ไปอินเดียมา ตอนที่ ๘ ท่องเที่ยวในพุทธคยา


ไปอินเดียมา ตอนที่ ๘ ท่องเที่ยวในพุทธคยา

๗ สิงหาคม ๒๕๕๒ Buddh Gaya

หลังจากได้ถ่ายรูปมหาวิทยาลัยมคธไว้เป็นที่ระลึกแล้ว ทั้งหมดก็นั่งรถกลับมาเที่ยววัดพุทธนานาชาติ ที่ตั้งอยู่ด้านหลังวัดไทยพุทธคยา ซึ่งมีประเทศต่างๆที่นับถือพระพุทธศาสนามาสร้างไว้ให้ศาสนิกชนของประเทศตนเองได้มากราบไหว้ ในยามที่มาท่องเที่ยวในสังเวชนียสถาน

พุทธคยาหรือโพธคยา(Bodh gaya) เป็นสถานที่สำคัญทางพระพุทธศาสนา ที่จัดอยู่ในสังเวชนียสถานแห่งที่ 2 ในอินเดีย เป็นสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับพุทธประวัติ ในช่วงเวลาที่สำคัญมากที่สุด คือเวลาที่เกิดการอุบัติของพระธรรมกาย หรือการตรัสรู้พระโพธิญาณของพระพุทธเจ้า เป็นช่วงเวลาที่เปลี่ยนสถานะจากเจ้าฟ้าชาย   สิทธัตถะหรือพระสมณะสิทธัตถะ สู่ความเป็นพระบรมศาสดา ผู้ทรงได้รับการขนานนามว่า พระผู้มีพระภาคเจ้า

            พุทธคยา จึงจัดเป็นสังเวชนียสถานที่มีความสำคัญ เป็นอนุสรณ์สถานแห่งการตรัสรู้ธรรมของพระพุทธเจ้า ที่พุทธศาสนิกชนทั้งหลายพึงเดินทางไปจาริกแสวงบุญและกราบนมัสการ รำลึกถึงพระคุณของพระพุทธเจ้า ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ผู้ได้ทรงตรัสรู้ธรรมอันยอดเยี่ยม อันจะนำสรรพสัตว์ทั้งหลาย ข้ามห้วงแห่งโอฆะกันดารห้วงแห่งสังสารวัฏอันไม่สิ้นสุดนี้

          สถานที่แรกที่ได้เยี่ยมชมในคือพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่จัดสร้างโดยรัฐบาลญี่ปุ่น เป็นการน้ำหินกแกะสลักขนาดใหญ่มาวางเรียงต่อได้อย่างสวยงาม บรรยากาศอย่างเที่ยววันนี้รู้สึกไม่ค่อยดี เนื่องจากมีฝนตกมาปรอยๆ ดังนั้นจึงขึ้นรถ แล้วนั่งบนรถชมวัดที่ตั้งบริเวณนั้น

รถเมล์เมล์แบบอินเดีย

          จากนั้นได้เดินทางไปที่แม่น้ำเนรัญชราที่ข้างทางเต็มไปด้วยฝูงชนถนนหนทางขรุขระเหลือทน แม่น้ำเนรัญชรา ชาวบ้านแถบนี้เรียกว่า "ลิลาจัน" มาจากคำสันสกฤตว่า "ไนยรัญจนะ" แปลว่า แม่น้ำที่มีสีใสสะอาด แต่จริงแล้วเนรัญชรามีแต่ทรายเต็มไปหมด ทางน้ำไหลก็ตื้นเขินมาก และผู้คนสามารถเดินข้ามฝั่งไปมาได้ขณะที่รถวิ่งไปตามถนนตอนเช้า แล้วมองออกไปสองข้างทางท้องทุ่ง จะเห็นแขกนั่งถ่ายกันเป็นระยะซึ่งเป็นธรรมดา ๆ ทั่วไป แขกบ้านนอกจะไม่มีส้วม ก็คงจะเหมือนกับประเทศไทยในชนบทสมัยก่อน

           ้านนางสุดาชาดา

    มีความตั้งใจที่จะไปชมบ้านนางสุชาดา ที่มีความเกี่ยวกับพุทธองค์กล่าวคือ ขณะที่พระพุทธองค์บำเพ็ญทุกรกิริยาอยู่ที่เขาดงคสิริ ในตำบลอุรุเวลาเสนานิคม อยู่ไม่ห่างไกลกับบ้านนางสุชาดา ซึ่งเป็นธิดาของคหบดีผู้มั่งคั่งในตำบลนั้น มีบ้านอยู่บนเนินเขา อยู่ริมฝั่งทางทิศตะวันออกของแม่น้ำเนรัญชรา ได้รับข้าวมธุปายาสจากนางสุชาดา และทำพิธีลอยถาดที่ริมฝั่งแม่น้ำแห่งนี้ก่อนที่จะเสด็จข้ามไปประทับนั่งต้นพระศรีมหาโพธิ จนกระทั่งบรรลุพระอรหันต์

          บ้านนางสุชาดาวันนี้เหลือเพียงกองอิฐที่มีการขุดค้นเมื่อไม่นานมานี้ ได้แต่เพียงนั่งดูในรถ เพราะฝนตกลงมาอย่างหนัก

          เมื่อลงชมบ้านนางสุชาดาไม่ได้ พตท.ดร. ศักดา จึงแนะนำให้ไปดูที่เผาศพริมแม่น้ำคงคา เนื่องด้วยไม่ได้ไปนานและลืมชื่อสถานที่ดังกล่าว จึงบอกโซเฟอร์ไม่ถูก ต้องพยายามอธิบายทั้งภาษาฮินดีและภาษาอังกฤษ จนในที่สุดโซเฟอร์คนเก่งก็เดาถูกว่าสถานที่คณะของเราจะไปนั้นเรียกว่า “วิษณุบาท” ตลอดเส้นทางที่ไปนั้นมีฝนตกลงมาตลอด เมื่อไปถึงวิษณุบาท ก็ไม่สามารถลงได้ แม้เจ้าหน้าที่เฝ้าเมื่อนักท่องเที่ยวมา จึงมาเชิญชวนให้ลงไปสักการะ โดยมีร่มมาบริการและขอให้ช่วยบริจาค

          ดูเหมือนฝนไม่มีท่าทีจะหยุด จึงบอกรถให้กลับพุทธคยา ซึ่งขณะนี้ฝนได้หยุดตกแล้วระหว่างทางก็แวะถ่ายรูป ตลาดแบบชาวบ้านที่มาขายของพืชผลทางการเกษตรอยู่ริมฝั่งแม่น้ำคงคา และสิ่งที่น่าสนใจใกล้ๆกันนั้นมี ตลาดนัดขายวัว ที่มีชาวบ้านนำวัวมาขายเป็นจำนวนมาก จากการสอบถามคนอินเดียก็รู้ว่าการตีราคาวัวนั้นดูจากน้ำนมว่า แต่ละวันนั้นจะรีดได้กี่ลิตร และดูขนาดรูปร่างของวัวเป็นส่วนประกอบด้วย จากนั้นจะต่อรองราคา จนเป็นที่ตกลงทั้งสองฝ่าย

          ในที่สุดรถก็มาถึงพุทธสถานที่เรียกว่าเจดีย์พุทธคยา ผู้ร่วมเดินทางมาในครั้งนี้รู้สึกตื้นเต้นที่จะได้เห็นเจดีย์พุทธคยา หลังจากที่ได้เคยอ่านหนังสือและดูสารคดีเกี่ยวกับอินเดีย ก่อนที่จะเดินทางมาอินเดีย

หมายเลขบันทึก: 292998เขียนเมื่อ 31 สิงหาคม 2009 15:22 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 21:25 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท