นั่งดู..ท่ามกลางสายฝน อันฉ่ำชื่น
เหมือนความบ้าคลั่ง..บนท้องฟ้า
การ"คำราม"..แห่งเสียงฟ้าร้อง
เหมือนกู่ก้องให้โลก...ได้ยิน
เม็ดฝนอันหลั่งริน
เหมือนได้ยินเสียง"น้ำตา"
หากเมื่อ..มองอย่างเพ่งพิจ
นั่งนิ่งคิดอย่าง "นิ่งๆ"
ดั่งเพียงมองเห็น
แห่งความเป็นไป..."ธรรม"ชาติ
เมื่อความมืด..มาปกคลุม
เสียงคำรามและน้ำตา...
สร่างซา...และหายไป
เหลือไว้เพียง..รอยที่ค่อยเลือน
เลือนหายไป..ตามเวลา
ในที่สุดก็มาถึงข้อสรุปที่ว่า ..
ในโลกนี้แท้จริงไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น ทุกอย่างมีเหตุเป็นแดนเกิด เกิดแล้วไม่มีเลยที่จะอยู่ยั้งยืนยง มีแต่เป็นไปตามวงจรธรรมดาคือ เกิดขึ้น-ตั้งอยู่-ดับไป "เช่นนั้นเอง" ไม่มีข้อยกเว้นทั้งสิ่งที่เป็น รูปธรรม และ นามธรรม การถอนตนเสียได้จาก ความคิดปรุงแต่ง และจาก ความพอใจ-ไม่พอใจ ในโลก จึงเป็นเป้าหมายที่ควรตั้งเอาไว้สำหรับชีวิต แม้จะไปถึงได้ยาก แต่การคืบใกล้ภาวะดังกล่าวได้เรื่อยๆ ทีละน้อยก็นับว่ามีคุณค่า น่าลองทำกันนะครับ
เมื่อวานเป็น "ฝนเดือนห้า ฟ้าเดือนหก" ใครเคยได้ยินสำนวนนี้บ้างไหม...ลปรร.กันนะครับ