได้ชิมอาหารฝีมือน้องตาลนะคะ โดยเฉพาะน้ำซุป จากมะพร้าวอ่อน...

(^___^)

เดี๋ยวพรุ่งนี้จะกราบท่านพระอาจารย์ต้อ ...ว่าท่านอาจได้หมอฟันมาปฏิบัติภาวนาร่วมกัน

ดีดี จะได้ชวนน้องตาลมาภาวนาที่วัดด้วย เพราะมีทั้งกุฏิแม่ชี และห้องพักศาลาสาม สำหรับแม่ออกด้วย ...

สวัสดีค่ะอาจารย์

การทำอาหารก็เหมือนการภาวนานั่นล่ะค่ะ

อร่อยบ้างไม่อร่อยบ้าง แต่ว่า!!วัตถุดิบที่อาจารย์กะปุ๋มนำมาปรุงมีแต่ของดีมีประโยชน์ทั้งน้าน!!!!

ท่านพระอาจารย์ชิมแล้ว จะภาวนาผ่านการงานได้อย่างลื่นไหล ปล่อยวางได้อย่างดีทีเดียวเชียวล่ะค่ะ

อาหารหล่อเลี้ยงชีวิต รสชาติเป็นเช่นนี้เอง 5555

อ่านชื่อเรื่อง รู้สึกสะดุดใจค่ะ แต่พอมาทราบความหมายแล้ว โอ้ คิดได้ไงค่ะเนี๊ย

อ่านจากเรื่องเล่าของพี่ปุ๋ม แล้วรู้สึกว่า บรรยากาศคงชื่นมื่นเบิกบาน

อืมครานี้ อาหารต้องรสเลิศน่าลิ้มลองแน่ ๆ เลยค่ะ สู้ ๆ ค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท