เมื่อเพ่งพิจารณาดอกบัวที่หัวบล็อกแล้ว ทำให้คิดอะไรได้มากมาย แต่เชื่อเถอะว่าที่ครูอิงคิดได้และนำมาบันทึกเกี่ยวกับเรื่อง “บัว” เนี่ย ยังไม่หมดหรอกค่ะ
ถ้าใครมีความคิดเห็นก็แลกเปลี่ยนเรียนรู้กันนะคะ
บัวเป็นพันธุ์ไม้น้ำชนิดหนึ่ง มีมากมายหลายชนิด เพราะมีผู้คิดประสมพันธุ์ให้เป็นชนิดต่าง ๆ ได้มากเกินกว่าที่เป็นไปตามธรรมชาน นอกจากนี้ฐานหรือหัวเม็ดที่ทำเป็นกลีบบัว ก็เรียก “บัว” ด้วยเหมือนกัน ถ้าเป็นกลีบคว่ำเรียกว่า “บัวคว่ำ” ถ้าเป็นกลีบหงายเรียกว่า “บัวหงาย” คำ “บัว” นี้ ใช้ประสมข้างคำอื่น ก็ได้ เท่าที่นึกได้ตอนนี้ก็มี บัวบก บัวตูม บัวบังใบ บัวลอย หรือใช้ประสมข้างหลังคำอื่นก็ได้ เช่น สายบัว ฐานบัว โคมบัว เป็นต้น ที่เป็นสำนวน เท่าที่นึกได้ตอนนี้ก็มี “บัวไม่ให้ช้ำ น้ำไม่ให้ขุ่น (อย่าทำอะไรให้เป็นที่หมองใจกัน) "บัวแล้งน้ำ” "ช้างตายทั้งตัวเอาใบบัวปิด"
>>>ประโยชน์ของบัว<<<
บงบัวเป็นคติคิดข้อขำไข
บรรดาพันธุ์บัวทั่วไป
ล้วนให้ประโยชน์ตระการ
รากต้มน้ำตาลหวานฉ่ำ
สายบัวใช้ทำอาหาร
ใบห่อข้าวปลาสาธารณ์
ดอกใช้นมัสการที่บูชา
กลีบลอกออกมวนบุหรี่
เกสรหอมดีหนักหนา
มีอ้างวางไว้ในตำรา
เป็นยาแก้ลมกองใน
ฝักเม็ดอร่อยมันหวาน
ใช้ต้มกับน้ำตาลก็ได้
ใส่แป้งพอควรยวนใจ
ชวนให้ลิ้มรสหมดชาม
>>>บัวสี่เหล่า<<<
มวลบุปผาดารดาษพิลาสลักษณ์
สื่อประจักษ์ตามจิตพิสมัย
ต่างพงศ์พันธุ์ต่างพ้องล้วนต้องใจ
แทนความนัยหลายหลากจากมาลี
ธรรมชาติสร้างสรรค์พันธุ์พฤกษา
หลากผกางดงามตามวิถี
ต่างความหมายหลายค่าประดามี
สร้างรมณีย์คู่หล้าพาสราญ
เกิดแต่ตมบ่มผลจนบรรเจิด
สิ่งประเสริฐคู่ธรรมนำสถาน
ก่อเกิดบัวสี่เหล่าเล่าตำนาน
ชนกล่าวขานเปรียบบัวเหมือนตัวตน
หนึ่งคือบัวพ้นน้ำล้ำคุณค่า
สุริยาจรัสแจ้งแสดงผล
ผลิดอกบานทันทีที่แย้มยล
เปรียบดั่งคนรู้ธรรมล้ำปัญญา
คือคนที่สติปราชญ์ฉลาดเฉลียว
เพียงครู่เดียวที่น้อมธรรมนำศึกษา
ก็สามารถเข้าใจในวิชชา
เพียงเวลาผันผ่านมินานเนา
สองคือบัวปริ่มน้ำตามวิถี
ลุราตรีผ่านพ้นบนความเขลา
จึ่งผลิดอกเบ่งบานสานวัยเยาว์
ปัญญาเจ้าปานกลางหว่างบุคคล
เพียงฟังธรรมนำจิตวินิจฉัย
จะเข้าใจนัยเจตด้วยเหตุผล
รู้พิจารณาด้วยธรรมนำกมล
จะสร้างตนพ้นภัยใจตระการ
สามคือบัวใต้น้ำตามความหมาย
วันเคลื่อนคลายผ่านพ้นจนสมาน
บัวเจริญงดงามท่ามชลธาร
ชูช่อบานดั่งใจในสักวัน
เปรียบดั่งคนสัมมาปัญญาน้อย
ลบปมด้อยด้วยธรรมาพาสุขสันต์
จิตศรัทธาด้วยพากเพียรเรียนรู้ทัน
พร้อมขยันหมั่นฝึกฝนจนเข้าใจ
สี่คือบัวจมโคลนจนหม่นหมอง
หมดครรลองพบทางกระจ่างใส
ต้องจมปลักโคลนตมทับถมไป
สุดท้ายไซร้เป็นภักษาเต่าปลาปู
เปรียบดั่งคนไร้ปัญญาล้าสติ
มากมิจฉาทิฐิให้อดสู
มิรู้แจ้งศีลธรรมนำวิญญู
ขาดความรู้ร้างศรัทธานำพาใจ
บัวสี่เหล่าสี่กอที่ก่อเกิด
ต่างกำเนิดจากโคลนตมบ่มนิสัย
ต่างผลลัพธ์ต่างพงศ์จำนงนัย
มโนมัยด้วยธรรมล้ำปัญญา
"บัวสี่เหล่า"...เข้าใจธรรม สุดเลิศล้ำยอดคำกลอน
อธิบายได้แน่นอน เป็นหลักสอนสะท้อนไป
เปรียบคนบัวสี่เหล่า ผู้โง่เขลาเอาไว้ไกล
บัวเหล่าสี่นี้ไม่ไหว ใช้เวลากว่าแตกฉาน
บัวเหล่าสามต้องย้ำซ้ำ ความมืดดำต้องย้ำนาน
บัวเหล่าสองต้องโปรดทาน รู้เบิกบานสืบสานธรรม
บัวเหล่าหนึ่งถึงรู้ดี พวกเหล่านี้ซิเลิศล้ำ
"บัวสี่เหล่า"...เข้าใจทำ เรียนรู้ตามพุทธองค์
บัวมีมากมายหลายพันธุ์
สัตตบุษย์ สัตตบรรณ ล้นหลาม
สัตตบงกช งดงาม
สีคราม แดงเหลือง เรืองรอง
ปทุม บุณฑริก อุบล
จงกลนีมิมีสอง
ลินจง จงกล ยลมอง
ล้วนต้อง ตาหมาย หลายพันธุ์
บางคลชอบยลบางอย่าง
ล้วนต่างจิตตึกนึกฝัน
บ้างชอบสัตตบุษย์ สัตตบรรณ
แต่ฉันนั้นชอบ ปทุมมา