สวัสดีชาวหนองบัวทุกท่าน
ผม ฉิกครับ ศักดิ์ศรี พิทักษ์อำนวย ปัจจุบันอยู่ กทม.
ลูกหนองคอก รุ่น 17 ครับ ม.ศ. รุ่นเกือบสุดท้ายครับ (มีต่ออีก 2 รุ่น)
เพิ่งจะเจอบทความของ พี่วิรัตน์ คำศรีจันทร์ (ขออนุญาตเรียกพี่ละกัน)
ลองไปค้นหา ชื่อพี่ในกูเกิ้ล โอ้โห เยอะมากเลย ดีครับ
อ่านเรื่องเกี่ยวกับหนองบัวแล้ว เหมือนได้กลับไปนุ่งขาสั้น อยู่ทีบ้านเลย
ผู้คนต่างๆที่พี่เล่ามานี่ ก็รู้จักเกือบจะทุกคน ไว้ว่างๆจะมาแจมเพิ่มเติม ให้เป็นแหล่งข้อมูลสำหรับลูกหลานชาวหนองบัว
จะชวนเพื่อนๆที่รู้จัก เข้ามาที่นี่กัน
วันที่ 6 ธ.ค. นี้ เจอกันทุกคนนะครับ
สวัสดีครับคุณศักดิ์ศรีครับ ยินดีต้อนรับเป็นอย่างยิ่งครับ คุณฉิกรุ่น ๑๗ นี่เป็นรุ่นน้องผม ๓ รุ่นเอง ผมรุ่น ๑๔ ครับ เลยค่อยร่วมสมัยกันหน่อย เพิ่งได้เห็นคนแรกนี่แหละครับที่บอกว่ารู้จักผู้คนต่างๆที่ผมพูดถึง ดีใจครับ
พี่ชายผม (รักษ์ แซ่แต้/พิทักษ์อำนวย) ก็รุ่นเดียวกับพีวิรัตน์
รุ่นนี้ผมรู้จักอยู่หลายคน เช่น อ.สืบ อ.เสน่ห์ อ.ทูน (ทูนหรือทูลไม่แน่ใจ เพราะได้ยินแต่เค้าเรียกกัน ไม่เคยเห็นว่าสะกดอย่างไร)
3 คนนี้ จะอยู่ แถวเนินน้ำเย็น (แถวๆบ้านแป๊ะอ้อ-ขุนอ้อ)
พี่ประเวศ อ.มานิตย์ พี่โอ่ง
เจ๊เกียง-น้ำเต้าหู้ คนนี้เล่นกีฬาเก่ง
อ.สุนันท์-ขายหมู
และอีกหลายๆคน
พอเอ่ยชื่อขุนอ้อออกมา ก็เลยนึกได้ว่า จริงๆ มีบุคคลสำคัญในหนองบัวอีกเยอะมาก เช่น ผู้กองชม ครูนุช ครูลำดวน ฯลฯ
พวกกำนันก็หลายคน เช่น กำนันเทิน กำนันเทียน กำนันแหวน กำนันผล ฯลฯ (ผมรู้จักกับลูกสาวกำนัน 3 ท่านแรก โดยเฉพาะ ลูกสาวกำนัน 2 ท่านแรกนั่นซี้ปึ้กเลย)
ยังมีข้อมูลอีกเยอะนะครับที่น่าจะถูกบันทึกถ่ายทอดออกมาให้ชาวหนองบัวได้ระลึกนึกถึงท่านเหล่านี้
ไว้ผมจะช่วยพี่เพิ่มเติมข้อมูลในส่วนทีผมรู้ (แต่มันออกจะเป็นสไตล์ของผมนะ - แต่ตอนนี้ยังไม่ค่อยออกมาเท่าไหร่)
วันสองวันนี้ ผมมีความสุขมาก เหมือนได้นั่ง Time Machine ของโดราเอม่อนกลับไปหนองบัวอีกที
เมื่อคืนก็ได้ไปงานเลี้ยงที่เทคโนพระจอมเกล้า พระนครเหนือมา ได้เจอเพื่อนฝูงหลายคนที่ไม่ค่อยได้มีโอกาสเจอกัน เลยเม้าส์กันซะดึก
ช่วงนี้มีแต่งานเลี้ยงรุ่น
วันที่ 6 ธ.ค. เจอกันที่หนองคอกครับ
ยิ่งดีใจและมีความสุขจริงน้องฉิก เรียกว่าได้อารมณ์โคตรดีใจเลยนะนี่
เมื่อตอนเด็กๆตอนที่เรียนอยู่หนองบัวนั้น ครอบครัวของฉิกหรือครอบครัวรักษ์นั้น ก็เหมือนกับเป็นครอบครัวของพวกเราเพื่อนของรักษ์ไปด้วยเหมือนกัน รักษ์ พี่ของฉิกนั้น นอกจากเป็นที่รักของเพื่อนๆคนอื่นๆแล้ว เขาเป็นเพื่อนจำเพาะกลุ่มของผมเลย
เมื่อก่อนนี้ เวลาไปที่ร้านครอบครัวของฉิก ผมและเพื่อนๆก็เดินเข้าไปอย่างกับบ้านตัวเอง หากไปยังไม่เจอรักษ์ ก็เดินหยิบข้าวของช่วยเตี่ยขายให้กับคนที่เข้ามาในร้านเลย แต่พอโตๆและไม่ค่อยได้เจอกัน ก็ท้าวความกันไม่ค่อยออกแล้วครับ
พี่ชื่นชมฉิกอีกอย่างหนึ่งนะครับ ฉิกทำให้เห็นวัฒนธรรมชุมชนของเด็กต่างจังหวัด และวัฒนธรรมความเป็นญาติกันของผู้คน แบบสังคมไทยๆ ให้ได้ความประทับใจมากครับ ฉิกรู้จักพวกพี่ๆตั้งเยอะแยะเลย รวมไปจนถึงคนเก่าๆที่คนหนองบัวรู้จักและเคารพรัก โดยเฉพาะคุณครูลำดวนนั้นทั้งเป็นครูประจำชั้นของพี่และเหมือนเป็นญาติผู้ใหญ่ทั้งของพี่และญาติพี่น้องของพี่เลย
พี่เองก็มักจะต้องใส่ใจกับเพื่อนๆของพี่และน้องๆ เพราะถือว่า เพื่อนของพี่ก็เป็นพี่เรา เพื่อนของน้องก็เป็นน้องเรา ญาติและแขกของเพื่อนก็คือของเราด้วย รวมทั้งพ่อแม่ของเพื่อนก็เคารพนับถืออย่างเป็นพ่อแม่ของเราด้วย (ยกเว้นเมื่อตอนเด็กๆชอบทะลึ่งเรียกชื่อพ่อ-ชื่อเตี่ยเพื่อนแทนชื่อของตัวเพื่อนเองแต่ละคนกัน)
ชวนเพื่อนๆที่มีความรู้ มีความคิด และมีประสบการณ์ดีๆ มาคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในนี้ได้นะครับ แล้วก็ถ้าหากใครทำลิ๊งค์ไปยังเว็บของโรงเรียนและหน่วยงานต่างๆในหนองบัวเป็น ก็ทำไปด้วยเลยก็จะดีมากอย่างยิ่งนะครับ ทั้งหนองคอก หนองบัวเทพ วัดเทพ และอื่นๆ ผมเองนั้นก็ลิ๊งค์เว็บของมหาวิทยาลัยมหิดลและคณะสังคมศาสตร์ฯมาเชื่อมต่อให้เด็กๆกับคนหนองบัว ไว้ที่เวทีของคนหนองบัวแล้วนะครับ
คุยกันและแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันไปเรื่อยๆก่อน หากมีโอกาสพี่จะจัดเวทีพบปะหรือจัดประชุมในหมู่คนที่คิดทำสิ่งต่างๆได้และมีจิตใจที่อยากทำให้กับชุมชนหนองบัวนะครับ เมื่อสามสี่ปีก่อน มีเพื่อนๆน้องๆและหน่วยงานท้องถิ่น อยากคุยกันหลายเรื่องเพื่อทำสิ่งต่างๆดีๆด้วยกันให้หนองบัวแล้วอยากจัดเวทีกัน
โดยเฉพาะเรื่องการพัฒนาการศึกษา สุขภาพ และการพัฒนาพื้นที่ แล้วบางครั้งก็อยากให้พี่มา Run เวทีและเชื่อมโยงพวกเราให้ แต่พี่ลองชั่งน้ำหนักดูแล้ว พวกเราเป็นคนหนองบัวก็จริง แต่เราไม่ค่อยได้เรียนรู้และไม่ค่อยมีข้อมูลเพื่อที่จะคิดให้แตกต่างไปจากสภาพเดิมกันเท่าไหร่
อีกทั้งพี่เห็นว่าโดยปรกตินั้น เราก็ใช้วิธีคิดและลงแรงทำกันเป็นกลุ่มและเป็นรุ่นศิษย์เก่ากันอยู่แล้ว เลยก็ยังไม่ชวนกันทำสิ่งใดไปมากกว่าเดิม ซึ่งนัยยะก็คือเป็นการบอกกันทางอ้อมว่าเราควรจะเตรียมตัวเองง่ายๆสักนิดหนึ่งไปก่อนดีกว่าไหม ตามแต่ใครจะถนัดและชอบไปทางไหน
อย่างการใช้การทำงานข้อมูลจากการคุยกันในนี้ไปเรื่อยๆก็ได้ อย่างน้อยก็เหมือนได้กลับบ้านและสื่อสารถึงคนที่รู้จักคุ้นเคยนะครับ
สวัสดีครับพี่วิรัตน์
สวัสดีครับฉิก
วันที่ 6 ธ.ค. เจอกันที่หนองคอกครับ
เจริญพรคุณศักดิ์ศรี พิทักษ์อำนวย
รู้สึกดีใจมากที่คนหนองบัวบ้านเราเข้ามาช่วยกันเขียนเรื่องราวบอกกล่าวเล่าขาน ร่วมเสวนาพูดคุยร่วมรำลึกถึงบ้านตัวเอง
คนหนองบัวหลายท่านที่ได้ช่วยกันเขียนเรื่องหนองบัวคงมีความสุขที่เห็นคุณศักดิ์ศรี บอกว่าได้อ่านเรื่องราวในหนองบัวแล้วมีสุขเหมือนได้กลับบ้านเรา
สำนวนแบบนี้ได้อรรถรสเป็นคนกันเองดี
เจริญพร
ฉิกนี่คุยสนุกนะครับ
# 199 .....#....200 เข้าใจว่าจะเป็นคนเดียวกันนะครับ
ที่ทำให้คิดไปเช่นนั้น เนื่องจากเข้าเค้ากับบุคลิกที่ท่านอาจารย์บอก คือว่า เป็นคนยิ้มเก่ง อารมณ์ดี....และใจดีด้วย
อาจารย์เรณู จองกา น่าจะเป็นนามสกุลดั้งเดิมของท่านนะครับ เนื่องจากผมเคยเห็นในทะเบียนบ้านของผมเอง มีลายเซ็นและรอยประทับตราประจำตำแหน่งของนายบุญสม จองกา กำนันตำบลห้วยถั่วเหนือ ซึ่งตอนนั้น(ผมอยู่ ป.5) จำได้ว่า บ้านท่านอยู่ข้างโรงเรียนบ้านกระดานหน้าแกล และสิ่งสำคัญซึ่งน่าจะยืนยันว่าอาจารย์เรณู เป็นเพื่อร่วมรุ่นของอาจารย์คือท่านใช้คำนำหน้าชื่อว่า...นางสาว ครับ
ถึงตอนนี้ ก็ยังระลึกถึงท่านอาจารย์เรณูอยู่ และด้วยความเคารพครับ
กราบนมัสการพระคุณเจ้า สวัสดีพี่วิรัตน์ น้องสมบัติ
ปล. ไม่รู้จะเป็นการไม่สุภาพรึเปล่า (มันควรจะเป็นหรือไม่) ที่ออกจะเป็นภาษาพูดมากไปหน่อย
อย่างไรก็ติติงกันได้นะครับ
เพื่อนๆหลายคนได้บรรจุและทำงานที่บ้านกันดีจังเลยนะครับ เมื่อก่อนนี้แถวกระดานหน้าแกลเป็นชุมชนที่คนแถวบ้านผมคุ้นเคยมากที่สุดรองจากหนองบัวและเกาะแก้ว คนแถวบ้านมักจะไปบวชที่วัดกระดานหน้าแกลพอๆกับไปที่วัดหนองกลับ เวลาเที่ยวงานประจำปีและงานทอดกฐินก็จะไปที่วัดเกาะแก้ว
ที่หนองคายมีโรงแรมอยู่ริมโขงและข้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาว เจ้าของหรือหุ้นส่วนนี่แหละก็เป็นศุลกากร ผมเคยไปพักและนั่งกินข้าวยามเย็นอยู่ที่นั่นครั้งหนึ่งเมื่อตอนร่วมเป็นทีมเก็บข้อมูลทำวิจัยให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย แต่หลายปีมากแล้ว กว่าสิบปีแล้วมั๊ง เป็นการสำรวจศักยภาพและโอกาสในการพัฒนาเส้นทางการท่องเที่ยวไทยกับกลุ่มประเทศอินโดจีน ประทับใจบรรยากาศแถวนั้นมากด้วยเหมือนกัน
...ดีใจกับพี่อาจารย์ดร.วิรัตน์ด้วยนะคะ..ชุมชนนี้เริ่มคึกคักอบอุ่น..มากขึ้นแล้วนะคะ...
สวัสดีครับน้องคุณครูอ้อยเล็ก : คึกคักและมีการพัฒนาให้สิ่งต่างๆที่ดีอยู่แล้ว เกิดความเชื่อมโยงและมีการปฏิสัมพันธ์กันในแง่ของความรู้ การสื่อสาร และการไหลเวียนข่าวสารไปถึงกันที่กว้างขวางและหลากหลายมากขึ้น
ผมเองก็ประทับใจและกำลังสนใจมากๆด้วยเหมือนกันครับ โดยเฉพาะกำลังเห็นบทบาทของการเป็นเวทีสำหรับได้พูดคุยและหารือกัน เพื่อมุ่งไปสู่การได้ทำสิ่งดีๆด้วยกันทั้งต่อท้องถิ่นและต่อสังคมวงกว้าง
ในแง่การสื่อสารและแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันนั้น ผมว่าเวทีนี้มีประสิทธิภาพมากกว่าหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นรายหวยออกซึ่งตามต่างจังหวัดมีอยู่เสียอีกครับ
ยิ่งในแง่ของการจัดเก็บรวบรวมข้อมูลและการจัดการความรู้แล้วละก็กินขาดเลย
โดยเฉพาะในเรื่องที่เปิดโอกาสให้คนท้องถิ่นได้มีโอกาสคิดและหารือกันเพื่อชุมชนท้องถิ่นของตนเองแล้ว ในเวทีนี้หลายเรื่องไม่สามารถทดแทนได้ด้วยเวทีอื่นเลยทีเดียว เช่น การที่ผมได้พูดคุยและชวนกันคิดและทำสิ่งต่างๆกับคุณสมบัติ พระมหาแล คุณเสวก และคุณฉิกนั้น ในโลกภายนอกและในวิถีการทำงานก่อนหน้านี้แล้ว เป็นการยากครับที่จะได้เจอ คุย และทำสิ่งต่างๆให้เชื่อมโยงกัน
แทบทุกคนมีศักยภาพและมีบทบาททั้งต่อสังคมและต่อชุมชนบ้านเกิด โดยเฉพาะคุณสมบัตินั้น เป็นทั้งแหล่งวิทยาการทั้งของประเทศ ชุมชน และต่อประเทศเพื่อนบ้าน ยิ่งพอได้ทราบว่ากำลังทำงานอะไรและมีเครือข่ายทำกับหน่วยงานและผู้คนอย่างไรบ้างแล้ว ก็เห็นโอกาสและการทำงานที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกันอยู่ไม่ไกลกันเลย
รูปถ่ายของคุณครูอ้อยเล็กสวยและสื่อความหมายดีจัง ขอบคุณที่นำมาฝากและแบ่งปันกันครับ สบายดีและมีความสุขนะครับ เวทีนี้ต้องถือว่าคุณครูอ้อยเล็กเป็นผู้ร่วมบุกเบิกและก่อตั้งให้มีความงดงามนะครับเนี่ย
สวัสดีค่ะ อาจารย์วิรัตน์ คำศรีจันทร์ และทุกๆ ท่าน
นี่ถ้าหากอาจารย์ณัฐพัชร์แวะไปเยือนและเขียนความรู้สิ่งที่อยู่ในพิพิธภัณฑ์วัดหนองกลับบ้างก็จะยิ่งมีกำลังใจกันใหญ่เลยนะครับ
หรือไม่ก็หากทางพวกเรามีโอกาสรวมกลุ่มคนที่พอจะเป็นกลุ่มนักวิจัยและเครือข่ายชาวบ้านท้องถิ่น ที่สามารถพัฒนาตนเองให้เป็นคนร่วมกันสร้างความรู้ท้องถิ่นได้ ก็จะขอแรงอาจารย์ไปช่วยถ่ายทอดวิทยายุทธในการเก็บข้อมูลและวิธีเขียน วิธีทำสื่อนำเสนอที่จะทำให้พิพิธภัณฑ์สามารถเป็นแหล่งความรู้ได้มากยิ่งๆขึ้นโดยฝีมือชาวบ้านนะครับ หรือไม่ก็ทำในแหล่งอื่นๆของชุมชนก็ได้นะครับ
กราบสวัสดีท่านอาจารย์วิรัตน์ ครับ
ตั้งแต่ผมเองเข้ามารู้จักท่านอาจารย์ตั้งแต่วันแรกจนมาถึงวันนี้ ทำให้เข้าใจถึงคนหนองบัวมากขึ้น ก็จะอะไรเสียอีกล่ะครับ ไม่เพียง จะได้เข้ามาหาความรู้รอบตัวแล้วยังได้เห็นถึงบุคลากรของชาวหนองบัวที่เติบใหญ่ขึ้นมาแล้วได้เป็นครูบาอาจารย์ และอีกหลากหลายอาชีพเป็นที่น่ายกย่องแก่คนรุ่นหลังมากมายเลยทีเดียวครับ นอกจากนั้นยังได้มารวมตัวกันแจกจ่ายความรู้ให้กับผู้น้อยได้เดินตามแสงสว่างไปสู่โลกกว้างอีกด้วยครับ
อาจารย์ณัฐพัชร์ครับ หากวันนั้นผมเองไม่ได้ท่านแนะนำการนำรูปภาพขึ้นโพสแล้วละก็คงไม่มีรูปภาพมาฝากกันชม ต้องขอขอบพระคุณอย่างยิ่งเลยนะครับ เรื่องการถ่ายภาพที่ได้ก็ถ่ายแบบที่เรียกว่า เห็นอย่างไรก็ถ่ายอย่างนั้นไม่ได้มุ่งเน้นไปถึงมุมกล้องและเงาแสงผมเองคิดว่า อะไรก็แล้วแต่ทีทำมาโดยแบบไม่คำนึงถึงความถูกผิดเมื่อมองดูแล้วอีกมุมนึงก็จะได้รูปที่เป็นธรรมชาติที่สุดครับ
ผมเองเรื่องราวต่างต่างก็ถ่ายทอดออกมาหรือจะสือให้คนอื่นเข้าใจได้ง่ายนั้นมันก็เป็นเรื่องยาก เรื่องราวต่างๆที่ผ่านมาบางครั้งก็ได้จากความเคยชินการเล่าต่อจากคนเก่าแก่บางครั้งก็บิดเบือนจากความจริงครับ เสียดาอย่างที่ ท่านหลวงอามหาแล ท่านได้เคยพูดไว้ เราต่างก็อยู่จากบ้านมาไกลนานๆจะได้มาเยียมบ้านบ้าง คำนี้ทำให้ผมคิดว่าถ้าเราได้ใช้ชีวิตประจำวันอยู่ที่บ้านหนองบัวผมว่าน่าจะมีเรื่องราวมาถ่ายทอดหลากหลายเรื่องราวเลยทีเดียวครับ แต่ก็ไม่เป็นไรครับผมเองก็จะพยายามเก็บเล็กผสมน้อยนำมาถ่ายทอดไว้เลื่อยๆครับ
สวัสดีค่ะ อาจารย์วิรัตน์ คำศรีจันทร์ และ คุณเสวก ใยอินทร์ ค่ะ
ภาพวาดโดย คุณเสวก ใยอินทร์
เครื่องหีบอ้อย จาก พิพิธภัณฑ์บ้านแพรก จ.พระนครศรีอยุธยา
สวัสดีครับคุณเสวก ใยอินทร์ : ผมก็ได้รู้จักความเป็นหนองบัวเพิ่มมากขึ้นอีกหลายเรื่องมากเลยครับ รวมทั้งได้เรียนรู้ไปกับคุณเสวกด้วยครับ บันทึกและการเขียนถ่ายทอด-เก็บรวบรวมเรื่องราวเล็กๆน้อยๆของคุณเสวกนั้นมีพัฒนาการไปมากเลยนะครับ ขอชื่นชมและยินดีไปกับคนหนองบัวที่มีคนมีน้ำใจทำสิ่งดีๆไว้ให้คนอื่นๆครับ
ขอบคุณครับอาจารย์ณัฐพัชร์ แล้วอีกด้านหนึ่งก็เป็นการเรียนรูัจากกันและกัน ต่างเป็นครูให้กันไปด้วยเลยนะครับ
ขอประชาสัมพันธ์ให้โรงเรียนหนองคอกอีกรอบครับ จะถึงวันงานแล้ว : ผ้าป่าการศึกษาและงาน ๔๙ ปี สู่ ๕๐ ปีของโรงเรียนหนองบัว
สวัสดีครับ พี่วิรัตน์ พี่เสวก อ.ณัฐพัชร์ และทุกๆคน
เงียบหายไปซะหลายวัน จากเริ่มจะหนาวนี่ก็จะหายหนาวแล้ว แค่ 2-3 วันเอง
จำได้ตอนเด็กอยู่หนองบัว หน้าหนาวนี่ ไปเรียนตอนเช้าต้องออกมาเรียนที่สนามหญ้า เป็น outdoor-class ก็สนุกไปอีกแบบ เปลี่ยนบรรยากาศ มาผึ่งแดดยังไม่หายหนาวเลย แถวบ้านจะมีที่ดินว่างเปล่าอยู่หน้าบ้านคนละฟากถนน ก็จะมาก่อไฟผิงกันที่นี่ แถวๆนั้นจะมีบ้านครูจำลอง ทำเฟอร์นิเจอร์ไม้ก็จะมีเศษขี้กบที่เกิดจากการไสไม้โดยกบไสไม้ ติดไฟดีกว่าขี้ไต้อีก แต่ไม่นานเท่า และก็มีเศษท่อนไม้รวมทั้งกิ่งไม้แห้งแถวๆนั้นเอามาก่อผิงกัน ผิวหนังแขนขาแตกหมด เมื่อก่อนโลชงโลชั่นไม่มี มีแต่น้ำมันมะกอก ก็เอามาทาแขนขากันแตก และสีผึ้งทาริมฝีปากกัน ไม่รู้ว่าเมื่อก่อนอุณหภูมิเท่าไหร่ ไม่มีเครื่องมือวัด น่าจะหนาวกว่าปัจจุบันอยู่ แต่ยาวนานเป็นเดือนจนหมดหน้าหนาวเลย เสื้อกันหนาวได้ใช้จนคุ้ม
เรื่องเครื่องไม้เครื่องมือภูมิปัญญาชาวบ้าน ที่พิพิธภัณฑ์วัดหนองกลับ ก็เห็นมีเยอะอยู่ กลับไปคราวนี้จะลองไปสำรวจดูอีกทีว่ามีอะไรบ้าง เครื่องหีบอ้อยก็เคยเห็น
อยากจะช่วยพี่วิรัตน์เชิญชวนลูกหลานหนองคอก มาช่วยกันตอบแทนโรงเรียนของเรา สังคมของเรา ใครติดธุระไปไม่ได้ ก็ฝากปัจจัยไปก็ได้ เรื่องครอบครัวกองผ้าป่า ก็เป็นไอเดียที่ดีครับ เดี๋ยวจะไปชวนพี่น้องตั้งกองผ้าป่าขึ้นมา นอกเหนือจากกองผ้าป่าของรุ่นแล้ว
แล้วเจอกันครับที่หนองบัว 6 ธ.ค. นี้
สวัสดีครับฉิกและทุกท่านครับ : เมื่อก่อนนี้ รุ่นพวกพี่เวลาหนาวก็จะใช้สีผึ้งทาปากกันปากแตก แล้วโลชงโลชั่นนั่นก็ยังไม่มีและไม่รู้จักกัน ก็ต้องใช้โลชั่นแบบทำเอง คือเอาเม็ดลูกดูก หรือเม็ดมะกอก ตำจนป่น หากเป็นเม็ดลูกดูก(ข้างสนามบอลหน้าโรงเรียนหนองคอกเมื่อตอนที่ยังเป็นทุ่งเลี่ยงวัวควาย จะมีอยู่ต้นหนึ่ง) ก็ตำให้ป่นใส่ใบหญ้าคา บีบๆจนน้ำมันออกแล้วก็ใช้ทาตามแขนขาและหน้า กันผิวแตก
หากเป็นเม็ดมะกอกก็ตำในกะลาแล้วก็อังไฟให้น้ำมันออก ก็จะได้น้ำมันมะกอกทางตัวได้อีกเหมือนกัน บางทีก็ใช้กากมะพร้าวที่มีกะทิและน้ำมันตกค้างอยู่ กำๆแล้วก็เอามาทาตามตัวได้อีกเหมือนกัน
ตอนนั้นไม่ได้นึกถึงการประเทองผิวกันหรอก แต่กันผิวแตก เพราะมันหนาวและเนื้อตัวแตกปริจนเลือดซึมเลย มันเจ็บ
เมื่อวานนี้ได้เจอคนหนองบัวด้วยครับ คืออาจารย์พนม จันทร์ดิษฐ์และคณะคุณครูโรงเรียนบ้านหนองไผ่ อำเภอหนองบัว จังหวัดนครสวรรค์ของเรานี่เอง อาจารย์พนมและคณะไปประชุมเชิงปฏิบัติการพัฒนาเครือข่ายครูวิจัยเพื่อจัดการเรียนการสอนส่งเสริมเศรษฐกิจพอเพียงในโรงเรียน ได้นั่งคุยกันหลายเรื่อง มีทีมไปด้วยอีก ๓ คนเป็นคนห้วยร่วม ครูนาฏศิลป์ลูกหลานกำนันมา รอดสการคนหนึ่ง ครูคณิตศาสตร์คนบ้านเนินสอาดคนหนึ่ง และอีกคนหนึ่งเป็นคุณครูวิทยาศาสตร์ เป็นคนเพชรบูรณ์ อาจารย์พนมนี้เป็นสามีคุณครูสุนันท์ จันทร์ดิษฐ์ ครูคณิตศาสตร์ โรงเรียนหนองคอก และเป็นเพื่อผมกับเพื่อรักษ์พี่ของฉิกน่ะครับ
แล้วก็เพิ่งรำลึกได้ว่าคุณครูพนมนี้เคยไปเป็นครูใหญ่ที่โรงเรียนว้นครู(๒๕๐๔) บ้านผมด้วย น้องผมซึ่งเป็นครูอยู่ที่หนองบัวด้วยบอกว่าอาจารย์เก่งมาตั้งนานแล้ว และตอนไปอยู่บ้านตาลินและโรงเรียนวันครู ชาวบ้านก็รัก
หนาวมาก ๆ นี่น้ำค้างจะตกโชกจนต้นข้าวนั้นเปียก
เกี่ยวข้าวเปียกน้ำค้างนี่ปวดมืออย่าบอกใครเชียว
มือไม่อยากกำข้าวเลยหนา
กว่าแดดจะร้อนจนน้ำค้างแห้งก็สามโมงเช้าโน่นเลย
เวลาเดินลุยน้ำค้างบนหัวคันนานี่เย็นไม่อยากก้าวขา เท้าก็แตกเจอน้ำค้างอีกแสบเหมือนเป็นแผล
พอบ่าย ๆ ปวดหลังมาก ๆ ก็นอนบนซังข้าวนั่นแหละเป็นการเบรคไปในตัว ไม่ใช่อะไรหรอกเพราะมันปวดจะทนไม่ไหวต้องพักบ้าง
ตอนกินข้างกลางวันนี่อร่อยจริง ๆ ไม่มีอะไรก็แกงผักบุ้ง(พริกเกลือ)ซดน้ำร้อน ๆ ชื่นใจดี อร่อยเพราะหิวที่เขาว่านั่นแหละ
เสื้อองเสื้ออุ่นผ้านวมอะไรก็ไม่มีกับเขาเสียด้วยซิ
กราบสวัสดีท่านอาจารย์วิรัตน์ และทุกท่านที่เข้ามาช่วยกันแจกจ่ายความคิดเห็นครับ
ปีที่ผ่านมาหลานสาวได้ทำนาปรังเป็นครั้งแรกในชีวิต
ด้วยไม่เคยทำมาก่อนน้ำก็มีไม่มากเท่าไร
พอข้าวโตฝนก็ไม่ตกน้ำก็เริ่มแห้งเพราะมีเจ้าอื่นสูบไปใช้ก่อนจนน้ำหมดทั้งคลองเลย
ข้าวขาดน้ำจนเกือบจะแห้งตายอยู่แล้ว นาทีสุดท้ายมีฝนตกลงมาครั้งเดียวข้าวไม่ตายรอดตัวหวุดหวิด
พี่ป้าน้าอาแซวหลาน ๆ ว่าถ้าฝนไม่ตกหนา ไม่ได้ข้าวแม้สักเม็ด นี่ดีนะที่มันยังได้ทุนคืน
ตอนนี้กรุงเทพฯหายหนาวเสียแล้วครับ อากาศเย็นอยู่ไม่กี่วันครับ แต่แถวบ้านหนองบัวตอนนี้คงจะยังหนาวกันอยู่
สวัสดีครับท่านอาจารย์วิรัตน์ พระคุณเจ้าพระมหาแล พี่ฉิกและทุก ๆ ท่านครับ
หายไปสิบกว่าวัน วันนี้กลับมา พบว่ากระทู้นี้แตกแขนง /จูมดอก / ออกหมาก /เจริญงอกงามดีจังเลยนะครับ
#212 ....=ใช่แล้วครับ น้อย/กวีศักดิ์ เรียนอยู่ห้องเดี่ยวกันตั้งแต่ ม.1/1 - ม.3/1 ได้ข่าวแว่ว ๆ ว่าเอ็นติดวิศวะ(ตอนนั้น) หัวหน้าชั้นก็เอ็นติดทันตแพทย์ มช. และเป็นอาจารย์สอนอยู่ที่นั่นจนกระทั่งเดี๋ยวนี้ ส่วนใหญ่แล้วคนที่อยู่ในตัวอำเภอจะพบกันบ่อย ส่วนผมนั้นอยู่ห่างจากตัวอำเภอออกไป 12 ก.ม. (ผ่านทางบ้านตาลิน) .... 16 ก.ม. (ผ่านทางห้วยด้วน/น้ำสาดกลาง) กลับบ้านทีไรก็ไม่ค่อยได้เจอเพื่อน ๆ สักเท่าไหร่
เรื่องที่อาจารย์ขุน โอภาษี เล่าให้ฟังนั้นก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับ ต้อนรับท่านและคณะอาจารย์จากโรงเรียนหนองคอก ประมาณ 20คน ด้วยความดีใจน่ะครับที่.....อยู่ไกลถึงสุดชายแดน ท่านยังนึกถึงและแวะมาหา ในจำนวนนั้นก็มีนักเรียนรุ่นน้องหลายคนที่เป็นอาจารย์สอนที่โรงเรียนเดิม ซึ่งการทำงานอยู่ที่ด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย - ลาว ได้มีโอกาสพบปะผู้คนมากมายจากทุกมุมโลก /ได้ต้อนรับแขกที่มีความหลากหลาย การที่ครูบาอาจารย์มาหานี่ มันเป็นอะไรที่วิเศษจริง ๆ ครับ ........ สำหรับคนที่จากบ้านมาไกลแล้ว ..... จะเข้าใจความรู้สึกเหล่านี้ได้ดี
ตอนกลับบ้าน ผมเคยแวะไปหาอาจารย์ขุน ที่โรงเรียนวังบ่อวิทยาครับ (เมื่อก่อนเป็นโรงเรียนสาขาของหนองคอก) รู้สึกว่าอาจารย์จะบอกว่าพี่ฉิกหรือนักเรียนรุ่นพี่ของผมนี่แหละ รวมตัวและรวมเงินกันจัดซื้อคอมพิวเตอร์พร้อมอุปกรณ์การศึกษาไปมอบให้โรงเรียนวังบ่อหลายสิบเครื่อง โรงเรียนแห่งนี้อยู่เชิงเขา/ชายขอบของนครสวรรค์ / ติดชายแดนเพชรบูรณ์ ผมได้ฟังแล้วยังอดปลื้มใจแทนพวกพี่ๆ ไม่ได้เลย
#214.....=โรงแรมที่ท่านอาจารย์วิรัตน์ไปพัก ชื่อโรงแรมแม่โขงรอยัลครับ เมื่อก่อน...เมื่อสัก10 ปีก่อนอยู่ในเครือฮอลิเดย์อินน์ เจ้าของผู้เป็นสามีในอดีตเป็นข้าราชการสรรพสามิตครับ ภรรยาเป็นนายกสมาคมวัฒนธรรมจังหวัดหนองคาย ส่วนลูก ๆ ก็ดูแลธุรกิจครอบครัวบ้าง เป็นนักการเมืองท้องถื่นบ้าง สถานที่ตั้งก็อยู่ในมุมที่สวยงามดีครับ
สวัสดีครับคุณสมบัติครับ
ศิษย์เก่าหนองคอกที่ไปเป็นอาจารย์คณะทันตแพทย์ฯ มช.นี่ อาจารย์หมอเกี้ยใช่ไหม เคยทราบมาจากเพื่อนว่ามีน้องจบทันตแพทย์และเป็นอาจารย์อยู่ที่ มช. งั้นต้องเป็นรุ่นหลังๆหลายรุ่นเหมือนกันนะครับ
ขอร่วมชื่นชมกับน้องๆที่มีการรวมตัวกันแล้วไปช่วยเรื่องโอกาสการพัฒนาการศึกษาและอื่นๆของชุมชนอย่างหนองบัวนะครับ ไม่ว่าจะเป็นการนำเอาเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์การเรียนการสอนต่างๆไปให้ หรือแม้แต่พากันไปทำกิจกรรมกับวัด ชุมชน และชาวบ้าน อย่างที่กลุ่มพริกเกลือเคยช่วยกันทำเมื่อต้นๆปี เหมือนกับเป็นเครือข่ายพี่ช่วยน้อง เพื่อนช่วยเพื่อน ศิษย์เก่าช่วยศิษย์ปัจจุบัน
หน่วยงาน สถาบัน องค์กร ที่มีความพร้อมและเข้มแข็งกว่าในเมือง ช่วยหน่วยงานและแหล่งสร้างคน เช่นโรงเรียน หรือแหล่งดูแลสารทุกข์สุขดิบของชาวบ้านในชนบทที่ผู้คนได้รับโอกาสจากการพัฒนาน้อยกว่า อย่างนี้ก็ทำให้มีเครือข่ายการร่วมทุกข์สุขและใช้ทุนศักยภาพที่มีในสังคมเพิ่มโอกาสการพัฒนาตนเองได้ดีมากขึ้นนะครับ จนเงินจนงบประมาณและทรัพยากร แต่รวยและมั่งคั่งทางน้ำใจต่อกันนี่ ก็เป็นหนทางหนึ่งที่ทำให้สุขภาวะเผื่อแผ่ไปสู่กันได้มากขึ้นครับ เลยคุยแบบช่วยรณรงค์ส่งเสริมไปด้วยเลยน่ะครับ
โรงแรมแม่โขงรอยัลนั้นคงจะใช่แล้วครับ เจ้าของเป็นอดีตข้าราชการสรรพสามิตอย่างที่คุณสมบัติว่านั่นแหละครับ
โอกาสทางการศึกษาและการพัฒนาชีวิตเพื่อพึ่งตนเองได้
น้องผมเป็นครูอยู่ที่โรงเรียนหนองคอก เคยออกไปเยี่ยมนักเรียนที่บ้าน ไกลออกไปจากโรงเรียน แต่เดิมก็รู้สึกว่าลูกศิษย์ยากจนและมีสภาพที่ลำบาก แต่พอไปเห็นสภาพแล้วคุณครูที่เป็นน้องผมนี้ก็เล่าให้ฟังว่า สภาพการเป็นอยู่ทั้งลำบากและน่าเวทนาเกินกว่าที่คิดเห็นภาพไว้แต่แรกมากเข้าไปอีกหลายเท่า เป็นเด็กผู้หญิงและอยู่กับแม่ที่ป่วย ดูเหมือนจะเป็นอัมพฤกษ์หรืออัมพาตด้วย บ้านเป็นเพิงสังกะสีผุพัง การกินอยู่แร้นแค้น ดูแล้วแค่ทนเรียนให้จบมัธยมชีวิตก็คงจะสาหัสทั้งเด็กและแม่ อนาคตก็ไม่ต้องพูดถึงเลย
พอคุยกันแล้วก็หารือกันว่าจะหาทางช่วยอย่างไรดี ในที่สุดก็ตกลงกันว่าจะช่วยให้เด็กได้ทำงานไปด้วยให้มีรายได้พอใช้จ่ายเพื่อตนเองและเพื่อดูแลแม่เล็กๆน้อยๆ แล้วก็ให้ได้ทักษะทั้งทักษะชีวิตและทักษะวิชาความรู้ หากเรียนต่อไม่ได้ก็จะได้ประสบการณ์ตรงให้พอมีความมั่นใจในชีวิตพอเลือกทางไปได้ดีกว่าเดิมบ้าง แต่ถ้าหากมีโอกาสเรียนต่อก็จะได้มีคุณครูและเพื่อนๆเป็นพี่เลี้ยงดูแลให้เรียนรู้เพื่อจะทำงานไปด้วยและเรียนไปด้วยเสียตั้งแต่เนิ่นๆ
คุณครูของเธอที่เป็นน้องผม บอกว่าเด็กเป็นคนเรียนดีและมีฝีมือทางศิลปะ มีความอดทนทำงานดี อัธยาศัยดี ผมเลยไปเดินเลือกซื้อสีและอุปกรณ์ทำงานศิลปะ เป็นชุดสีเขียนแสตมป์อย่างดีชุดใหญ่ซึ่งเป็นสีที่นักเรียนศิลปะ รวมทั้งผมเองด้วย มักใฝ่ฝันอยากได้ใช้ กับสีโปสเตอร์ พู่กัน และกระดาษ แล้วก็มอบให้น้องไปมอบให้นักเรียนคนดังกล่าวนั้น
พอเด็กได้สีและวัสดุอุปกรณ์สำหรับทำงาน อีกทั้งเพื่อนๆและครูทราบสถานการณ์ ก็มาขอให้เด็กทำงานฝีมือศิลปะให้ เช่น ทำการ์ดแสดงความยินดีในโอกาสต่างๆแก่คนที่รักนับถือ แล้วก็ให้ค่าตอบแทนคนละเล็กละน้อย
ผมเอาผลงานของเธอไปโพสต์เผยแพร่ให้ในเว็บของศิษย์เก่าเพาะช่าง เพื่อให้เธอเห็นผลงานตนเองอยู่ในนั้นและเกิดพลังใจว่าเธออยู่ไม่ไกลเลยกับคนทำงานมีอาชีพในวงการของประเทศและสถาบันศิลปะแถวหน้าของประเทศแห่งหนึ่ง
ครั้งหนึ่งพวกผมพี่ๆน้องๆในฐานะศิษย์เก่าของโรงเรียนหนองบัว ก็ขอร่วมกับโรงเรียนให้ทุนการศึกษาแก่นักเรียนสมทบกับศิษย์เก่าและครูอาจารย์อื่นๆ เธอก็ได้รับทุนการศึกษาด้วย
ผ่านไป ๓-๔ ปีคงจะได้ เมื่ออาทิตย์ก่อน คุณครูของนักเรียนที่เป็นน้องผม บอกว่า เด็กได้เรียนต่ออาชีวศึกษา สาขาศิลปหัตถกรรมที่นครสวรรค์ และบอกว่าเรียนได้ดี อยู่ที่หนึ่งหรืออันดับต้นๆตลอด ได้ทราบแล้วก็พอจะประมาณได้ละครับว่าไปรอดแล้ว ทั้งชีวิตของเด็ก แม่และคนรอบข้าง ซึ่งสภาพย่ำแย่กันทั้งนั้น
แถวหนองบัวคงยังมีคนขาดโอกาสกันอีกมากนะครับ แต่การช่วยดูแลกันผ่านการได้สร้างคน สร้างโอกาสการศึกษา พัฒนาการเรียนรู้และพัฒนาศักยภาพให้กับชุมชนเพื่อเป็นทุนชีวิตนี่ ก็เป็นการให้ที่จะก่อเกิดความงอกงามและได้พัฒนาต่อไปให้ยั่งยืนได้มากอย่างหนึ่งเช่นกันครับ การคุยเพื่อสร้างความเคลื่อนไหวทางข่าวสาร ความรู้ และการรับรู้ตนเองต่างๆอย่างนี้ ก็คงถือว่าเป็นการแบ่งปันเกื้อหนุน และให้ปัญญาความรู้เป็นทาน ที่ดีมากด้วยเหมือนกันครับ
ขออนุโมทนากับอาจารย์ คุณครูและทุกท่านที่ได้ช่วยน้องให้ได้รับโอกาสดี ๆ
ฟังตอนแรกนึกว่า ยังไม่มีใครหยิบยื่นโอกาสให้เธอเสียแล้ว
ได้ฟังแล้วก็ชื่นใจแทนน้องไปด้วยเลย
ขอบคุณผู้ใหญ่ใจดีทั้งหลายที่มีเมตตาต่อผู้ด้อยโอกาสขาดโอกาส
ให้ได้รับโอกาสในการพัฒนาการศึกษาพัฒนาตัวเองซึ่งเกือกจะหมดหนทางอยู่แล้ว
สวัสดีครับท่านอาจารย์วิรัตน์
ใช่แล้วครับ....... เพื่อนเกี้ยนั่นเอง
เรื่องที่ชวนอาจารย์ไปร่วมงานสถานทูตลาวที่กรุงเทพฯนั้น พอเอาเข้าจริง ๆ มีงานเข้าครับ ทั้งสนามบินนานาชาติอุดรธานี/สนามบินนานาชาติขอนแก่น/ร่วมงานวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวา มหาราช ณ ศูนย์แสดงสินค้า LAO ITECC ณ นครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว .........งานรวมศิษย์เก่าโรงเรียนหนองบัว 6 ธันวาคม ตามที่นัดหมายกันไว้แต่เดิมนั้น พอถึงเวลาจริง ๆ ชักจะไม่ค่อยมั่นใจแล้วครับ สุดท้ายหากไปไม่ได้จริง ๆ จะฝากเงินไปร่วมทอดผ้าป่าโรงอาหารผ่านหลาน ๆ ที่ยังเรียนที่นั่นครับ
กราบนมัสการพระคุณเจ้า พระอาจารย์ มหาแลครับ
อย่างที่พระคุณเจ้าบอกว่าได้ทราบแล้วชื่นใจนี่ ต้องนับว่าสื่อและช่องทางการได้รับรู้โลกรอบข้างจากสื่ออย่างอื่นจะไม่สามารถให้ได้อย่างที่ทุกท่านกำลังได้แลกเปลี่ยนพูดคุยกันในเวทีของชาวหนองบัวนี้เลยนะครับ
เรามีโอกาสนำเอาเรื่องของชาวบ้านในชุมชนเล็กๆมาคุยถึง แล้วก็เป็นการได้รู้ที่สร้างความชื่นใจ ไม่เหมือนกับข่าวสารทั่วไป ซึ่งถึงแม้จะทำให้ได้รับรู้กว้างขวาง แต่กลับมักทำให้ร้อนใจ
เรื่องเล็กๆน้อยๆอย่างนี้เกิดขึ้นเพราะมีการได้ทำสิ่งดีๆกันหลายอย่างให้เป็นเหตุปัจจัยนำมาก่อน พูดอย่างนี้ก็คงได้นะครับ เป็นหลักแห่งอิทัปปัจจยตาและปฏิจจสมุปบาททางสังคมเหมือนกันนะครับ
สวัสดีครับคุณสมบัติ ฆ้อนทองครับ : เหมือนกันเลยทีเดียวครับ อยากเจอเพื่อนๆก็อยากเจอ ณ เวลานี้ยังตั้งใจอยู่ครับว่าจะแว่บไปให้ได้ อย่างน้อยก็ไปตอนเย็นแล้วก็กลับดึกๆ นั่นเลย แต่ไม่รู้จะวางมือจากงานพอให้คลายกังวลใจไปได้ไหม
สวัสดีทุกท่านเลยครับ ตกลงผมไม่ได้ไปครับคุณสมบัติและทุกท่านๆครับ จะมีใครเอารูปถ่ายกิจกรรมในวันทอดผ้าป่ามาเผื่อแผ่กันดูไหมครับเนี่ย แต่มีเพื่อนๆคุยถ่ายทอดเรื่องราวให้ทราบตลอดตั้งแต่ก่อนถึงวันงานกระทั่งอยู่ในบรรยากาศของการพบปะสังสันทน์และเสร็จสิ้นงาน
ทราบว่ามีผู้คนไปร่วมมากมาย รุ่นผมรุ่นที่ ๑๔ ก็มากันร่วม ๔๐ คน ระดมทุนจากกองผ้าป่าทั้งหมดได้กว่าล้านบาท คุณครูโสภณ สารธรรม ผู้อำนวยการ และคุณครูสืบศักดิ์ ปฏิสนธิ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการและเป็นผู้ประสานงานของรุ่น คงมีกำลังใจหายเหน็ดเหนื่อยทีเดียว
มองย้อนกลับไปในยุคผมนี่ คงมองล่วงหน้ามาถึงวันนี้ไม่ออกเลยครับ เพราะเมื่อก่อนนี้ ตอนอยู่โรงเรียนหนองบัว(เทพวิทยาคม) แรกๆก็ใช้ห่อข้าวใส่ใบตองไปกินที่โรงเรียน พอเริ่มมีกล่องข้าว ก็ใช้กล่องข้าว ตั้งแต่เป็นกล่องสังกะสีซึ่งชอบบุบบูบี้ และต้องใช้แบบสืบทอดกันตั้งแต่รุ่นพี่ไปจนถึงรุ่นน้องๆหลายรุ่น ผ่านไปจนจบจากหนองคอกตั้งหลายปีแล้วถึงจะเข้าสู่ยุคกล่องพลาสติก แล้วก็ต่อมาอีกตั้งหลายปีถึงได้มีถุงพลาสติก เริ่มจากถุงเย็นสำหรับใส่นมเย็นกระทั่งเป็นถุงใส่ของร้อนได้
ตอนไปอยู่หนองคอก พอถึงมื้อกลางวัน ก็เดินเอากล่องข้าวไปนั่งกินด้วยกันตามใต้ต้นไม้ กินๆไปก็โยนให้แย้ออกจากรูมากินไปด้วย
สวัสดีค่ะ อาจารย์วิรัตน์ คำศรีจันทร์
ระดมทุนได้มากกว่าล้านบาทนี่ทำให้หลายๆ ท่าน หลายๆ ฝ่ายหายเหนื่อยไปเลยนะค่ะ ชื่นใจแทนชาวหนองบัวค่ะ ขออนุโมทนาด้วยค่ะ ^^
พระมหาแล ขำสุข(อาสโย) [IP: 118.172.151.111]
เมื่อ พฤ. 12 พ.ย. 2552 @ 11:23
#1670147 [ ลบ ]เห็นข้าวห่อใบบัว
ทำให้นึกถึงข้าวห่อใบตองพลวง(ควง)ที่หนองบัวเลย
ห่อไปนาไปไร่ไปเลี้ยงควายไปหาหน่อไม้ในป่ากินกับเมนูแกงพริกเกลืออร่อยดี
^
^
เห็นอาจารย์พูดถึงข้าวห่อใบตอง เลยนึกถึงพระคุณเจ้าท่านได้โพสข้อความไว้ที่บันทึก “ด้วยน้ำมือ : พลังปัจเจกเพื่อสร้างสุขสาธารณะ” ว่าจะแวะมาถามหลายครั้งแล้วแต่ลืมค่ะ “ข้าวห่อใบตองพลวง(ควง)ที่หนองบัว” มีเฉพาะที่เหรอค่ะ แล้วหน้าตาเป็นอย่างไรหนอใบตองพลวง (ตวง) อ่ะค่ะ หอม อร่อยกว่าการห่อด้วยใบตองทั่วๆ ไปไหมค่ะ?
ขอบคุณค่ะ
สวัสดีทุกท่านครับ เพิ่งมาถึงกทม. เมื่อคืนนี้ (20.30 7 ธ.ค.) ออกจากกทม.ประมาณเก้าโมงเช้าวันที่ 6 ธ.ค. ยกโขยงไปกันหมดเลยทั้งครอบครัวเมียและลูกสาวลูกชายอีก รวม 4 ชีวิต จะไปเยี่ยมแม่ด้วย ตอนแรกพี่สาวคนโตที่ฝั่งธนจะไปด้วย ไปเยี่ยมแม่ แต่โทรมาบอกตอนเช้าที่จะออกเดินทางว่าไม่ไปแล้ว ไว้สัปดาห์หน้าจะให้ลูกสาวเค้าขับรถไปให้ พอมีที่ว่างอยู่บ้างก็เลยโทรไปหาแดงเพื่อนกัน (ลูกสาวกำนันเทิน) พอดีเค้าก็ยังทำธุระไม่เสร็จ จะนั่งรถตู้ไปหนองบัวเอง ตัวเราตั้งใจจะไปถึงหนองบัวประมาณเที่ยงๆบ่ายๆ เพื่อไปดูสภาพโรงเรียน และอื่นๆ รวมทั้งจะได้ไปเจอเพื่อนเร็วๆ พอขับรถไปถึงดอนเมืองน้องสาวที่หนองบัวโทรเข้ามาบอกว่า แม่ไม่สบายพี่ชายกับพี่สาวพาไปหาหมอที่ นว.เมือเช้า และหมอบอกว่าอาการไม่ค่อยดี ให้อยู่ ICU ก็เลยต้องบึ่งเข้าไปดูอาการแม่ที่ รพ.ศรีสวรรค์แทน ไปถึงก็เกือบบ่ายแล้ว แม่นอนอยู่บนเตียงไม่รู้สึกตัว หมอให้อ๊อกซิเจนอยู่ ใจคอไม่ค่อยดีเหมือนกัน พี่สาวที่ฝั่งธนที่กะจะไปเยี่ยมแม่สัปดาห์หน้าก็เลยชวนพี่ชาย-รักษ์ ตามมาที่ รพ.ด้วย เค้ามาถึงเอาก็บ่ายแก่ๆ ก็รอจนตอนเย็นได้เจอคุณหมอ ซักถามอาการ หมอบอกว่า เป็นเพราะร่างกายได้รับอ๊อกซิเจนไม่เพียงพอ ทำให้มีคาร์บอนไดออกไซด์สะสมอยู่ในเลือดค่อนข้างสูง แต่ตอนนี้ดีขึ้นแล้วปริมาณ Co2 ลดลงไปครึ่งหนึ่งแล้ว และแม่ก็เริ่มรู้สึกตัวบ้าง ถามตอบพอได้ โดยการผงกหัวหรือส่ายหัว ก็เลยสบายใจไปได้เยอะ
คือแม่เนี่ย ปอดไม่ค่อยดี เคยเป็นวัณโรคเมื่อกว่า 30ปีมาแล้ว แต่ก็รักษาจนหายไปนานแล้วเหมือนกัน แต่ก็ทำให้ปอดเสียหายไปเยอะ และช่วง2-3ปีมานี่ เริ่มไม่ค่อยมีแรง เดินจากบ้านไปตลาด ซึ่งห่างกันประมาณ 100เมตรก็ไม่ค่อยจะไหว ปกติแกจะไปจ่ายตลาดทุกเช้า ยังจำได้ตอนเด็กๆ จะรอแม่กลับจากตลาด ซึ่งแม่จะมีขนมมาให้เด็กๆได้กินก่อนมื้อเช้าอาทิเช่น ขนมครก ขนมถ้วย ขนมข้าวโปง(เดี๋ยวนี้หากินยากแล้ว) และอีกหลายๆอย่าง แต่ไม่ได้ซื้อมาเยอะนะ แค่พอให้แย่งกันกิน แต่ไม่ซ้ำกันจะเปลี่ยนไปแต่ละวัน แต่ที่ไม่ชอบให้แม่ซื้อมาคือถั่วงอก เพราะเราจะต้องมาเด็ดรากออก โอ๊ยกว่าจะเสร็จเรารู้สึกว่ามันใช้เวลานานมาก แต่แม่ก็ชอบซื้อมาจัง คงเพราะมันถูกตังค์และได้จำนวนเยอะด้วย เอามาผัดกินหรือไม่ก็เอามาทำแกงจืดกับหมูบะช่อ (คนจีนจะเรียกว่าทึง) ...รู้สึกว่าได้เล่าเรื่องสมัยเด็กๆแล้วมันมีความสุขอย่างไรก็ไม่รู้
กลับมาเรื่องอาการของแม่อีกที ช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมานี่ น้องสาวที่อยู่กับแม่ที่หนองบัวก็บอกว่า แม่ไม่ค่อยมีเรี่ยวแรง แม้แต่จะลุกไปห้องน้ำหลังบ้านก็ยังไม่ค่อยไหว เอาแต่นอนอย่างเดียว เตี่ยก็จะบ่นว่าแม่อยู่บ่อยๆ (เตี่ยอายุ 88 แม่อายุ 85) แต่เห็นน้องบอกว่าเตี่ยก็เป็นห่วงแม่มาก กังวลทำให้นอนไม่ค่อยหลับ กลายเป็นว่าอีกคนก็เอาแต่นอน อีกคนก็นอนไม่ค่อยหลับ กรรมมาตกเอาที่น้องสาวนี่แหละที่ต้องมาดูแลคนแก่ 2 คน ด้วยสาเหตุของปอดนี่แหละที่ทำให้มี Co2 ค่อยๆสะสมอยู่ในเลือดเพิ่มขึ้นๆ เลยมีอาการเซื่องซึม ไม่มีแรง นั่งหลับคอตกเหมือนสมัยเราเรียนหนังสือในห้องเลย จนแม่เกือบจะน็อคไปแล้ว ก่อนกลับเข้ากทม. เมื่อวานออกจากหนองบัวก็ได้แวะไปเยี่ยมแม่อีกที แม่ลืมตาได้แล้ว มีอาการดีขึ้นมากเลยจนคลายความกังวลใจไปได้เยอะมาก ตอนนี้นอกจากหายใจเองทางจมูกแล้ว ก็ยังต้องให้อ๊อกซิเจนต่อท่อเข้าทางปากอีกที แกก็พยายามจะพูดนะ แต่ยังพูดไม่ได้ ยังติดที่มีท่อหลอดอยู่ในปากอยู่
วันนั้นกว่าจะออกจาก รพ.เพื่อไปหนองบัวก็ทุ่มครึ่งได้ แล้วแวะส่งพี่สาวและกินข้าวเย็นที่ชุมแสงอีก ไปถึง บ้านที่นบ.ก็ 3 ทุ่มกว่าๆ อาบน้ำเสร็จเข้าไปที่งาน รร.หนองคอกก็เกือบ 4 ทุ่ม บางคนก็ทยอยกลับกันบ้างแล้ว แต่เพื่อนๆทุกคนยังรอเราอยู่ในงาน ขอบคุณเพื่อนๆทุกคนที่เป็นห่วงอาการแม่ คนมาร่วมงานเยอะมาก รุ่นผม (17) ก็เกือบ 40 คน เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปในงานมาให้คนที่ไม่มีโอกาสได้ไปร่วมงานได้ดู แต่ผมก็ได้กลับเข้าไปที่ รร.อีกทีตอนเช้าก่อนกลับ เพื่อไปร่วมทำบุญผ้าป่าครั้งนี้ด้วย รวมทั้งของเพื่อนบางคนที่ฝากมากับผม เนื่องจากเมื่อคืนเพื่อนได้รวบรวมและส่งให้ รร.เรียบร้อยแล้ว เมื่อคืนไปในงานไม่ได้ควักตังค์ซักบาท เห็นรุ่น14 พี่วิรัตน์ได้กว่าล้านบาทแล้ว รุ่นผมนี่เด็กๆเลย แต่ก็รวบรวมได้ 7 ล้านกว่า(กีบ) คิดเป็นเงินไทยก็ 3 หมื่นกว่าบาท แต่ไม่ว่าใคร-รุ่นอะไรจะได้เท่าไหร่ ก็ถือว่าได้มีส่วนร่วมในการตอบแทน รร.เก่าของเราที่ทำให้เราเป็นอยู่ในตอนนี้ อย่างที่บอกไว้ก่อนหน้านี้
ตอนเช้าวันรุ่งขึ้นได้เข้าไป รร. ได้ไปเจออาจารย์ลี (ที่เห็นนั่งมอเตอร์ไซด์หน้าโรงอาหาร)เป็นรุ่นพี่ 1 ปี (รุ่น16) อาจารย์ลีได้พาไปดูบริวเวณอาคารเก่า ตอนผมเข้าไปเรียนม.ศ.1 นี่มีอยู่ 2 หลัง เป็นอาคารไม้ 2ชั้น ถ้าจำไม่ผิดน่าจะมีชั้นละ2ห้องเรียน ซึ่งได้ถูกรื้อออกไปแล้ว และได้สร้างองค์พระไว้ มีบันได2-3ขั้นขึ้นไปกราบไหว้องค์พระ ซึ่งตรงกับบริเวณบันไดขึ้นอาคารเดิม ตอนเรียน ม.ศ. 1 จะได้เรียนอาคารนี้ ด้านหน้าจะเป็นเสาธง มาเข้าแถวเคารพธงชาติทุกเช้า ด้านหลังอาคารจะมีต้นไม้ใหญ่อยู่ต้นหนึ่งจำไม่ได้ว่าต้นอะไร (ไม่ได้จำด้วยสมัยเรียน) ซึ่งจะบังโรงอาหารเล็กๆที่อยู่ถัดเลยออกไปอีก เป็นโถงหลังคาสังกะสีไว้กันแดดกันฝน พื้นเป็นดิน มีแม่ค้าอยู่รายเดียว ป้ารวย อาหารก็มีให้เลือกอยู่ 2 อย่างคือเลือกจะกินหรือไม่กิน สมัยนั้นพวกเราจะนิยมเอาข้าวพร้อมกับข้าวใส่ตลับอลูมิเนียมไปนั่งกินกันใต้ร่มไม้แถวชายป่า จับกลุ่มกันกิน นานๆผมจึงจะได้ใช้บริการโรงอาหารซักที ฉะนั้นผมกับโรงอาหารก็เลยไม่ค่อยได้ผูกพันกันซักเท่าไหร่ ถัดจากอาคารไม้ไปก็จะเป็นอาคารปูน 2 ชั้น ที่นี่ผมได้มาเรียนตอนม.ศ.2 อยู่ชั้นล่างห้องริมในสุด ด้านหลังจะเป็นแท้งค์น้ำทำด้วยปูนทรงกระบอกสูงเลยชั้นล่างขึ้นไป น่าจะมีซัก 6 แท้งค์ได้ หนองบัวก็อย่างที่รู้ๆ น้ำท่านี่ขาดแคลนหนักโดยเฉพาะหน้าแล้ง อ.ลีบอกว่าอาคารนี้ได้มีการต่อเติมขยายยาวออกไปอีก พอดีไม่มีเวลาพิจารณาเท่าไหร่ เลยไม่ได้ขึ้นไปสำรวจ อีกอาคารเป็นอาคารใหม่ 2 ชั้น แต่ชั้นล่างจะยกสูงเป็นที่จอดจักรยาน และใช้เป็นที่สวดมนต์ของนักเรียนตอนเย็นวันศุกร์ อาคารหลังนี้เสร็จใช้ครั้งแรกตอนผมอยู่ ม.ศ.3 พอดี สรุปผมเรียนที่นี่ 3 ปี ได้ใช้ 3 อาคารเรียนเลย ปัจจุบันมีอาคารอีกหลายอาคารก็ขยายตัวตามจำนวนนักเรียน ซึ่งมีอยู่ประมาณ 1,800 คน ม.1-ม.6
สำหรับโรงอาหารใหม่ ถ้าสมัยก่อนจะมีประตูเล็กซึ่งเป็นประตูหลักที่ผมใช้ประจำ ถ้ามาจากหลังอำเภอก็จะขนานไปกับถนนใหญ่เป็นทางเล็กๆ (แต่ก็กว้างพอประมาณถ้าเทียบกับจักรยานพาหนะหลักที่ใช้กันเป็นส่วนใหญ่) ถ้าเข้าประตูนี้เข้ามาขวามือจะเป็นบ้านพักครู และมีสระน้ำเล็กๆ น้ำใสแจ๋ว (พูดให้เห็นภาพแบบประชด) ไปคราวนี้ลืมสังเกตสระน้ำนี้ น่าจะเป็นบริเวณนี้นะที่จะใช้สร้างโรงอาหารแห่งใหม่ ส่วนโรงอาหารปัจจุบัน ก็คือโรงอาหารที่เคยใช้มาแต่เดิม และโครงเดิมก็ยังอยู่เป็นศูนย์กลาง แต่ได้ขยายออกไปทุกทิศทางทั้ง 4 ทิศ จนขยายออกไปไม่ได้แล้ว ผมได้ถ่ายรูปมาให้ดู จะเห็นหลังคามีแสงรอดออกมาเยอะแยะ ถ้าฝนตกลูกหลานเราน่าจะกินข้าวอร่อยน่าดูเลย อ.ลีได้ชี้ให้ดูภายในโรงอาหารซึ่งได้ติดตั้งทีวีไว้ให้นักเรียนได้ดูภาพอย่างเดียว ส่วนเรื่องเสียงนี่ให้ฟังเสียงพัดลมระบายอากาศเอา ก็หวังว่าโรงอาหารหลังใหม่เสร็จแล้ว นักเรียนคงจะได้มีสถานที่ทานอาหารที่ดีกว่าเดิม และก็ได้งบจากจังหวัดมาสร้างอาคารคู่กันอีก 1 หลัง
ป.ล. ไม่เคยเอารูปขึ้นที่นี่ ยังงงๆอยู่
โล่งอก คิดว่าจะเอารูปขึ้นไม่ได้ซะแล้ว
อีกอย่าง ข้อความมันค่อนข้างยาว เลยไปทำไว้ในเวิร์ดแล้วก๊อปมา ตอนเอามาไว้ที่นี่ตัวมันเล็ก ยังเสียวๆว่าผู้อาวุโสแบบเราจะมองเห็นรึปล่าว แต่พอเอาขึ้นไปแล้ว โอ้โฮตัวใหญ่กว่าคนอื่นเลย
ใบตองพลวงนี่เดี๋ยวนี้หายากแล้วนะ เมื่อก่อนที่บ้านจะมีคนเอามาขาย ซื้อเอาไว้ห่อผ้าที่มีคนเค้าเอามาให้ที่บ้านย้อม
ลักษณะก็คล้ายๆใบสักแหละ อธิบายไม่ค่อยจะถูก รอผู้รู้จริงมาอธิบายละกัน
สวัสดีครับฉิก
ที่ คห.๒๓๓ ผมได้คุยถึง : โอกาสการพัฒนาเพื่อการพึ่งตนเอง แล้วก็ยกตัวอย่างของนักเรียนของโรงเรียนหนองบัวซึ่งยากจน และทำท่าว่าจะหมดโอกาสได้เรียนหนังสือ แต่ครูและเพื่อนๆได้ช่วยให้ได้ใช้ทำงานศิลปะหารายได้พอได้ดูแลตนเอง และต่อมาได้เรียนต่อสาขาศิลปหัตถกรรม ที่วิทยาลัยอาชีวศึกษา นครสวรรค์ เป็นคนเรียนเก่ง
เมื่อสักครู่ผมลองแวะไปเยือนเว็บศิษย์เก่าของโรงเรียนเพาะช่าง ซึ่งผมเป็นศิษย์เก่าของที่นั่น ดูไปดูมาก็ได้เจอผลงานของน้องเขาที่ผมเอาไปเผยแพร่ให้ในเว๊บนั้น เลยขอเอามาโพสต์ไว้ให้ดู เธอชื่อ ศรีสมร เร่งสูงเนิน ครับ คงจะเป็นเพื่อนพ้องน้องพี่ หรือเป็นญาติพี่น้องของใครบ้างกระมังครับ
เจริญพรคุณศักดิ์ศรี
ขอให้คุณแม่หายไว ๆ และมีสุขภาพดีร่างกายแข็งแรงเป็นพระในบ้านของลูกหลานอันยาวนานต่อไป
อนุโมทนาต่อผู้มีจิตศรัทธาที่ได้สละทุนทรัพย์เพื่อการศึกษาสำหรับเยาวชนหนองบัวเราด้วย
ขอบคุณคุณศักดิ์ศรีที่ได้นำข่าวสารกิจกรรมอันเป็นกุศลครั้งนี้จากหนองบัวมาให้ได้รับรู้กัน
จากความเห็นที่ ๒๓๙
ขอตอบอาจารย์ณัฐพัชร์ที่ถามเรื่องข้าวใบตองพลวง(ควง)
หน้าตาต้นพลวงน่าจะหาได้ในอินเตอร์เน็ตนะอาจารย์-คล้ายใบเหียง(แต่ใบเหียงนั้นมีขนที่ใบและเมื่อจับจะคายและคัน)
ลักษณะใบเป็นรูปไข่ กว้างประมาณ ๑๕.๒๘ ซม. ยาวประมาณ ๑๕.๔๐ ซม. ปลายใบสอบทู่
ใบตองพลวงใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง
ทางอีสานใช้ห่อข้าวเหนียว
ใช้ห่อยาสูบ
ทำห่อหมก
สานทำฝาบ้าน
มุงหลังคา
เคยทำเป็นหลังมุงเกวียนประทุน(คนรุ่นหลังไม่รู้จักแน่)
ที่คุณศักดิ์ศรีว่าคล้ายใบสัก ใช้ห่อผ้าที่นำมาย้อมก็ถูกต้อง
คนหนองบัว-หนองกลับ ใช้ทำประโยชน์เยอะ แต่ที่เห็นเด่นชัดคือใช้ห่อข้าวไปนาไปไร่
เมื่อก่อนชาวบ้านทำขนมจีกกินเอง ก็ใช้ใบตองควงปูที่ตะแกรงไว้รองเส้นขนมจีนแทนผ้าขาว
เก็บไว้ใช้ได้นาน ๆ โดยชาวบ้านจะนำใบตองควงมาตากแดดให้แห้งแล้วเก็บไว้ในครัวร้อยเป็นพวงด้วยตอก
ใช้ได้ทั้งใบสดและใบแห้ง(ใบแห้งจะกรอบหักง่าย คนห่อต้องมืออาชีพ)
ใบสดอังไฟให้อ่อนตัวจะมีกลิ่มหอมห่อข้าวสะดวกไม่ฉีกขาดง่าย(ถ้าห่อไม่เป็นก็ขาดทำให้ใช้หลายใบซ้อนกันสิ้นเปลืองอีก)
ใบบัว -ใบตองกล้วยฉีดขาดง่ายกว่าใบตองควง
ปัจจุบันหาได้ยากซะแล้ว
เห็นรูปการ์ตูนที่วาดโดยน้องศรีสมร เร่งสูงเนิน สวยมากไม่แพ้มืออาชีพเลย
ก็ขออนุโมทนากับอาจารย์วิรัตน์ที่นำมาเผยแพร่ให้ชาวหนองบัวได้เห็นผลงานของเธอ น้องศรีสมรจะมาแนะนำตัวเองบ้างก็ได้นะ ถือว่าเวทีนี้เป็นเวทีคนบ้านเรากันเอง
อาจารย์และหลายท่านที่สนับสนุนให้โอกาสหนูคงจะดีใจไม่น้อยเลยหนา
กราบนมัสการพระคุณเจ้า พระมหาแล ขำสุข (อาสโย) และสวัสดีคุณศักดิ์ศรี-ฉิก ค่ะ
กราบนมัสการพระคุณเจ้า พระอาจารย์มหาแล อาจารย์ณัฐพัชร์ และทุกท่านครับ
สวัสดีทุก ๆ ท่านครับ
ขอบคุณพี่ฉิกครับสำหรับภาพโรงเรียนหนองบัว อีกไม่นานคิดว่า คงจะมีภาพกิจกรรมการจัดงานเข้ามาให้ได้ชมกันนะครับ
ผมเองถึงแม้จะไม่ได้ไป แต่ก็ได้ฝากให้หลานชายสำรองจ่ายไปก่อนแล้วจะส่งใบเสร็จรับเงินมาให้ภายหลัง
ที่ไปร่วมงานไม่ได้เพราะมีงานติดพันกับ สปป.ลาวหลายเรื่อง วันชาติลาว........ไปอวยพรวันชาติลาว วันพ่อแห่งชาติ....รับการอวยพรจากเจ้าหน้าที่ฝั่งลาว และไปร่วมงาน 5 ธันวา มหาราช ซึ่งสถานทูตไทยที่จัดขึ้นในเวียงจันทน์
เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม ไปร่วมพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 25 ที่สนามกีฬาแห่งชาติลาว มีนายกฯหลายประเทศมาร่วมงาน....คงเห็นภาพจากสื่อมวลชนกันไปบ้างแล้วนะครับ นี่เดี๋ยวอีกสักพัก มีการแข่งขันฟุตบอลนัดพิเศษระหว่างไทย - มาเลเซียในเวียงจันทน์ กลับมาจะนำบรรยากาศสนก ๆ มาเล่าสู่กันฟังครับ
การไปต่างประเทศแต่ละครั้งดูเหมือนว่าจะต้องมีการเตรียมการหลายอย่าง แต่ที่นี่...หนองคาย ต่างประเทศที่ว่า คือนครหลวงเวียงจันทน์ ห่างจากหนองคายเพียง 20 ก.ม.เองครับ การเดินทางไป - มา จึงมีความสะดวกมากกว่าการเดินทางไปในอีกหลาย ๆ ประเทศครับ
ท่านที่ติดตามการถ่ายทอดสดทางทีวี คงทราบผลการแข่งขันฟุตบอลระหว่างไทย - มาเลเซียแล้วนะครับ
ท่านใดพลาดการชม ขอรายงานผล...(แม้จะช้าไปนิดเมื่อเทียบกับสื่อต่าง ๆ)....... ไทยแพ้มาเลเซีย 1 : 2 ครับ แต่ไม่เป็นไรครับ ไทยยังมีโอกาสและพละกำลังโกยเหรียญที่รอการชิงอีกเป็นจำนวนมาก
สวัสดีครับท่านอาจารย์วิรัตน์
ก่อนมาทำงานที่ชายแดนลาว (ไม่เคยมาภาคอีสานมาก่อน) ผมไม่เคยเปิดพจนากุกรมดูมาก่อนเลยว่า นิยามศัพท์ของคำว่า....ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ....มีความหมายว่าอย่างไร.....พิธีการทูต.....เป็นอย่างไร เมื่อมาทำงานได้ระยะหนึ่ง ก็ได้รับหนังสือจากสถานทูตไทยในเวียงจันทน์ให้ไปรับใบประกาศเกียรติคุณ..... บุคคลที่มีผลงานดีเด่น สาขาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ (ราชอาณาจักรไทย - สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว).... ตอนนั้นยังงง ๆ อยู่ว่าไม่ได้เสนอผลงานอะไรไป หรือได้รับการบอกกล่าวจากสถานทูตมาก่อน เหตุใดจึงได้รับการพิจารณา...แต่ลึก ๆ ก็แอบดีใจครับ
ผมได้รับการบอกกล่าวภายหลังว่า คณะกรรมการฯ ที่สถานทูตแต่งตั้งขึ้นได้มีมติตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ทุกประการ
เมื่อนำเหตุการณ์ปัจจุบัน คือการตอบโต้กันระหว่างไทย-กัมพูชา ที่อาจารย์พูดถึงมาพิจารณา ผมเห็นรัฐประศาสโนบายด้านการต่างประเทศของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระเทพฯ ที่มีต่อประเทศ สปป.ลาวนั้น สามารถนำมาเป็นแนวทางในการปฏิบัติได้เป็นอย่างดีครับ ไม่ว่าจะเป็นระดับรัฐบาลส่วนกลาง ระดับกระทรวง ระดับจังหวัด ระดับท้องถิ่น หรือแม้แต่ข้าราชการหรือประชาชนตามแนวชายแดนทั่วไป ทุกฝ่ายต้องร่วมกันสร้างครับ และไม่ต้องหวังผล เมื่อทำความดี ผลดีจะออกมาเองโดยธรรมชาติ
การทำลายสิ่งที่ร่วมสร้างกันมานั้นง่ายครับ แต่การสร้างสรร/สร้างความสัมพันธ์/สร้างความรู้สึกที่ดีต่อกันนั้น ไม่ง่ายเลยครับ นอกจากจะไม่ง่ายแล้ว....ยากยิ่งนักและต้องใช้เวลานานมากครับ
สวัสดีครับคุณสมบัติครับ
มาสวัสดีปีใหม่ค่ะ..
เจริญพรคุณครูอ้อยเล็กกัลยาณมิตรชาวหนองบัว
อนุโมทนาขอบคุณแทนชาวหนองบัวด้วยที่คุณครูอ้อยเล็กอวยพรปีใหม่แก่ชาวหนองบัว
ขอให้คุณครูอ้อยเล็กมีความสุขสวัสดีในปีใหม่ ๒๕๕๓ และตลอดไป
อนุโมทนา สาธุ
เจริญพรอาจารย์ ดร.จรูญ(atozorama)
อนุโมทนาขอบคุณที่อาจารย์ให้เกียรติมาเยี่ยมเยียนชาวหนองบัว
ร่วมขอบคุณกับท่านพระอาจารย์มหาแล ขอบคุณการสวัสดีปีใหม่แก่ชาวหนองบัวของคุณครูอ้อยเล็ก และขอขอบคุณท่าน ดร.จรูญ ด้วยครับที่แวะเข้ามาทักทายเวทีนี้พร้อมกับให้ข้อสังเกตหนุนเสริมกำลังใจแก่คนหนองบัวและผู้ที่เข้ามาคุยกันในเวทีบล๊อกนี้ อาจารย์แวะเวียนมาแบ่งปันเรื่องราวต่างๆกับคนหนองบัวและเวทีนี้บ้างนะครับ คนหนองบัวและผู้ที่เข้ามาอ่านคงจะได้สิ่งๆดีๆกลับไปใช้ในชีวิตและการทำงานด้วยมากมายครับ
พรใดที่ประเสริฐ
ขอจงเป็นของพี่น้องชาวหนองบัวและชาวบล๊อกนี้ทุกท่าน....และขอให้มีสุขภาพดีตลอดปี 2553 ครับ
ขอร่วมบรรยากาศความสุขในเทศกาลปีใหม่กับทุกท่านด้วยครับ
ขออาราธนาคุณพระรัตนตรัย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากลโลก และสิ่งอันเป็นที่เคารพนับถือของชาวหนองบัว หลวงพ่อเดิม หลวงพ่ออ๋อย เจ้าพ่อเจ้าแม่ฤาษีณารายน์ รวมทั้งการปฏิบัติดีปฏิบัติชอบด้วยกายวาจาใจทั้งหลาย จงร่วมอำนวยพรและเป็นพลวัตรปัจจัย ให้ชาวหนองบัวและทุกท่านในบล๊อกนี้ มีความสุข มีกำลังกาย กำลังใจ สุขภาพดี ดำเนินชีวิตและทำการงานให้ได้ทั้งความสำเร็จ ได้ความงอกงาม ได้ความสบายกายสบายใจ เบิกบานแจ่มใส ตลอดปีใหม่ ๒๕๕๓ ที่กำลังจะมาถึงนี้ เทอญฯ
วันนี้ลองกลับมาอ่านเวทีคนหนองบัวแล้วรู้สึกดีใจภูมิใจอย่างมากจริง ๆ คนอื่นจะเคยเป็นเหมือนอาตมาบ้างหรือเปล่าไม่ทราบ เวลาเอ่ยถึงพูดถึงหนองบัวกับใครทีไรคู่สนทนามักจะถามกลับมาว่าหนองบัวไหน หนองบัวลำภูหรือหนองบัวระเหวหรือหนองบัวแดงหรืออะไรประมาณนี้แหละ เราก็คนบ้านนอกชื่อที่เขารู้จักและพูดถึงนั้นเรากลับไม่รู้จักเลย แต่เมื่อได้อ่านหนังสือศึกษาชื่อบ้านนามเมืองต่าง ๆ จึงได้รู้ว่าชื่อเหล่าอยู่ที่ไหนบ้าง
วันนี้ชุมชนอำเภอหนองบัว จังหวัดนครสวรรค์คงเป็นที่รู้จักแก่คนทั่วไปบ้างไม่มากก็น้อย แต่ในฐานะคนหนองบัวคนหนึ่งรู้สึกภาคภูมิใจในความเป็นบ้านเรา ทั้งหลายทั้งปวงนี้ต้องขอขอบคุณอาจารย์วิรัตน์ที่ทุ่มเทจิตใจเสียสละเพื่อคนหนองบัวผู้เป็นปฐมชนคนต้นเรื่องที่นำชุมชนหนองบัวออกเผยแพร่สู่สาธารณชน
ขอบคุณคนหนองบัวที่ได้เสียสละเวลาร่วมกันสร้างสรรค์และแบ่งปันความรู้อันเป็นประโยชน์ต่อชุมชนหนองบัวบ้านเรา
โยมอาจารย์ดร.วิรัตน์ คำศรีจันทร์ คุณเสวก ใยอินทร์ และกลุ่มพริกเกลือ คุณครูอนุกูล วิมูลศักดิ์ คุณพีรณัฐ คุณภูเขา คุณครูจุฑารัตน์ อาจารย์สมบัติ ฆ้อนทอง คุณศักดิ์ศรี-ฉิก คุณครูวิกานดา คุณไพฑูรย์ ศรสุรินทร์ คุณโชคชัย มากน้อย คุณจรัญ คุณเจนณรงค์ เหว่าโต คุณn.b.clup คุณแป๊ะ แก็ส คุณอ้อย นุชเฉย
ขอบคุณกัลยาณมิตรที่แบ่งปันความรู้ให้กับคนหนองบัว
คุณครูอ้อยเล็ก(คุณครูวัชรี โชติรัตน์) คุณจตุพร วิศิษฏ์โชติอังกูร อาจารย์ดร.ขจิต ฝอยทอง อาจารย์ณัฐพัชร์ ทองคำ คุณเริงวิชญ์ นิลโคตร คุณครูkrutoiting คุณแอน
อ.หนึ่ง คุณหนานเกียรติ คุณrinda คุณณัฐรดา คุณคนไม่มีราก อาจารย์ ดร.จรูญ(atozorama) อาจารย์กู้เกียรติ คุณnana งาน พสว.ศอ.8
คุณสุ-มหาวิทยาลัยชีวิต ที่ไม่มีวันปิดทำการ คุณครูคิม คุณหมอkmsabai อาจารย์โต คุณครูอ้อย แซ่เฮ คุณกวิน อาจารย์ชยพร แอคะรัจน์ คุณครูธนิตย์ สุวรรณเจริญ คุณนครพังคา คุณโก๊ะจิจัง แซ่เฮ~natadee ที่สุดในแก๊ง ที่ปรึกษาเวทีคนหนองบัวทุกท่านและพี่น้องชาวหนองบัวทุกท่านที่ไม่ได้ออกนามตลอดทั้งท่านที่แบ่งปันความรู้ท่านผู้อ่านทุกท่านด้วย(เวทีคนหนองบัวนี้ดูจำนวนผู้อ่านแล้วมากมายล้นหลามถ้าเป็นรายการทีวีต้องถือว่าเรตติ้งกระฉูด)
ใกล้จะถึงปีใหม่แล้วก็เลยขอถือโอกาสสวัสดีปีใหม่ พ.ศ.๒๕๕๓ กับทุกท่านขอคุณพระศรีรัตนตรัยสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย หลวงพ่อเดิมหลวงพ่ออ๋อย เจ้าพ่อเจ้าแม่ฤาษีณารายน์ จงอภิบาลปกปักรักษาคุ้มครองให้ชาวหนองบัวและทุกท่านประสบแต่ความสุขความเจริญงอกงามไพบูลย์ในพระธรรมตลอดกาลนานเทอญ.
กราบนมัสการพระคุณเจ้า พระอาจารย์มหาแล คนหนองบัว และเครือข่ายกัลยาณมิตรทุกท่านครับ
เป็นเอกลักษณ์และหนึ่งเดียวของประเทศ
ที่สุดของประเทศ
มองเห็นและสัมผัสได้อย่างไร้พรมแดน
หลายอย่างเป็นต้นเรื่อง
วิถีเรียนรู้แบบปฏิบัติธรรม
คุณครูจุฑารัตน์ คนพยุหะคีรี จาก สพท กำแพงเพชร และกัลยาณมิตรของคนหนองบัว และเพื่อร่วมทีม ไปดูงานนิทรรศการรูปเขียน และนั่งคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์การทำงานกัน ที่หน้ามหาวิทยาลัยมหิดล อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม ซึ่งต้องถือว่าเป็นผลสืบเนื่องจากการนำเอาข้อมูลจากเวทีคนหนองบัว ไปจัดกิจกรรมต่อไปอีก จึงทำให้ได้เจอคนเก่งๆที่ทำงานเพื่อเด็กๆและเป็นคนท้องถิ่นนครสวรรค์ (ต้องขออภัยที่แต่เดิมผมเข้าใจว่าเป็นคนหนองบัว แต่เป็นเพื่อนน้องผมและเป็นคนพยุหะคีรี แต่ก็ถือว่าใช่คนอื่นคนไกลครับ)
จัดการความรู้สู่ความสร้างสรรค์ต่อเนื่องที่เกิดผลดีทั้งต่อท้องถิ่นและต่อสังคม
สร้างชุมชนและเครือข่ายคนหนองบัวอีกมิติหนึ่งให้เข้มแข็งขึ้น
เพียงที่กล่าวถึงเหล่านี้ ก็ต้องถือว่าเวทีนี้ได้ทำสิ่งสร้างสรรค์มากพอดูหลายเรื่องทีเดียวครับ
กราบนมัสการพระคุณเจ้า พระมหาแล ขำสุข (อาสโย) และสวัสดีค่ะ อาจารย์วิรัตน์ คำศรีจันทร์, ชาวหนองบัว และกัลยาณมิตรของชาวหนองบัวค่ะ
สวัสดีครับอาจารย์ณัฐพัชร์ครับ
สวัสดีปีใหม่ คิดสิ่งดีใดๆ ขอให้สมปรารถนาทุกประการ
เจริญพรอาจารย์ณัฐพัชร์
อาจารย์มีของมาฝากด้วยคล้ายเป็นปฏิทินชุมชนหนองบัวเหมือเคยได้ยินอาจารย์วิรัตน์บอกอยากจะทำปฏิทินภาพหนองบัวสิบสองเดือนชนิดมีรายละเอียดเรื่องราวในชุมชนประกอบภาพต่าง ๆ
พูดให้ดูเท่ ๆ หน่อยก็ได้ว่าปฏิทินชุมชนหนองบัวที่ยังไม่ได้ทำชุดนี้เป็นของคนหนองบัวเพื่อคนหนองบัวโดยคนหนองบัว(พูดเหมือนขายไอเดียตอนเลือกตั้งยังงัยไม่รู้)
ขออนุโมทนาขอบคุณอาจารย์ณัฐพัชร์ที่มาช่วยให้ความรู้อย่างสม่ำเสมอแก่ชาวหนองบัวพร้อมมีข้อสังเกตอีกทั้งได้ให้แง่คิดแก่น้อง ๆ เยาวชนลูกหลานคนหนองบัวที่เข้ามาอ่านบล๊อกนี้ด้วย คิดว่าหลายท่านได้กำลังใจจากอาจารย์ณัฐพัชร์กัลยาณมิตรผู้มีน้ำใจ
สวัสดีครับฉิก
กราบนมัสการพระคุณเจ้า พระอาจารย์มหาและครับ
--------------
ใกล้วันส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ 2553 แล้วค่ะ
น้องขออวยพรให้พี่และครอบครัวมีความสุขมากๆนะคะ
สวัสดีค่ะ...อ.วิรัตน์คะ เห็นหัวข้อเวทีเรียนรู้สร้างสุขภาวะคนหนองบัว
ในฐานะที่อยู่นครสวรรค์ก็ต้องให้ความสนใจ และยินดีกับคนหนองบัว ที่ได้รับโอกาสดี ๆ
กราบนมัสการพระคุณเจ้า สวัสดีพี่วิรัตน์ และทุกๆคน
สวัสดีครับน้องคุณครูจุฑารัตน์ :
สวัสดีครับ คุณ nana คนนครสวรรค์ครับ
พูดถึงยังไม่ทันข้ามวันเลยนะเนี่ยปฏิทินชุมชนหนองบัวก็ได้แบบจอผ่าโลกโผล่พลวดพลาดมาให้เห็นอย่างทันใจ สวยดี ขอบคุณคุณศักดิ์ศรี-ฉิก (ที่จัดให้)ถวายพระถวายเจ้าได้อย่างน่าอนุโมทนาขอบคุณหลาย ถ้าแพงมากสงสัยจะต้องดูต้นฉบับในคอมฯนี่แหละประหยัดดีด้วย
ความคุ้นเคยเป็นญาติอย่างยิ่ง : ปรากฎการณ์ความงามของสุขภาวะกลุ่มก้อนแห่งชุมชนคนหนองบัว
นมัสการ พระอาจารย์มหาแล อาสโย และเรียน อ.ดร.วิรัตน์ คำศรีจันทร์ ครับ
เวทีการสานปัญญาผ่านพื้นที่ออนไลน์อย่างที่อาจารย์ได้พยายามสร้างความรู้ใหม่ๆนี้ เป็นพลังความรู้ที่ค่อยๆถอด ความรู้ที่อยู่ในตัวบุคคลออกมาเเบบเป็นธรรมชาติและสุนทรียะ
ถือว่าเป็นต้นแบบที่ดีมากครับ สำหรับการเปิดพื้นที่แลกเปลี่ยนเรียนรู้โดยมี จุดรวมศรัทธาของคน กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง
สิ่งที่เราศรัทธาจะยึดโยงคนเข้าหากัน สร้างสุข สร้างปัญญาร่วมกัน เช่นเดียวกับ "ลานปัญญาของคนหนองบัว" ที่นี่ครับ
ให้กำลังใจทุกท่านครับหากมีการเฉลิมฉลอง (งานปอย) ไม่ว่าเมื่อไหร่ ขอร่วมด้วยช่วยกัน ด้วยคนครับ
ท่านพระมหาแลท่านให้กำลังใจและร่วมอนุโมทนาคุณฉิกอย่างนี้ ได้ทั้งความรู้สึกดีงามและความเป็นมงคล จากสิ่งที่สร้างสรรค์ด้วยฝีมือ ความรู้ความชำนาญทางคอมพิวเตอร์กราฟิค และความมีน้ำใจเลยนะครับ ต้องโชคดี มีความสุข เติบโตงอกงามมากยิ่งๆขึ้น ทั้งตัวเองและลูกหลาน สถานเดียวครับ
ข้อสังเกตและการร่วมสะท้อนทรรศนะของคุณช้างน้อยมอมแมม น่าสนใจมากครับ
รวมทั้งข้อเสนอแนะต่อการลองจัดเวทีรวมพลคนหนองบัวในท้องถิ่นขึ้น ล้วนจะเป็นวิธีทำให้เกิดการยกระดับและพัฒนาเวทีของคนหนองบัวให้ดีขึ้นเรื่อยๆนะครับ
ผมเลยขอต่อยอดแนวคิดเปิดบันทึกอีกหัวข้อหนึ่งเพื่อเป็นหมายเหตุข้อเสนอแนะดีๆของคุณช้างน้อยมอมแมมนี้ไว้นะครับ เป็นเวทีรองรับการถอดบทเรียน หรือเป็นเวทีพัฒนาแนวคิดและความรู้เชิงวิชาการแบบชาวบ้านขึ้นมาอีกเวที รวมทั้งจะเป็นเวทีวิชาการของนักวิชาการแนวนี้ที่ใช้เวทีคนหนองบัวเป็นแหล่งเปิดประเด็นพัฒนาเชิงวิชาการให้เชื่อมต่อกับคนในชุมชนท้องถิ่น อีกแหล่งหนึ่งนะครับ
เดิมชื่อ เวทีถอดบทเรียนและสังเคราะห์ความรู้'เวทีคนหนองบัว' แต่ตอนนี้จะใช้ชื่อว่า ลานปัญญาของคนหนองบัว ครับ ขอนำเอาการเรียกของคุณจตุพรมาตั้งให้เป็นที่รำลึกถึงกันของคนหนองบัวกับคนเมืองปายและมือบล๊อกเกอร์ของ GotoKnow ในฐานะที่เป็นเคือข่ายวิชาการและร่วมสานความคิดกับคนหนองบัวครับ
เลยจะขอใช้ชื่อ ลานปัญญาของคนหนองบัว ที่คุณจตุพรให้นิยามและความหมาย มาเป็นชื่อเวทีสำหรับเอาไว้ถอดบทเรียนและสังเคราะห์ความรู้จากประบการณ์ต่างๆของคนหนองบัวในครั้งนี้นะครับ ถือว่าเป็นที่ระลึกถึงความปรารถนาดีและความเป็นนักวิชาการที่ส่งเสริมการพัฒนาคนและชุมชนนะครับ
ขอบคุณคุณช้างน้อมมอมแมมที่แวะมาเติมกำลังใจแก่เวทีนี้พร้อมทั้งให้มุมมองที่น่าสนใจและเป็นประโยชน์
และรู้สึกดีใจยิ่งขึ้นที่คุณช้างน้อยมอมแมมกล่าวว่าเวทีนี้มีส่วนช่วยให้เกิดแรงบันดาลใจที่จะกลับไปทำงานชุมชนโรงเรียนที่บ้านเกิดของตนอันนี้น่าอนุโมทนาจริง ๆ และก็หวังว่าคงจะได้เห็นคนมีคุณภาพได้ทำสิ่งสร้างสรรค์ในเร็ววัน
คุณจตุพรเข้ามาเยี่ยมสังเกตการณ์เวทีนี้และเรียกขานเวทีคนหนองบัวเหมือนการสร้างความรู้เพิ่มพูนปัญญาในชุมชนก็เลยให้ชื่อว่าลานปัญญาของคนหนองบัวเห็นชื่อนี้แต่เมื่อวานนี้ก็นึกชอบฟังดูดีให้ความรู้สึกทางสร้างสรรค์ เลยก็สอดคล้องกับเวทีคนหนองบัวน้องใหม่(นบ.-๒)พอดี เหมาะสมแล้วที่อาจารย์วิรัตน์นำชื่อนี้ไปใช้ในเวทีแห่งใหม่ต้องขอขอบคุณคุณจตุพรด้วยที่มีส่วนช่วยทำให้เกิดสิ่งดี ๆ อย่าลืมแวะมาแบ่งปันความรู้เสริมพลังปัญญาแก่คนหนองบัวและในเวทีใหม่ด้วยนะ ขออนุโมทนา
คุณช้างน้อยมอมแมมนี่ผมผมรู้จักครับ และผมเคยไปบ้านของญาติพี่น้องของเขาบนทางผ่านเมื่อเวลาออกสนามไปทำงานวิจัย ผู้คนและญาติพี่น้อง รวมทั้งถิ่นฐานบ้านเกิดในชนบทของคุณช้างน้อยมอมแมมนั้น เป็นทุนมนุษย์และทุนทางปัญญาหลายด้านของสังคมมากมายครับ รวมทั้งความเป็นนักวิชาการและภาวะผู้นำของคุณช้างน้อยมอมแมมเอง ก็รู้สึกได้ครับว่าเขาเป็นผู้ที่ได้รับความเคารพนับถืออย่างกว้างขวาง เรียกว่ามีปัญญาบารมีและความดีงามอันเป็นที่ยอมรับของชาวบ้านและญาติพี่น้อง รวมไปจนถึงผู้หลักผู้ใหญ่ เกินความเป็นคนหนุ่มคนสาวธรรมดาๆครับ หากกลับไปทำสิ่งต่างๆในชนบทที่บ้านเกิดด้วยฉันทะ อย่างที่กล่าวนี้ แน่ใจได้ว่าจะก่อเกิดสิ่งดีๆมากมายจากพลังความร่วมไม้ร่วมมือของชาวบ้านที่นำไปสู่การสร้างสุขภาวะสังคมที่อาศัยทุนมนุษย์และทุนศักยภาพชุมชนเป็นหลัก ได้อย่างดีแน่นอนครับ ร่วมขอให้กำลังใจและแรงหนุนครับ ถือเวทีคนหนองบัวเป็นเครือข่ายแลกเปลี่ยนเรียนรู้ไปด้วยกันนะครับ เรื่องอย่างนี้เป็นเรื่องสร้างสรรค์และดีงามครับ
คุณเอก จตุพร ที่ให้ชื่อว่า ลานปัญญาของคนหนองบัวนั้น ช่างบังเอิญเหลือเกินว่าไม่เพียงมีความหมายที่สะท้อนลักษณะของเวทีอย่างเดียว ทว่า ทำให้ต้องนึกถึงความเป็นวัดหนองกลับ และโรงเรียนอนุบาลหนองบัวหรือชื่อเดิมโรงเรียนหนองบัว(เทพวิทยาคม) ที่ท่านเจ้าคุณพระเทพสิทธินายก อดีตเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ หลวงพ่ออ๋อย ผู้นำทางจิตใจและผู้นำทางสังคมของท้องถิ่นที่ร่วมสมัยกัน ได้สร้างขึ้นบนพื้นที่ติดกันกับลานวัด เลยทีเดียว ลานวัดหนองกลับบนผืนดินที่เชื่อมโยงกับสนามโรงเรียนแต่เดิมนั้น เป็นพื้นที่ใช้สอยเอนกประสงค์ ซึ่งกิจกรรมส่วนใหญ่บนลานกว้างนั้น ก็จะเป็นกิจกรรมวัฒนธรรมทางปัญญาและกิจกรรมทางศาสนา ทั้งของวัด โรงเรียน และชุมชน พอเรียกว่า ลานปัญญาของคนหนองบัว นี่ นอกจากสื่อความหมายแล้ว จึงให้ความรู้สึกราวกับว่าใช่เลยในความเป็นชื่อที่สะท้อนวิถีชีวิตชุมชนดั้งเดิมของคนหนองบัว ผมเลยให้สีสัน ชมพูฟ้า สีประจำของโรงเรียนอนุบาลหนองบัว(เทพวิทยาคม) ซึ่งทั้งเป็นหน่วยทางปัญญาและความรู้ของชุมชน อีกทั้งก่อเกิดขึ้นมาบนลานวัด ศูนย์กลางจิตใจของชุมชนหนองบัวนับแต่อดีตอีกด้วย
พอเข้ามาอยู่ในโลกไซเบอร์แล้วใช้ชื่อว่า ลานปัญญาของคนหนองบัว จึงนอกจากได้ชื่อเวทีที่สอดคล้องกับลักษณะกิจกรรมแล้ว ก็เลยสื่อถึงความเป็นมาที่สืบนื่องกับชุมชนด้วยเลยทีเดียวนะครับ
กราบนมัสการพระคุณเจ้า พระมหาแล สวัสดีพี่วิรัตน์ และเพื่อนพ้องน้องพี่ ทุกๆคน
ลืมไปครับว่าจะถวายปฏิทินให้พระคุณเจ้า พระมหาแลอีก อันนี้ทำเสร็จไว้พร้อมกับคราวที่แล้ว ยังไม่ได้ทำเดือนที่เหลือเลย
เจริญพรคุณศศักดิ์ศรี-ฉิก
ขอให้คุณแม่หายป่วยไว ๆ มีสุขภาพแข็งแรง
อนุโมทนาที่มีน้ำใจจะถวายปฏิทิน
คุณแม่ไม่สบายแต่ก็ยังมีน้ำใจแบ่งปันเรื่องราว
สุขศาลาหมอหนิมคือสถานพยาบาลเบื้องต้นระดับชุมชน(ปัจจุบันสถานีอนามัยตำบล)
แต่บ้านเราเทียบเท่าโรงพยาบาลอำเภอเลยนะเพราะบริการทั้งอำเภอ
อันที่จริงต้องขอบคุณโรงพยาบาลคริสเตียนคุณหมอและมิชชนารีที่มาให้บริการด้านสุขภาพก่อนรพ.รัฐจะมาถึงหนองบัว
กรานมัสการพระอาจารย์มหาแล และสวัสดีครับฉิก
ขอร่วมกับท่านพระอาจารย์มหาแล ขำสุข(อาสโย) | คุณเสวก ใยอินทร์ |คุณสมบัติ ฆ้อนทอง | คุณฉิก | คุณครูอนุกูล วิมูลศักดิ์ | และคนหนองบัวทุกคน | สวัสดีปีใหม่ ๒๕๕๓ คนหนองบัว เครือข่ายกัลยาณมิตร และผู้อ่านทุกท่านนะครับ
ขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย พระบารมีปกเกล้าในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากล รวมทั้งสิ่งที่ทุกท่านเคารพนับถือ จงร่วมเป็นขวัญและกำลังชีวิตสำหรับทุกท่าน ให้ทุกขณะและทุกอริยาทบทในชีวิตของทุกท่านจงได้กอปรด้วยพลังแห่งความเป็นสัมมา กร้าแกร่งในพลังปัญญาและปรีชาญาณในการแก้ปัญหาต่างๆ มีพลังแห่งสติ พลังแห่งความตั้งมั่น ตบะ บากบั่น อดทน พลังแห่งความริเริ่มสร้างสรรค์
มุ่งสู่ความสุขและความศานติ สงบเย็นทั้งกายใจ เจริญงอกงามในการปฏิบัติธรรมแห่งชีวิตทั้งเพื่อผู้อื่นและตนเอง มีความงอกงามก้าวหน้าในการเรียนรู้ในทุกสถาน พึ่งตนเอง พอเพียง มีส่วนร่วมในการพัฒนาสุขภาวะสังคม และสามารถเป็นสภาพแวดล้อมที่ดีของหมู่มิตร เพื่อนร่วมงาน ลูกหลาน ญาติพี่น้อง ให้ได้ปฏิบัติและเรียนรู้สิ่งดีไปด้วยกันอยู่เสมอ
จำเพาะเวทีของคนหนองบัวนี้ ก็ขอให้เป็นเวทีแห่งการเรียนรู้ เป็นแหล่งพัฒนาบทบาทของทุกท่านที่เข้ามาสร้างสรรค์สิ่งต่างๆด้วยกัน ให้ได้ประสบการณ์ชีวิตที่ดีสำหรับนำกลับไปทำการงานและดำเนินชีวิตเหมือนได้หมู่มิตรและที่ปรึกษาหารือให้ชีวิตกอปรด้วยความมีสติปัญญาและการใช้เหตุผลที่พอดี พอเพียง และเหมาะสมแก่เหตุปัจจัยแห่งชีวิตตนอยู่เสมอ ได้ความรอบด้าน มีความรู้ และมีสายตาที่เท่าทันโลกรอบข้าง
หากเป็นพ่อแม่ เป็นผู้นำของครอบครัว ก็ขอให้ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้กับเครือข่ายผู้คนผู้มีน้ำใจแห่งมิตร มีความรู้ มีประสบการณ์ มีความเชี่ยวชาญ และมีความดีงามอยู่ในตนเองอย่างหลากหลายทั่วประเทศในเวทีนี้ และได้เวทีนี้เป็นแหล่งบ่มเพาะศักยภาพความเป็นครอบครัวของพ่อแม่ เพื่อสามารถเป็นที่ปรึกษาอันเท่าทันโลกแก่ลูก เป็นครูและเป็นผู้นำประสบการณ์ที่ดีมาสู่การเรียนรู้ของลูก เป็นกลุ่มสังคมและเป็นสถาบันอันดับแรกที่สร้างความมั่นคงเข้มแข็งของสังคมอย่างมีพลัง
หากเป็นเด็กและเยาวชนคนหนองบัว รวมทั้งในท้องถิ่นต่างๆที่ได้เข้ามาเป็นเพื่อนแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับคนหนองบัว ก็มีความองอาจสง่างาม รอบรู้ทางสังคม มองไกลสู่โลกกว้าง มีปัญญาและความฉลาดต่อการเข้าถึงวิทยาการและเทคโนโลยีที่เห็นประโยชน์สุขของคน ชุมชน และสังคม เป็นฐาน เรียนรู้ความกว้างขวางของโลกรอบข้างอย่างนอบน้อม เคารพผู้อื่น และเห็นภาวะผู้นำของตนเอง มีความเชื่อมั่น แจ่มแจ้ง และชัดเจนในสิ่งที่สังคมของตนมี สามารถแบ่งปัน นำเสนอความแตกต่างให้กับผู้อื่น และสามารถนำการปฏิบัติให้แก่ผู้อื่นด้วยหนทางที่แตกต่างหลากหลายยิ่งขึ้น จากความเป็นตัวของตัวเองได้เสมอ
หากเป็นคนทำงานท้องถิ่นและคนของราชการ ก็เป็นคนบริการสาธารณะที่มีคุณภาพ มีภูมิปัญญาพอเพียงแก่การทำการงานสังคมให้รอบคอบ เชื่อมโยงความเป็นท้องถิ่น ความเป็นสาธารณะของสังคมไทย และความเป็นสากลของโลก เป็นความอุ่นใจของประชาชน เป็นกำลังทางวิชาการเพื่อการสร้างสุขภาวะของชุมชนทุกระดับขึ้นจากฐานชุมชนให้งอกงามและเป็นตัวของตัวเอง ได้มีโอกาสฟื้นฟูและส่งเสริมการเรียนรู้ตนเองของชุมชนให้ยิ่งงอกงาม สนุก ประสบความสำเร็จทีละเล็กละน้อยในการได้สร้างและสะสมพลังความรู้อย่างในเวทีคนหนองบัวช่วยกันให้มากยิ่งๆขึ้น ทำให้ผู้คนเห็นคุณค่าแห่งชีวิตและมีโอกาสพัฒนาตนเองเพื่อมีส่วนร่วมต่อการสร้างสรรค์ในสิ่งที่ต้องการทำเพื่อผู้อยู่ร่วมกันกับอื่น
คนหนองบัวทุกท่านที่เข้ามาพัฒนาเวทีคนหนองบัวด้วยกันในทุกเวทีย่อยๆ ก็ขอจงได้ประสบทุกสิ่งในข้างต้น และขอให้ได้ประสบการณ์ที่ดี สามารถร่วมสร้างสรรค์ และทำให้เวทีคนหนองบัวมีความคึกคัก ได้ความเป็นชุมชนและเครือข่ายของคนที่คิดดี ทำดี มีส่วนร่วมต่อการพัฒนาทั้งเพื่อกลุ่มก้อนของตนเองและเพื่อความเป็นสาธารณะในทุกขอบเขตที่ทุกท่านสามารถนำตนเองเข้าไปมีส่วนร่วมได้
ด้วยพลังความสร้างสรรค์สิ่งดี จากการมีส่วนร่วมในการปฏิบัติของเราทุกท่านดังกล่าว ก็ขอให้เป็นเหตุปัจจัยส่งเสริมสังคมและสิ่งแวดล้อมรอบข้างให้มีแต่ความสุข มีสุขภาวะสาธารณะ และทุกท่านก็ประสบแต่สิ่งดี ตลอดปี ๒๕๕๓ และตลอดไป ทุกท่าน เทอญฯ.
เอวัง ก็มีด้วยประการฉะนี้แหละคุณโยม.
พลังความรัก ความดี ความสามัคคี เพื่อทำปีใหม่ ๒๕๕๓ ให้เป็นโอกาสสร้างสิ่งดีเป็นของขวัญแก่ตนเองและสังคม : ขอร่วมเสริมกำลังใจผู้อ่านและคนหนองบัวอีกคนครับ ที่จะร่วมกันรณรงค์ทำให้ปีใหม่ การกลับบ้าน และการได้มีโอกาสทำสิ่งต่างๆในห้วงเทศกาลนี้ นำมาซึ่งสิ่งดีๆ สิ่งสร้างสรรค์ อย่างที่พระคุณเจ้าได้ฝากข้อคิดเล็กๆน้อยๆ แต่ก็เป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะสำหรับลูกหลานคนหนองบัว
ตั้งแต่ปีใหม่ 1 มกราคม 2553 เป็นต้นมา เห็นว่าหัวข้อนี้ยังเงียบเหงาอยู่
ขอทักทายสบายดีท่านอาจารย์วิรัตน์/ท่านพระมหาแลฯและพี่น้องชาวหนองบัวทุกท่านครับ
ปีใหม่ หลาย ๆ อย่างยังคงดำเนินไปตามปกติ ท้ายปีเก่าผมกลับไปบ้านมา มีอย่างหนึ่งที่เป็นของใหม่และขอนำเสนอในที่นี้คือ มีถนนลาดยางสายใหม่ที่เพิ่งสร้างเสร็จ... ระยะทางประมาณ 5 ก.ม. เชื่อมต่อระหว่างถนนสายหนองบัว - ท่าตะโก (1119) กับถนนสายหนองบัว - ชุมแสง (225) ซึ่งผ่านบ้านห้วยวารีเหนือน่ะครับ ถนนใหม่นี้ ช่วยให้พี่น้องที่เดินทางระหว่างหนองบัว - นครสวรรค์ และหนองบัว - กรุงเทพฯย่นระยะทางได้มากทีเดียวครับ ที่สำคัญไปกว่านั้น...ทำให้สุขภวะและสิ่งแวดล้อมของชุมชนตลอดเส้นทางกลายเป็นถนนไร้ฝุ่นไปแล้ว....ไชโย !....... ต้นไม่ใบหญ้าที่เคยเต็มไปด้วยฝุ่นลูกรังสีแดง ได้กลายมาเป็นสีเขียวตามธรรมชาติของมันเสียที
การเดินทางจากหนองบัว เข้ากรุงเทพฯ เป็นที่รู้กันว่าพึงหลีกเลี่ยงเส้นทางหนองบัว - ตากฟ้า (11) ให้ไกล ๆ ได้เท่าไหร่ยิ่งเป็นการดี ส่วนจะเนื่องด้วยเหตุผลใดนั้น ในเวบไซต์ของโรงเรียนหนองบัวก็ได้บอกไว้เหมือนกันครับ.
สวัสดีครับคุณสมบัติ ฆ้อนทองครับ : ผมได้กลับไปทำบุญที่บ้าน บ้านตาลิน หนองบัวบ้านเรา แล้วก็ได้รับหนังสือของคุณสมบัติแล้ว ผมแนะนำหนังสือถ้อยเสียงสำเนียงลาวของคุณสมบัติ ให้น้องๆและญาติๆผมได้ทราบ พร้อมทั้งสาธยายเกี่ยวกับคุณสมบัติในฐานะผู้แต่งให้เป็นที่รู้จักในความเป็นคนบ้านนอกแต่ข้ามทุ่งไปได้การศึกษาขั้นสูงของประเทศ ไปทำการงานให้กับสังคมแล้วยังไม่พอ ยังทำชีวิตและการงานให้เป็นการเรียนรู้พร้อมกับถ่ายทอดออกมาเป็นงานที่สร้างสรรค์เป็นอย่างยิ่งให้แก่สังคมอย่างหนังสือ ถ้อยเสียงสำเนียงลาว อย่างที่เห็นอีกด้วย ทุกคนประทับใจและแย่งกันอ่านหนังสือครับ
ผมเองนั้นก็อ่าน โดยเฉพาะบทบันทึกเกี่ยวกับแรงจูงใจและความเป็นมาของการคิดเขียน กระทั่งทำออกมาเป็นหนังสือ เมื่อได้ทราบแล้วก็ประทับใจมากครับ ดูแล้วไม่ใช่เพียงการการเรียนรู้ภาษาของเพื่อนบ้านเท่านั้น ทว่า เป็นวิธีเขียนการเรียนรู้ภาษาให้เป็นการเรียนรู้ทางสังคมที่ให้ทรรศนะการมองโลกอย่างสร้างสรรค์และให้ความรอบรู้เพื่อสร้างความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในวิถีชาวบ้านกับประเทศเพื่อนบ้านในอนุภูมิภาคอินโดจีน นี่แค่เพิ่งเริ่มอ่านเป็นบางส่วนเท่านั้นครับ
งานในแนวของคุณสมบัติ ทำให้ผมนึกถึงงานเขียนของท่านฑูตวิษณุ จันวิทัน และประภัสสร เสวิกุลเลย เป็นงานหนังสือที่ได้วัตถุดิบอันมั่งคั่งจากประสบการณ์การทำงานและการเรียนรู้ทางสังคมของนานาประเทศ เป็นการทำโอกาสในชีวิตให้เป็นงานสร้างสรรค์ทางปัญญาแก่สังคมได้ดีจริงๆ ขอบคุณและขอแสดงความชื่นชมมากครับ
ขอถือโอกาสกล่าวสวัสดีปีใหม่ ๒๕๕๓ ด้วย สคส จากฝีมือการทำกันเองนะครับ ถือว่าเป็น สคส ที่คนหนองบัวและคุณสมบัติก็มีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์นะครับ
รูปวาดทั้งชุดนี้ เป็นผลพวงจากเวทีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และเดินบวกความสร้างสรรค์ให้กันในเวทีคนหนองบัว และตอนนี้กำลังจัดเป็นนิทรรศการอยู่ที่ร้านหนังสือเบิกม่าน หน้ามหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา จังหวัดนครปฐม แสดงตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๒ จนถึงกลางเดือนมกราคม ๒๕๕๓ ครับ อาจารย์ณัฐพัชร์ท่านกรุณารวบรวมทำเป็นการ์ดเหมือนกับปฏิทินตามการเสนอความคิดของท่านพระอาจารย์มหาแล ซึ่งเป็นท่านหนึ่งที่ร่วมเสวนาและเป็นที่มาของการวาดรูปชุดดังกล่าวนี้ด้วย
ขอส่งความสุขและน้ำใจแห่งมิตรมายังทุกท่านครับ ด้วยจิตคาระวะจากทีมวิจัยสร้างสุขภาวะชุมชน สถาบันพัฒนาสุขภาพอาเซียน คณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ชมรมชีวเกษมและเครือข่ายชุมชน : ปรีชา ก้อนทอง | ศราวุธ ปรีชาเดช | สนั่น ไชยเสน | เริงวิชญ์ นิลโคตร | กานต์ จันทวงษ์ | อาจารย์ณัฐพัชร์ ทองคำ | ดร.วิรัตน์ คำศรีจันทร์
สวัสดีครับ ท่านอาจารย์ ดร.วิรัตน์ คำศรีจันทร์ครับ
ขอบพระคุณท่านอาจารย์และญาติพี่น้องที่บ้านตาลินเป็นอย่างสูงครับ ที่ให้ความสนใจต่อหนังสือที่ผมเขียน อันที่จริงแล้วหนังสือเล่มนี้เป็นหน้งสือเล่มแรกที่ผมเขียนครับ ผมเคยฝากไปให้นักวิจารณ์หนังสือในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ช่วยวิจารณ์ ปรากฏว่ามีเรื่องที่ควรจะต้องแก้ไขอีกพอสมควรครับ เป็นต้นว่า ตัวหนังสือเล็กไปสำหรับผู้อ่านที่สูงอายุ (ประมาณ 50 ปี ขึ้นไป) การใช้อักษรภาษาลาวเป็นชื่อหนังสือ อาจมีปัญหาพอสมควรสำหรับการลงรายการของห้องสมุด และอื่น ๆ นับว่าเป็นข้อแนะนำและข้อเสนอแนะที่มีประโยชน์มาก สำหรับคนที่จะเข้าสู่วงการหนังสือและคิดจะเขียนหนังสือให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป
ต้องยอมรับความจริงอย่างหนึ่งครับว่า งานเขียนของสมเด็จพระเทพฯ (ขออนุญาตใช้ภาษาสามัญนะครับ) /ของท่านพิษณุ จันทร์วิทัน รวมถึงท่านอื่น ๆ มีส่วนทำให้เกิดหนังสือเล่มนี้ ซึ่งแต่ละท่านล้วนมีประสบการณ์ตรงจากการได้เข้าไปสัมผัสหรือใช้ชีวิตระยะหนึ่งอยู่ใน สปป.ลาว.......ส่วนผมเองนั้น ส่วนใหญ่อยู่ตรงตะเข็บชายแดนซะมากกว่า
สำหรับท่านพิษณุ จันทร์วิทัน(เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงฮานอย) นั้น สมัยที่ท่านดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมเอเชียใต้ ตะวันออกกลางและแอฟริกา กระทรวงการต่างประเทศ ก็ได้มีการแลกเปลี่ยนกับหนังสือของท่านเล่มหนึ่งชื่อ..ใต้ฟ้าปากีฯ.....ครับ
เมื่อสัปดาห์ก่อนมีคนอำเภอแก่งคอย/มีธุรกิจอยู่ในลาว มาพบผมที่ทำงานบอกว่าอยู่บ้านเดียวกับท่านทูตพิษณุฯ รู้ว่ามีหนังสือเล่มนี้แต่หาซื้อตามร้านหนังสือทั่วไปไม่ได้ จึงแวะมาคุยด้วย/ขอซื้อหนังสือพร้อมขอให้เซ็นต์ให้ด้วย
การมีหนังสือของตัวเองสักเล่มหนึ่งก็ดีเหมือนกันครับ นอกจากงานตามภารกิจแล้ว ยังได้พบปะ พูดคุยและรู้จักกับคนในวงกว้างที่เราไม่เคยรู้จักมาก่อน...ก็มีชีวิตชีวาไปอีกแบบครับ
สวัสดีครับคุณสมบัติครับ
กราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูงครับอาจารย์ สำหรับข้อสังเกต
เรื่องการจัดหน้า ลีลาและความสวยงามของตัวอักษรลาวนั้น ต้องยกความดีให้โรงพิมพ์เขาครับ .....โรงพิมพ์ศิริภัณฑ์ออฟเส็ท จังหวัดขอนแก่น..... เดี๋ยวนี้หนังสือของลาวเองหลาย ๆ สำนักพิมพ์ก็ทำได้สวงงามดีครับ มีพัฒนาการขึ้นเรื่อย ๆ และได้มาตรฐานโดยเฉพาะในส่วนของภาคเอกชน เช่น มะหาซน (มหาชน) UP DATE วารสารการบินลาว เป็นต้น
ภาพประกอบหนังสือส่วนมาก เป็นภาพกิจกรรมที่ไปประชุมร่วมกับทางการลาวครับ เป็นทางการบ้าง กึ่งทางการบ้าง รวมทั้งการเดินทางผ่านลาวไปจีน หรือผ่านลาวไปจีนโดยผ่านเวียดนามอีกประเทศหนึ่งก่อน ซึ่งแต่ละปีจะมีงบประมาณสำหรับการเดินทางไปสำรวจและศึกษาเส้นทางการค้า การลงทุนและการท่องเที่ยว ในกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง (GMS) และพบปะ/ประชุมร่วมกับศุลกากรของประเทศเหล่านี้ ผลพลอยได้ที่ตามมาก็คือ ภาษาและวัฒนธรรมที่อุดมสมบูรณ์ครับ อย่างเช่นกลุ่มประชากรตรงบริเวณชายแดนลาว - จีน/ลาว - เวียดนามหรือแม้แต่เวียดนาม - จีน ผมสามารถใช้ภาษาของคนห้วยปลาเน่า - บ้านตาลิน พูดคุยกับเขาได้และรู้เรื่องกันดีครับ คณะที่เดินทางร่วมกันไปก็งงและสงสัยว่าผมไปพูดกับจาเขารู้เรื่องได้อย่างไร
สำหรับทัศนะของอาจารย์ในข้อสุดท้าย ถ้าทุกคนทำได้ตามนั้นจะเกิดประโยชน์ต่อการสร้างสรรค์การเรียนรู้สังคมได้มากทีเดียวครับ
สวัสดีครับคุณสมบัติครับ : เห็นมุมมองที่นำมาสู่การกล่าวว่า 'ภาษาและวัฒนธรรมที่อุดมสมบูรณ์' จากคุณสมบัติ ซึ่งทำงานด้านศุลกากรและมีความใกล้ชิดกับกิจกรรมด้านการค้า เศรษฐกิจ และแนวการพัฒนาสังคมเศรษฐกิจแล้วประทับใจจริงๆนะครับ โดยปรกติเมื่อมีคนพูดในกรอบกิจกรรมที่สัมพันธ์กับเรื่องเศรษฐกิจและการค้าขาย โดยเฉพาะในระดับที่เป็นความสัมพันธ์ของประเทศไทยกับประเทศในอนุภูมิภาคอินโดจีน, ลุ่มน้ำโขง-แหลมทอง CLMVT : Cambodia, Loas PDR, Mynmar,Vietnam and Thailand และอาเซียนแล้ว เรามักได้ยินคนพูดแต่เรื่องโอกาสในการทำความร่ำรวย การเอาเปรียบกัน การกอบโกยเอาสิ่งที่มีอยู่ในสังคมประเทศเหล่านี้ออกไปขาย ให้น้ำหนักการหาความมั่งคั่งร่ำรวยทางเศรษฐกิจเงินตรา มากกว่ามองเห็นด้านอื่นที่ทีความหมายและมีความสำคัญมากเช่นกัน
พอเห็นมุมมองที่เห็น 'ความอุดมสมบูรณ์ในเรื่องที่เป็นทุนทางสังคมวัฒนธรรม' อย่างนี้ นอกจากรู้สึกว่าเหมาะสมมากจริงๆที่กล่าวโดยคุณสมบัติซึ่งกล่าวสะท้อนออกมาจากความซาบซึ้งและเป็นชีวิตจิตใจอย่างแท้จริงแล้ว ก็เป็นทรรศนะจากคนที่มีบทบาทต่อเรื่องการค้าและสังคมเศรษฐกิจระหว่างไทย-ลาว รวมทั้งตามแนวชายแดนของไทยกับประเทศเพื่อนบ้านอื่นๆ นับตั้งแต่ระดับปฏิบัติการไปจนถึงระดับนโยบายและระดับที่เข้าถึงกลไกระดับนำของประเทศ อีกทั้งเป็นการรู้เรื่องดีด้วยมีวิชาจากประสบการณ์และอยู่ใกล้ชิดกับความเป็นจริงในฐานะคนทำงาน อย่างมากอีกด้วย
ทำให้ผมรู้สึกมีความสุขไปด้วยนะครับว่า เมื่อใดที่คุณสมบัติมีโอกาสให้ความรู้และนำเสนอแนวคิด หรือให้ข้อเสนอแนะทั้งในเชิงนโยบายและต่อการแก้ปัญหาระดับปฏิบัติ ก็ย่อมสามารถสะท้อนกระบวนทัศน์ต่อ 'ความอุดมสมบูรณ์ของสังคม' ที่ลึกซึ้ง แยบคาย และครอบคลุมความเป็นองค์รวมของสังคมที่กว้างขวางรอบด้านมากกว่าแนวคิดและแนวทางของสังคมอย่างทั่วไปแน่นอน ดีใจจริงๆครับ หากมีโอกาสจะขอเชิญไปแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับคนของมหิดลที่สนใจบ้างนะครับ
สวัสดีครับ พี่วิรัตน์ น้องสมบัติ และทุกๆท่าน
เป็นเรื่องแปลกแต่จริง ที่คนหนองบัวได้จัดทำหนังสือเกี่ยวกับภาษาลาวซึ่งถ้าจะว่าไปแล้วมันก็คือสำเนียงเสียงภาษาอีสานบ้าเฮานี่เอง ถ้าเป็นหนองบัวลำภูก็คงจะไม่เท่าไหร่ แต่นี่หนองบัว นครสวรรค์ มันก็เลยออกจะแปลกๆ
จริงภาษาบ้านเรามันก็ออกจะเหน่อๆทั้งนครสวรรค์เลย ออกไปทางไหนดีล่ะ ผมว่าออกไปทางสุพรรณนะ แต่ไม่จัดเท่า
เพิ่งจะรู้ว่ามีถนนลาดยางเส้นใหม่ ไว้วันไหนกลับหนองบัวจะไปสำรวจดู
ไม่ทราบว่ามีนิทรรศการที่ร้านหนังสือเบิกม่าน หน้ามหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา อีกไม่กี่วันก็จะหมดงานแล้ว ไม่รู้จะมีเวลาไปหรือเปล่า ก่อนหน้านี้ก็ผ่านๆแถวๆนั้นอยู่บ้าง ถ้ารู้ก็จะได้แวะไปดูโดยเฉพาะรูปวาดของพี่วิรัตน์
เมื่อวานเป็นวันเด็ก สมัยที่ยังเป็นเด็กมัธยมที่หนองคอก จำได้ว่าวันนี้ที่รร. จะให้พวกเรานักเรียนทำซุ้ม แล้วแต่ว่าห้องไหนจะทำกิจกรรมเกี่ยวกับอะไร ส่วนใหญ่ก็จะเป็นซุ้มขายอาหาร ก็สนุกดี ที่พวกเราได้ร่วมทำกิจกรรมร่วมกัน ไม่รู้ว่าเดี๋ยวนี้กิจกรรมเกี่ยวกับวันเด็กที่นั่นเป็นอย่างไรบ้าง
เพิ่มเติมนิด เกี่ยวกับเว็ปไซต์ของรร. ผมว่าค่อนข้างเงียบไป ไม่ค่อยปรับปรุงข้อมูล อย่างเรื่องงานทำบุญผ้าป่าและพบปะศิษย์เก่าเมื่อ 6 ธ.ค. 52 ก็ยังไม่มีสรุปให้ทราบถึงยอดเงินที่ได้รับบริจาค ฝากไปยัง อ.ประทวน อ.สมัคร อ.สืบศักดิ์ อ.เสรี และท่านอื่นๆที่เกี่ยวข้องพิจารณาด้วยครับ (อาจารย์ที่เอ่ยชื่อไปเพราะรู้จักสนิทเป็นการส่วนตัว)
แจ้งเพิ่มเติมเรื่องอาการของแม่ เมื่อวานนี้หมดได้ทำการเจาะคอใส่ท่อไว้ เพราะปัญหาเสมหะที่ไม่สามารถขับออกมาได้ด้วยตัวเอง ตอนนี้อาการก็ดีขึ้น เดี๋ยวจะต้องออกจากบ้านที่กทม.ไปเยี่ยมแม่ที่นว.ตอนนี้แล้วครับ เลยไม่มีเวลาจัดหน้าจัดตัวหนังสือ
ขอบคุณครับ
เจริญพรคุณฉิก