พายุ..."ฝน"


นั่งนิ่งคิดอย่าง "นิ่งๆ" ดั่งเพียงมองเห็น แห่งความเป็นไป..."ธรรม"ชาติ

นั่งดู..ท่ามกลางสายฝน อันฉ่ำชื่น
เหมือนความบ้าคลั่ง..บนท้องฟ้า
การ"คำราม"..แห่งเสียงฟ้าร้อง
เหมือนกู่ก้องให้โลก...ได้ยิน


เม็ดฝนอันหลั่งริน
เหมือนได้ยินเสียง"น้ำตา"
หากเมื่อ..มองอย่างเพ่งพิจ
นั่งนิ่งคิดอย่าง "นิ่งๆ"
ดั่งเพียงมองเห็น
แห่งความเป็นไป..."ธรรม"ชาติ

 


เมื่อความมืด..มาปกคลุม
เสียงคำรามและน้ำตา...
สร่างซา...และหายไป
เหลือไว้เพียง..รอยที่ค่อยเลือน
เลือนหายไป..ตามเวลา

หมายเลขบันทึก: 28754เขียนเมื่อ 15 พฤษภาคม 2006 17:12 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 17:23 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่าน


ความเห็น

      ในที่สุดก็มาถึงข้อสรุปที่ว่า ..

   ในโลกนี้แท้จริงไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น  ทุกอย่างมีเหตุเป็นแดนเกิด  เกิดแล้วไม่มีเลยที่จะอยู่ยั้งยืนยง  มีแต่เป็นไปตามวงจรธรรมดาคือ เกิดขึ้น-ตั้งอยู่-ดับไป "เช่นนั้นเอง" ไม่มีข้อยกเว้นทั้งสิ่งที่เป็น รูปธรรม และ นามธรรม การถอนตนเสียได้จาก ความคิดปรุงแต่ง และจาก ความพอใจ-ไม่พอใจ ในโลก จึงเป็นเป้าหมายที่ควรตั้งเอาไว้สำหรับชีวิต  แม้จะไปถึงได้ยาก  แต่การคืบใกล้ภาวะดังกล่าวได้เรื่อยๆ ทีละน้อยก็นับว่ามีคุณค่า น่าลองทำกันนะครับ

 

     เมื่อวานเป็น "ฝนเดือนห้า ฟ้าเดือนหก" ใครเคยได้ยินสำนวนนี้บ้างไหม...ลปรร.กันนะครับ

  • ไม่เคยครับ ได้ยินแต่ ฟ้าหลังฝน  หรือ น้ำตาฟ้าครับ
ยิ้ม..ยิ้ม
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท