ครูเพื่อศิษย์ l รู้มากฝึกฝนตนยากจริงเหรอ?


คนรู้มาก...นี่ฝึกฝนตนยากเหมือนกันนะ...

คนรู้มาก...นี่มักจะเดินทางแสวงหาครูสอนตน สอดส่องดูว่าครูคนไหนเก่ง ครูคนไหนเป็นที่นิยม ... ก็จะตระเวณไป ตระเวณไป

อะไรในเนื้อหาในหนังสือธรรมะนี่รู้หมด ท่องได้หมด เพราะธรรมชาติให้เนื้อสมองในการเรียนรู้ได้มากดี แต่เสียอย่างเดียวฝึกฝนตนเองนี่ก็ยากอยู่นะ เพราะอะไรล่ะ?

ก็เพราะได้เจ้าความรู้มากนี่แหละ ... คำสอนของครูบาอาจารย์ก็เอามาตีความ มาคิด มาวิเคราะห์ มาพิจารณาอยู่นั่นแหละว่า ว่ามันใช่เหรอ มันจริงเหรอ...

"รู้มาก...หลงมาก" อย่างที่ท่านว่านั่นแหละ

ลอกเลียน copy ไปในความถูกที่มันผิด โดยปราศจากการน้อมเข้ามามอง มาพิจารณาในตนเอง แทนที่ว่านะ... จากคำสอนหรือองค์ความรู้ต่างๆ ที่ตนเองได้รับนั้นจะนำมาทบทวนกับตนเอง แต่กลับนำมาเพ่งโทษ และคิดว่าตนเองนั้นดีกว่า ชัดเจนกว่า แน่กว่า รู้มากกว่า ถือหนังสือธรรมะว่อนไปทั่ว เพื่อให้ผู้คนได้รู้ได้เห็นว่า "ฉันนี้นะคือ ผู้ศึกษาในพระธรรม"

หากถามว่าดีไหม ... ก็ดีอยู่นะ

แต่ขาดนิดเดียว่า นำมาใช้ในวิถีชีวิต วิถีประจำวันของตนเองไม่ได้...

_________________________________________________________________________________________

ที่มา จากบันทึก เงิน คือ กรรม

_________________________________________________________________________________________

หมายเลขบันทึก: 307046เขียนเมื่อ 20 ตุลาคม 2009 05:15 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 21:44 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

ธรรมะนั้นเป็น "ของสูง" คนที่รู้ธรรมมาก ๆ ก็เลยจะกลายเป็น "คนสูง" แล้วสมมติตนนั้นว่าสูงกว่าคนอื่น

คนที่รู้สึกว่าตัวเองเก่งเรื่องทางโลกแล้ว ยังไม่สู้กับคนที่รู้สึกว่าตนเองนั้นเก่งทางธรรม

คนที่รู้สึกว่าตนเองเก่งทางเรื่อง "ธรรมะ" นั้นจะสมมติตน ยกตน หลงตนให้สูง ให้เหนือกว่าคนที่เก่งทางโลกเสียอีก

"หลงธรรม" นี้น่ากลัวกว่า "หลงโลก" อีกนะ

หลงโลกเวียนว่ายตายเกิดไป เวียนว่ายตายเกิดมา ยังจะหมดภพหมดชาติเร็วกว่าคนที่หลงธรรมแล้วขึ้นไปติดอยู่บนสวรรค์เป็นเทพ เป็นพรหม

ไฟที่กว่าร้อนนั้น ตนเองจับอยู่ยังรู้สึกร้อน จับแล้วยังรู้จักสะบัด รู้จักปล่อย

แต่น้ำเย็นที่ว่าเย็นนั้น มันนำความเย็น ความสบายแบบฉาบฉวย

ดื่มน้ำเย็นเข้าไปเรื่อย ๆ ดื่มน้ำเย็นเข้าไปในขณะร่างกายร้อน ๆ มันเป็นเหมือนระเบิดเวลาที่สุมอยู่ภายใน รอวันสปาร์ค รอวัน "ระเบิด"

มือหนึ่งที่จับไฟอยู่ร้อนก็รู้จักปล่อย แต่อีกมือหนึ่งที่จับก้อนน้ำแข็งอยู่เย็นสบาย พอรู้สึกตัวอีกที "มือชา" หมดความรู้สึกจะปล่อยก็ไม่ทันการณ์แล้ว...

ระวังอย่าให้ติดกับเรื่อง "สมมติในธรรม"

เรื่องสมมติในธรรมนั้นก็ได้แก่ ชื่อเรียกอันโน้น นิยามศัพท์อันนี้ หลักการอันโน้น ทฤษฎีอันนี้

ตอนที่พระพุทธเจ้าท่านปฏิบัติ ท่านตรัสรู้นั้นไม่มีชื่อเรียกอย่างนี้หรอก

ชื่อพวกนี้ "ผู้รู้" มาสมมติมาตั้งชื่อเอาเอง

ว่าทำอันนี้เป็นอย่างนี้ ชื่ออย่างนี้

ปฏิบัติถึงขั้นนี้ เป็นอย่างนั้น เรียกอย่างนั้น

พอรู้มากก็ "สงสัย" มาก สงสัยเพราะ "รู้ก่อนทำ"

การรู้ก่อนทำนั้นจะทำให้ทำ "สร้างภาพ" ที่เป็นตุ๊กตาขึ้นมาก่อน

จากนั้นเราถึงจะค่อยหา ค่อยทำ ค่อยสร้างสรรค์ "กรรม" ให้เป็นไปตามภาพที่สร้างขึ้นมา

หลุมพรางของนักปฏิบัติก็อยู่ตรงที่ติด "ภาพมายา" แบบนี้แหละ

พอสร้างภาพปุ๊บ หัวสมองก็นึกถึงหนังสือ นึกถึงทฤษฎีปั๊บ

พอนึก "ถึง" ได้แล้วก็นึกว่าตัวเอง "ถึง" แล้ว...

เรื่องธรรมะนั้นเป็นเรื่องปล่อย เรื่องวางนะ

ความรู้ที่เขาสมมติขึ้นมาบนโลกก็ปล่อยไว้บนโลกอย่างนี้แหละ

ความรู้อันได้แก่ "วิชาการเรื่องธรรมะ" ก็เช่นเดียวกัน เกิดขึ้นมาบนโลกก็ปล่อยไว้บนโลกนี้แหละ

ลืม ๆ วิชาการไปบ้างก็ได้...

เจ้าค่ะ

กราบขอบพระคุณครูบาอาจารย์ที่เมตตาเตือนสติ

หลังจากที่ครูเตือนสติเมื่อคืน

รู้สึกตกใจเหมือนโดนน๊อค ค่ะ

มึนงง อึ้ง กังวลและอ่อนแรง

ปิดเครื่องแล้วเข้านอน

 

ตื่นเช้ามาเห็นครูกะปุ๋มเปิดกระทู้นี้ ยิ่งรู้สึกตกใจ

มีเสียงขึ้นมาว่า "ตายแล้วทำไงดีนี่"

ต้องมีอะไรที่ผิด ไม่เหมาะไม่ควรแน่ ๆ

แต่ใจมันยังเป็นฝืน ๆ

บอกตนเองว่า "ยังไงก็ต้องทำตามที่ครูบอกไว้ก่อน"

จัดการลบ file เสียงทั้งหมดทิ้ง

รู้สึกเสียดาย เพราะยังไม่ได้ถอดความ

แต่ก็ต้องตัดใจ

 

ครูกะปุ๋มพูดไม่เคยผิด

ความเศร้า ความกลัว ความกังวล กระแทกเข้ามาในใจ

อะไรนะ ทำไม มันเป็นแบบนี้ ยิ่งคิดยิ่งเศร้า

 

หลังทำวัตรเช้าไปวิ่งออกกำลังกาย

และใส่บาตร อธิฐานขอให้กระจ่าง

วิ่ง ๆ ไป หายใจ ๆ หายใจ

เศร้ามาอีกแล้ว หายใจ ๆ โอ๊ยอึดอัดค่ะ ทุกข์

 

 

 

กลับจากออกกำลังกาย

ทำเปิดกระทู้นี้ เห็นท่านสุญญตาเมตตามาตอบในความคิดเห็นที่ 2

ยิ่งช่วยตอกย้ำความเชื่อมั่นใน ครูกะปุ๋ม

 

ย้อนกลับไปอ่าน ความคิดเห็นที่ 6 ในบันทึก หลุมพรางของการ “พัฒนางาน...”

เหมือนท่านเมตตาเคาะกะโหลกหนา ๆ

 

ว่ายังไม่รู้ตัวอีกเหรอ จมอยู่ในก้นหลุมพรางจนมิด

ยังคิดว่ายืนอยู่บนหลุมอีก

จึงรู้สึกโล่งขึ้นมา

 

รีบโทรหาครูกะปุ๋ม แล้วท่านก็โทรกลับมา

กราบขอบพระคุณท่านที่เตือนสติและขอคำชี้แนะ

ท่านบอกว่า วันนี้หนูไม่ค่อยมีสติ ให้ภาวนามาก ๆ

ให้ภาวนาแล้วถอดบทเรียนว่าได้เรียนรู้อะไรบ้าง

 

เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้หนูได้เรียนรู้ว่า

หนูยังหาตนเองไม่เจอ

หลายสิ่งหลายอย่าง หลายบันทึก

หลายความคิดเห็น เป็นความคิด เป็นจินตนาการ

ยังไม่ใช่สิ่งที่ปรากฏในตนเอง

เป็นความรู้ที่ได้จากการอ่านและจำ ๆ ไม่ใช่ปัญญา

 

เขียนถึงตรงนี้ ความเศร้า ความกลัว

ไหลเข้ามาในใจค่ะ ขออนุญาตหายใจก่อนนะคะ

เหมือนจะเขียนต่อไม่ได้ อยากจะร้องไห้

น้ำตามันไหลพราก........

รีบดึงลมหายใจเข้า ผ่อนลมหายใจออก

จะให้ความกลัวเสียภาพพจน์ มาครอบหัวไม่ได้เด็ดขาด

นักสู้ต้องห้าวหาญ กล้าทำกล้ารับ

กล้าชั่วก็ต้องรับผล รับอย่างองอาจ

 

หนูผิดไปแล้วเจ้าค่ะ

กราบขอขมาครูกะปุ๋มและท่านสุญญตาที่เมตตาเตือนสติ

ท่านเมตตาอดทนสอนสั่งหนูมาตลอด

หนูจะตั้งใจภาวนา ไม่ให้ความอวดดี มีโอกาสโผล่หน้ามาอวดฉลาด

และจะตั้งใจค้นหาตนเอง เพื่อคืนชีวิตชีวาให้ตนเองอย่างที่ครูกะปุ๋มแนะนำเจ้าค่ะ

 

                                          กราบขอบพระคุณที่เมตตาเจ้าค่ะ

 

ใบไม้ร้องเพลง เราจะขนาบท่านแล้ว ขนาบท่านอีก

เหล็กที่เขาเอามาทำมีด ทำดาบ กว่าจะเป็นรูป เป็นร่างได้ เขาก็ต้องใช้ทั้งไฟเผาให้แดง ใช้ทั้งฆ้อนทุบให้แบน

พอเป็นรูปเป็นร่างแล้วก็ยังไม่พอ ยังจะต้องมาใช้ตะไบฝนให้คมอีก

เหล็กนั้นก็เหมือน ใบไม้ร้องเพลง  ในตอนนี้ เหล็กนั้นต้องยอมเจ็บเพื่อให้ตนเองนั้นมีคุณค่าและประโยชน์ต่อบุคคล สังคมและ "ส่วนรวม"

มีดที่คม ที่แวววาว โจรเห็น ขโมยเห็นก็วิ่งเหมือนกันนะ...

  • สวัสดีค่ะ
  • แวะมาให้กำลังค่ะ
  • มีความสุขมาก ๆ ในชีวิตการทำงานนะค่ะ

กราบขอบพระคุณความเมตตาของคุณครูพี่กะปุ๋มและท่านพระอาจารย์สุญญตาเจ้าค่ะ

หนูจะอดทน อดทน อดทนทุกลมหายใจเจ้าค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท