วันนี้ไปอยู่บุญกับครอบครัวคนขยัน-คุณศิริและนายดำ และพี่ผอบ ช่วงเช้างานเยอะมาก เราต่างก็มือเป็นระวิงกันทุกคน กว่างานจะสร่างซาก็ใกล้ๆเที่ยงแล้ว เราได้มีโอกาสคุยกันถึงการทำงานของผู้คนที่เรารู้จักรอบๆตัว ทำให้จุดประเด็นความคิดเรื่องการทำดีของคน อยากเอามาเขียนก่อนนอนวันนี้
ย้อนคิดดูแล้วเห็นว่า คนเราจะทำดีได้มากน้อยแค่ไหนนั้นก็ขึ้นอยู่กับงานที่ต้องทำด้วยเช่นกันนะคะ คนที่ได้ทำงานเหมาะสมกับบุคลิกของตัวเองก็จะทำได้ดีกว่างานที่ไม่เข้ากับธรรมชาติของตัวเอง เราได้เห็นคนทำงานดีแต่ทำให้คนรอบๆตัวอึดอัดคับข้องใจ ซึ่งเราจะบอกว่าเขาทำดีก็คงจะไม่ได้เต็มปาก และเราก็ได้เห็นคนทำงานดีที่คนทำงานด้วยสบายใจ งานเดินราบรื่นดี แต่คนทำเองต้องรับหน้า รับเรื่องหนักๆไว้กับตัวเองจนสุดท้ายก็ต้องขอถอยออกมา อย่างนี้ก็คงเรียกว่าทำดีไม่ได้เต็มปากเพราะลำบากคนทำ
ทำให้คิดต่อไปว่า การทำดีกับความดีนี้เป็นสิ่งเดียวกันไหม ความดีคืออะไร ทั้งๆที่ตัวเองก็บอกอยู่บ่อยๆว่า ให้เป็นคนดี ต้องทำความดีทุกๆวัน พยายามที่จะทำความดีทุกวัน โดยยึดถือคำท่านพุทธทาส ที่ว่า "ทำดี...ดี ทำชั่ว..ชั่ว" ไว้ในใจเสมอมานั่นคือไม่ต้องคิดถึงผลที่จะเกิดกับตัวเรา (ไม่ใช่...ทำดี ได้ดี) แต่คิดถึงผลของการกระทำ แต่เรื่องที่เราคุยกันในวันนี้ ทำให้คิดขึ้นมาว่า การทำดีที่เป็นความดีด้วยนั้น น่าจะเป็นการทำดีที่คำนึงถึงจิตใจของคนรอบๆข้างเป็นหลักด้วย ผลดีนั้นต้องเป็นผลที่วัดได้ทั้งในรูปธรรมและนามธรรม ถึงแม้ผลดีที่เป็นรูปธรรมอาจจะเห็นชัดเจนกว่า แต่ผลดีที่เกิดในใจคนนั้นประทับอยู่นานกว่าและน่าจะเป็นแรงพลังที่ดีกว่าในการขยายเครือข่ายการทำดีออกไป
บันทึกไว้เพราะอยากรู้มุมมองของท่านที่เข้ามาอ่านด้วยบ้างนะคะ ขอบคุณค่ะ
ทำดี ไปเรื่อยๆ อย่าเฉื่อย อย่าเมื่อยสร้างสรรค์ ครับ
สวัสดีค่ะพี่โอ๋
ความดี ดีกับใคร ดีอย่างไร ดีที่ไหน ดีเมื่อไหร่ ดีทำไม
ทำความดีเพราะอยากจะทำเพื่อให้ตนเองรู้สึกภาคภูมิ โดยมิเดือดร้อนผู้อื่น
มีความสุข รักษาสุขภาพนะคะ
สวัสดีค่ะ
ขอบคุณมุมมองจากทั้งสี่ท่านมากๆเลยค่ะ ดีใจที่คิดอะไรแล้วเขียนลงในบันทึกก็เพราะเหตุนี้แหละค่ะ บางทีเราคิดคนเดียวก็ไม่รู้ว่าเราเพี้ยนไปหรือเปล่า แต่พอได้รู้มุมมองอื่นๆด้วยก็ทำให้เกิดความคิดขยายออกไป ได้ความรู้สึกดีๆอีกด้วย
ได้ยิ้มๆกับความเห็นอ. JJ "ทำดี ไปเรื่อยๆ อย่าเฉื่อย อย่าเมื่อยสร้างสรรค์ ครับ" เพราะบางทีก็รู้สึกเฉื่อยจริงๆค่ะ ทำดีแบบที่มีคนขอช่วยนี่ก็ทำให้เฉื่อยได้นะคะ ถ้าเป็นเรื่องที่เราไม่อยากทำ (คนอื่นเขาคิดว่าเราทำได้) ส่วนสร้างสรรค์นี่ไม่เมื่อยหรอกค่ะ แต่บางทีหัวมันก็ตื้อไปเฉยๆ ไม่คิดอะไรขึ้นมาซะงั้น ก็มีเหมือนกันนะคะ ถึงเวลาแบบนั้นก็ขอขี้เกียจ ไม่ฝืนค่ะ สรุปว่าที่เป็นอยู่ตรงข้ามกับที่อาจารย์บอกเลยค่ะ อิ..อิ..
ดีใจจัง น้องpoo มาเยี่ยมเยียน รู้สึกเหมือนจะไม่เห็นหนูสักพักแล้ว แต่ก่อนอ่านอนุทินจะเห็นบ่อยๆ (อ่านอนุทินแบบเงียบๆทุกวันค่ะ) ใครหายไปก็คิดถึง(แบบเงียบๆอีกหมือนกัน)
"ทำความดีเพราะอยากจะทำเพื่อให้ตนเองรู้สึกภาคภูมิ โดยมิเดือดร้อนผู้อื่น" ฟังดูเด็ดเดี่ยวสมบุคลิกน้องปูดีจัง พี่โอ๋ไม่ค่อยได้นึกถึงความภาคภูมิเลยค่ะ อ่านแล้วเลยคิดว่า สิ่งที่เรารู้สึกก็น่าจะเรียกว่าความภาคภูมิได้เหมือนกันจริงๆด้วย เช่น เก็บกล่องนมที่เด็กๆเขาวางทิ้งไว้บริเวณที่เรานั่งรอรถมหาวิทยาลัยไปส่งลูกๆ ไปทิ้งถังขยะ ก็คิดซะว่าได้ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม แต่ไม่รู้ความดีนี้จะโดนลบทิ้งเพราะความคิดที่ว่า แหม...ทำไมเด็กๆพวกนี้ไม่รู้จักสำนึกนี้บ้าง ไม่ทันสังเกตว่าเป็นเด็กคนไหน ไม่งั้นจะบอกในวันรุ่งขึ้น แต่ดูเหมือนจะมีหลายๆคนที่ทำแบบนี้ แถมคุณพ่อคุณแม่ที่มาส่งก็ไม่ยักกะสนใจว่าลูกเอากล่องนม ถุงขนมที่ถือติดมาวางทิ้งไว้ที่ไหนหรือเปล่า ลูกขึ้นรถก็กลับกันเลยไม่ดูอะไรแล้ว ปล่อยให้ขยะวางอยู่อย่างนั้น
เล่ายาวเชียวค่ะ เพราะขัดใจ...เจอบ๊อย บ่อย ภูมิใจที่ได้ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม แต่เสียใจที่ไม่ได้สะกิดเตือนเด็กๆที่ทำสักที (มัวแต่คุยกับลูกตัวเองอยู่เป็นส่วนใหญ่)
พี่ ครูคิม ก็เสนอมุมมองที่ใช้...ใช่...พี่ ครูคิม จริงๆค่ะ
" คนไม่เคยทำดีเขาก็ไม่รู้จักความดี
เจอตัวเป็นๆมาแล้วเลยรู้ว่านี่แหละตัวจริงเสียงจริง
สำหรับโอ๋จะคิดอีกทีว่า น่าจะไม่มีใครไม่เคยทำดีนะคะ เพียงแต่ว่า เราไม่รู้ว่า "ดีกับใคร ดีอย่างไร ดีที่ไหน ดีเมื่อไหร่ ดีทำไม" อย่างที่น้องปูว่าไว้ในความเห็น 1484837 นั่นแหละค่ะ เอาไว้คิดเวลามีใครทำอะไรไม่ดีให้เราขัดใจ เราจะได้ไม่ขุ่นมัวมากน่ะค่ะ จะได้คิดว่ายังไม่ถึงคิวที่เขาจะทำดีให้เราเห็นเท่านั้นแหละ
ขอบคุณพี่ nui มากๆเลยค่ะ (ตามไปอ่านประวัติมาแล้วว่าเป็นรุ่นพี่ อิ..อิ...เพราะโอ๋จบเทคนิคการแพทย์เมื่อปี 28) ต้องบอกว่าได้ตอบความเห็นยาวๆครั้งนี้ ก็เพราะสิ่งที่พี่ nui เขียนด้วยเหมือนกันนะคะ ธรรมดาเป็นคนไม่ค่อยต่อความยาว (จนบางทีก็ยังรู้สึกว่าเราน่าเกลียดจัง แต่ก็นานๆทีจะตอบยาวๆค่ะ)
อ่านสิ่งที่พี่ nui เล่ามาแล้วต้องบอกว่า ชื่นใจไปด้วยนะคะ ดีใจที่สังคมมีครอบครัวดีๆแบบนี้ และเชื่อว่าคุณหมอคนใหม่ที่จะจบแพทย์จุฬาฯ ก็คงเป็นคุณหมอที่ดีเช่นเดียวกับคุณพ่อคุณแม่แน่นอนเลย ขอบคุณมากๆค่ะกับความรู้สึกดีๆที่มีเพราะได้อ่านความเห็นของพี่