เรามักจะนึกว่าโลงไม้พบเฉพาะที่อำเภอปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอน การสำรวจในอดีตทำให้ทราบว่ามีการพบตามแนวเทือกเขาตะวันตก จากแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ มาถึงจังหวัดกาญจนบุรี งานเขียนชิ้นนี้เป็นส่วนหนึ่งของผลงานวิจัยโครงการโบราณคดีบนพื้นที่สูงในอำเภอปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอน
วัฒนธรรมโลงไม้: พิธีกรรมความตายในเทือกเขาตะวันตก
ความตายเป็นเรื่องสำคัญต่อคนในทุกสังคมตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน การปลงศพและพิธีกรรมที่เกี่ยวข้องกับความตายมีความซับซ้อนตามความเชื่อและระดับของสังคม การปลงศพโดยใส่ร่างของคนตายในโลงเป็นพัฒนาการสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน โลงไม้คือโลงบรรจุศพที่ทำจากไม้นานาชนิดขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมของแต่ละชุมชน ซึ่งพบทั่วไปในสังคมมนุษย์ทั้งโลกตะวันตกและตะวันออก
ลักษณะของการทำโลงศพของแต่ละวัฒนธรรมก็จะแตกต่างกันไป บางวัฒนธรรมก็จะทำโลงโดยการขุดเนื้อไม้จากลำต้นออกและตกแต่งผิวด้านในและด้านนอก
บางวัฒนธรรมก็แปรรูปไม้ทำเป็นแผ่นแล้วประกอบกันเป็นโลง การนำร่างของผู้ตายมาใส่ไว้ในโลงแทนที่จะฝังร่างในดินเลย หรือห่อหุ้มด้วยฟากไม้/เครื่องจักสาน มักจะพบในสังคมที่มีการทำกสิกรรมแล้ว จากแหล่งโบราณคดีประตูผา จังหวัดลำปาง
หลักฐานทางโบราณคดีของการปลงศพที่มีการใส่ศพในโลงไม้ที่มีอายุเก่าแก่ของภูมิภาคเอเชียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้น จัดอยู่ประมาณช่วงยุคสมัยโลหะ
สำหรับในประเทศไทย มีหลักฐานพัฒนาการของการปลงศพและพิธีกรรมเกี่ยวกับความตายที่เก่าแก่ที่สุดคือการฝังศพตามถ้ำหรือเพิงผาต่างๆ ในสมัยปลายสมัยไพลสโตซีน-ต้นสมัยโฮโลซีน หรือสมัยหินเก่า-หินกลาง (ประมาณ 25,000-7,500 ปีมาแล้ว) ซึ่งมักจะพบเป็นการนำร่างฝังในหลุมแล้วกลบดินทับอีกครั้ง โครงกระดูกที่พบส่วนใหญ่อยู่ในท่านอนงอตัว เอียงไปข้างใดข้างหนึ่ง เหมือนกับท่านั่ง
ต่อมาในสมัยโฮโลซีนตอนกลาง-ปลาย หรือสมัยหินใหม่และโลหะ (ประมาณ 5,600-1,500 ปีมาแล้ว) รูปแบบการฝังศพยังคงเป็นการฝังลงในหลุม แต่ท่าวางศพเปลี่ยนเป็นการฝังศพที่นอนหงายเหยียดยาว พร้อมกับมีของเซ่นไหว้ภายในหลุมศพ
บางกรณีก็มีการห่อหุ้มศพด้วยฟากไม้แล้วขุดหลุมฝัง เช่น ที่แหล่งโบราณคดีประตูผา จังหวัดลำปาง
หรือการฝังลงในหม้อขนาดใหญ่ ที่พบจากแหล่งโบราณคดีโนนวัด จังหวัดนครราชสีมา อย่างไรดีตาม ในสมัยที่มีการใช้โลหะจะเริ่มปรากฏการปลงศพที่หลากหลายรูปแบบที่นอกเหนือไปจากการฝังดินในภูมิภาคต่างๆ ของประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นการฝังศพครั้งที่ 2 ในไหที่พบอย่างกว้างขวางในแหล่งโบราณคดีในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
หรือการฝังศพครั้งที่ 2 ที่ฝังลงในดิน ที่แหล่งโบราณคดีบ้านดอนตาเพชร
หรือ การฝังศพในโลงไม้ที่พบในแนวเทือกเขาตะวันตกของประเทศไทย
ในที่นี้ ผู้เขียนจะขอกล่าวถึงเฉพาะแหล่งโบราณคดีที่พบโลงไม้ โดยเฉพาะแนวเทือกเขาตะวันตกของประเทศไทยพบโลงไม้ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันตั้งแต่แม่ฮ่องสอน
สำหรับแบบแผนของวัฒนธรรมโลงไม้ที่พบในจังหวัดกาญจนบุรีนั้นไม่ทราบแน่ชัดว่าเป็นอย่างไร แต่มักจะพบภายในถ้ำ โลงจะวางในตำแหน่งที่เป็นคูหาชั้นใน ส่วนที่มืด เช่นถ้ำเรือ ถ้ำองบะ เป็นต้น แต่ก็มีกรณียกเว้นคือถ้ำอาบยา ซึ่งเป็นพื้นที่ค่อนข้างจะสว่างและโล่ง และโลงไม้ส่วนใหญ่ทำจากไม้แดงและไม้ประดู่ ส่วนของหัวโลงมีการแกะสลักเป็นรูปต่างๆ คล้ายกับรูปสัตว์บ้าง โลงส่วนใหญ่วางอยู่บนพื้นหรือพาดบนก้อนหิน ไม่ได้วางอยู่บนเสาไม้หรือคาน ถ้ำส่วนใหญ่มักจะมีการรบกวนและเคลื่อนย้ายโลงไม้ ถ้ำที่เป็นสุสานไม่มีความซับซ้อนหรือเข้ายากเหมือนกับที่แม่ฮ่องสอน
แหล่งโบราณคดีที่สำคัญในจังหวัดกาญจนบุรีที่มีการศึกษาและขุดค้นคือ ถ้ำองบะ อำเภอศรีสวัสดิ์ ซอเรนเซน นักโบราณคดีชาวเดนมาร์ก รายงานว่าโลงไม้ที่พบภายในถ้ำมีการรื้อค้นและเคลื่อนย้ายจากตำแหน่งเดิมโดยนักลักลอบขุดของเก่า โลงไม้ทั้งหมดที่พบมีจำนวนถึง 90 โลง ขนาดความยาวระหว่าง 3-3.5 เมตร บางโลงยังคงเหลือร่องรอยของชิ้นส่วนของโครงกระดูกมีสร้อยที่ทำจากลูกปัดแก้ว เครื่องประดับสำริด เงิน? ภาชนะที่ทำจากสำริด เครื่องมือเครื่องใช้ที่ทำจากเหล็ก และภาชนะดินเผาขนาดเล็ก อายุของโลงไม้ที่ได้จากการกำหนดอายุโดยวิธีคาร์บอน 14 คือ 2180±100 ปีมาแล้ว หรือประมาณ 230 ปีก่อน ค.ศ. ถ้ำองบะเป็นแหล่งโบราณคดีที่สำคัญที่แสดงถึงพัฒนาการของคนตั้งแต่สมัยโฮโลซีนตอนต้น-ปลาย (ยุคหินกลาง-โลหะ)
ซอเรนเซนจัดแบ่งยุคสมัยของการใช้พื้นที่ในถ้ำองบะออกเป็นสามช่วงใหญ่ๆ คือ ช่วงสมัยวัฒนธรรมโฮบินเนียน อายุระหว่าง 9230±180 ปีก่อนค.ศ. และ 7400±180 ปีก่อนค.ศ. ช่วงวัฒนธรรมหลังวัฒนธรรมบ้านเก่า อายุประมาณ 1,100 ปีก่อนค.ศ. และช่วงสมัยวัฒนธรรมโลหะ ดังอายุที่กล่าวแล้วในข้างต้น โดยเฉพาะการตีความเกี่ยวกับสังคมและวัฒนธรรมในสมัยโลหะนั้น ซอเรนเซน เสนอว่ามีความแตกต่างทางสังคมอย่างชัดเจน อย่างน้อย 2 กลุ่ม คือ คนที่มีสถานภาพสูงจะเป็นพวกที่ปลงศพในโลงไม้ และมีเครื่องเซ่นศพต่างๆ รวมทั้งกลองมโหระทึกสำริด และกลุ่มคนที่เป็นช่าง ได้แก่ช่างไม้หรือช่างตีเหล็ก จะถูกฝังภายในถ้ำเช่นกัน นอกจากนี้ ซอเรนเซน สันนิษฐานว่าวัฒนธรรมโลงไม้นี้น่าจะแพร่กระจายมาจากเสฉวน ในประเทศจีน ซึ่งอายุประมาณ 600 ปีก่อน ค.ศ. ผ่านมาทางภาคตะวันตกของประเทศไทยและส่งผ่านไปยังถ้ำนีอาร์ เกาะบอร์เนียว ประเทศมาเลเซีย มีอายุประมาณ 505 ปีก่อน ค.ศ. และต่อไปยังประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งมีอายุประมาณ ปลายคริสศตวรรษที่ 13-ต้นคริสศตวรรษที่ 14 อย่างไรก็ดี มีเพียงงานค้นคว้าสารนิพนธ์ปริญญาตรี ภาควิชาโบราณคดีของสุรศักดิ์ อนันตเวทยานนท์ ปี 2530 เพียงชิ้นเดียวที่ทำการศึกษาเปรียบเทียบรูปแบบของโลงไม้ระหว่างแหล่งโบราณคดีในจังหวัดกาญจนบุรีกับจังหวัดแม่ฮ่องสอน ปัจจุบันยังไม่มีการศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับสังคมและวัฒนธรรมของคนเจ้าของโลงไม้ในจังหวัดกาญจนบุรี
ขอบคุณค่ะ หากมีข้อแนะนำอะไร ก็ยินดีเป็นอย่างยิ่งค่ะ