เมื่อก่อนเวลาที่ใคร เข้ามาครอบงำ ครอบครองความคิด ชีวิตและจิตใจมากข้าพเจ้าจะรู้สึกรำคาญ... ประมาณว่า "อย่ามายุ่งกับเรามากได้ไหม"...
ใจนี้กระด้าง...มาก
จะใช้วิธีการหนี บางครั้งนั้นไม่รู้ตัวว่า "เจตนา" ที่บุคคลนั้นส่งมานั่นน่ะเป็นเช่นไร ยิ่งโดยเฉพาะแม่... แม่นั้นจะรู้นิสัย "ลูก" นี้ดียิ่งนัก เพราะแม่นั้นน่ะฟูมฟักบ่มเลี้ยงลูกมาด้วยสองมือแม่เอง
แต่ใจที่หยาบกระด้างเรานี่สิ ที่ยึดอยู่ในตัวในตนเรา ...
ไม่ชอบในความใส่ใจของแม่...กลับไปตีความให้เกิดเป็นความรู้สึก "รำคาญว่าแม่จู้จี้" จนบางครั้งต้องวิ่งหนีไปไกลแสนไกล...แต่หารู้ไม่ว่าจริงๆ แล้วการวิ่งหนีหรือการตั้งกฏเกณฑ์อะไรมากมายในชีวิตเรานั้น เพียงเพราะเราต้องการวิ่งหนีให้ไกลไปจาก "ใจ" เราเอง
วิ่งไปไหน หลบอยู่ที่ไหน...กลับหนี้ไม่พ้นเสียที
ไม่พ้นไปจากความรู้สึกยึดเหนี่ยวและรั้ง "ตัวตน" นี้ไว้
จะนำพาตนออกไปให้เป็นไปตามการบ่มหรือเบ้าหลอมแบบใดก็ตาม แต่...พื้นแห่งความเป็น ทีได้เป็นเมื่อเกิดครั้งนี้...ก็หนีห่างออกไปได้ไม่พ้น
เมื่อหยุดวิ่งหยุดหนี "ตน" แต่หากทำความรู้จักตนลงไป...
อ้อ...ไอ้เจ้าตัวเจ้าตน มันเป็นเช่นนี้นี่เอง แล้วจะทำอย่างไรเล่า ณ ขณะที่ยังมีชีวิตนี้อยู่จะดำรงอยู่กับเจ้าตัวเจ้าตนนี้ได้อย่างไรกันนะ?
ก็ต้องมาทำความรู้จักกับมันก่อนสิ...
เอาง่ายๆ ก่อน... เจ้าความรู้สึกที่รำคาญ เมื่อมีคนมาใส่ใจมากๆ นี่คือ อะไรกันนะ...
อืม...
ก็คือ...เจ้าความที่เห็นแก่ตัวนี่สิ เห็นแก่อารมณ์ เห็นแก่ความรู้สึกนึกคิดของตนฝ่ายเดียว เห็นแก่การกระทำของตนเท่านั้นเอง แต่ "ลืม" ใส่ใจลงไปในอารมณ์ ความรู้สึก ความนึกคิด และการกระทำของบุคคลอื่น...
ใจนี้ทำไมหยาบจังเลยนะ ใจนี้ทำไมขาดซึ่งความเห็นอกเห็นใจ ขาดซึ่งความเข้าใจ
การที่แม่...ใส่ใจเรามากนี่ เพราะอะไรล่ะ...?
ก็ไม่ใช่เพราะแม่...คือ แม่เหรอ ไม่ใช่เพราะแม่ห่วงใยเหรอ ไม่ใช่เพราะใจแม่นี้ผูกพันกับลูกเหรอ...ใจเราทำไมมองไม่เห็นในเจตนาที่ซ่อนอยู่ภายใต้การกระทำนั้นน่ะ ทำไมใจเราถึงไปรำคาญ...
หรือแม้แต่บุคคลอื่นก็ตาม...รำคาญทำไม ผลักไสเขาไปทำไม
ทำไมเราไม่นำพา...ใจของเรานี้ นำพาใจแห่งบุคคลอื่นให้ก้าวไปสู่สภาวะแห่งความร่มเย็นนะ... ทำไม?
เอาล่ะ...เมื่อพิจารณามาได้ถึงเหตุนี้ ก็ได้เปลี่ยนใจนี้ให้ฝึกฝนความละเอียดมากขึ้นนำพาใจเข้าไปเผชิญต่อสภาวะที่รู้สึกรำคาญและตีความว่า "จู้จี้" เมื่อใจเรานั่งลงเผชิญหน้าด้วยความนิ่งเย็น ด้วยลมหายใจเข้าและออก...
ทำให้เราได้มองเห็นใจอีกฝ่าย...ใจแห่งความหวังดี ปรารถนาดี แม้ว่าบางครั้งความหวังดี ความปรารถนาดี ความห่วงใยอาจมากเกินพอดีในความรู้สึกเรา แต่นั่นน่ะก็เพราะความเป็นไปในบุคคลนั้น เราฝืนใจเรา เราปรับใจเราให้เข้าใจไม่ดีกว่าเหรอ ให้ยอมรับในความเป็นไปของบุคคลนั้นด้วยความเข้าใจ...
เมื่อเราเข้าใจว่าเขาเป็นเช่นนี้...ใจเราจะมองเห็นความงดงามในจิตใจของบุคคลนั้นอย่างมากมาย...ดั่งเช่น "จิตใจแห่งความเมตตาของผู้เป็นแม่"
ความรู้สึกที่เคยรำคาญอยากผลักไส...จะสลายตัวจางลงไป
ความเข้าใจจะเข้ามาแทนที่...และเราจะนำพาเขาไปในสภาวะแห่งความสงบนั้นได้ด้วยใจที่สงบของเรา...
ความเผชิญอยู่ ไม่หนี...และอยู่ด้วยใจเบาเบา...ใจที่เข้าใจ
เราจะมองเห็นว่า "ความจู้จี้และความใส่ใจ" นั้นใกล้กันนิดเดียวเอง
แล้วเราจะรู้ซึ้งผัสสะแห่งใจที่ละเอียดอ่อนขึ้น...ในใจเรา
เห็นด้วยครับผม...
และยังมีอีกหลายการกระทำทางบวกที่หลายคนเห็นเป็นความรู้สึกทางลบนะครับเพราะความใกล้กันนี่เอง...
อยู่ที่ "ใจ" เราจริง ๆ นะครับ...
ขอบคุณครับผม...
เราจึงได้เกิดมาเพื่อเรียนรู้เรื่อง "ใจ" งัยคะ...
เรียนเพื่อให้รู้...เพื่อที่จะได้ไม่ต้องกลับมาเรียนเรื่องนี้อีกต่อไป
ดีใจค่ะ...ที่แวะเวียนมาทักทาย
(^__^)