ชาครธมโม
นาย สมชาย ชาครธมโม ชินวานิชย์เจริญ

เที่ยวชุมพร นอนเกาะเต่า เช่าคายัค กับพลพรรคเพื่อนร่วมงาน


บพอเราไม่เร่งเวลา เราก็ไม่รีบ พอเราไม่รีบ เราก็ไม่ร้อน เหมือนคำว่ารีบร้อน

เที่ยวชุมพร นอนเกาะเต่า เช่าคายัค กับพลพรรคเพื่อนร่วมงาน ระหว่างวันที่ 29 มิถุนายน 2552 ถึง 2 กรกฎาคม 2552 ผมได้มีโอกาสไปท่องเที่ยวทางทะเลกับเพื่อน ๆ ที่ทำงาน โดยเพื่อน ๆ จะเดินทางไปก่อนในวันที่ 28 มิถุนายน โดยเหมารถท่องเที่ยวไป ส่วนผมมีธุระต้องไปประชุมที่กระทรวงสาธารณสุข เพื่อร่วมกำหนดประเด็นสำหรับเข้าประชุมสมัชชาสุขภาพเฉพาะประเด็นเกี่ยวกับแพทย์แผนไทยและภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านสุขภาพ ผมเลยเดินทางไปประชุมก่อน ในที่ประชุมนั้นขอเล่าไว้ตรงนี้เลยว่าเป็นเวทีสุนทรียสนทนาจริง ๆ โดยเฉพาะประธาน คือ นพ.เปรม ชิณวันทนานนท์ ซึ่งท่านให้โอกาสทุกคนได้แสดงความคิดเห็น และกระตุ้นให้แสดงความคิดเห็นด้วยอีกต่างหาก ทำให้การประชุมของเราเป็นการประชุมที่มีความสุขจริง ๆ ครับ แล้วเราก็ได้ประเด็นที่แหลมคมขึ้น เอาไว้ไปเฝ้าดูกันตอนจัดงานสมัชชาสุขภาพปีนี้ก็แล้วกันนะครับ (โปรดติดตามตอนต่อไป ว่างั้นเถอะ) เพราะบันทึกนี้จะเล่าเร่องความประทับใจหลังจากนี้ไปเลยนะครับ  หลังจากเลิกประชุม ผมมีนัดจะต้องไปขึ้นรถและต่อเรือไปยังชุมพร เวลาประมาณ 2 ทุ่ม แต่ผมไม่อยากเล่นเสียว ผมก็เลยวางแผนว่าจะไปรายงานตัวก่อน พูดอย่างกับจะไปเป็นทหาร เชียว รายงานตัวกับบริษัทเรือนะครับ รู้สึกว่าจะลมพระยานี่แหละมั้ง ออกจากห้องประชุม นั่งรถสาย 97 จากกระทรวงสาธารณสุข ไปลงท่าน้ำนนท์ 12 บาท อันที่จริงก่อนขึ้นรถผมเดินเลาะออกจากประตูกระทรวงมาเรื่อย ๆ เพราะยังไม่มีรถออกเสียที  พอขึ้นรถผมบอกให้กระเป๋าเรียกด้วยว่าถึงท่าน้ำนนท์แล้ว แต่พอถึงจริง ๆ เขาเงียบประมาณว่า ท่าน้ำนนท์เนี่ยใครจะไม่รู้ เพราะมันติดแม่น้ำเจ้าพระยาเลย โอพระเจ้าผมลงถูกป้าย  เดินไปถามประชาสัมพันธ์ว่าจะไปบางลำภู เขาก็ขายตั๋วให้ 13 บาท ลงไปในเรือ แล้ว รอสักพักเรือก็ออก ล่องมาเรื่อย ๆ เห็นชีวิตคนในแม่น้ำ ไม่ว่าจะเป็นเรือเอี้ยมจุ้น (เรียกถูกหรือเปล่า ไม่แน่ใจนะครับ ถ้าผิด คนที่รู้ช่วยบอกด้วย) ลากเรือขนทรายมาด้วย และในที่สุดผมมาถึงท่าพระอาทิตย์ เขาบอกว่าอย่างนั้น และจเลยต่อไปอีกฟากหนึ่ง พอดีผมไม่มีแผนที่ในมือก็เลยคิดว่าน่าจะลงตรงนี้แหละ ก็โอพระเจ้าผมลงถูกป้ายอีกครั้งหนึ่ง  ออกจากท่าประอาทิตย์ตรงนั้นเป็น ASTV ซึ่งผมพึ่งเคยมาเป็นครั้งแรก ก็เดินเลยต่อไปยังป้อมพระสุเมรุ จากนั้นก็ควักแผนที่ของบริษัททัวร์ขึ้นมาดูมองหาถนนข้าวสาร ผมก็เดินไปตามถนนพระสุเมรุ เลาะไปเรื่อยจนถึงวัดบวร ฯ เขากำลังปลุกเสกพระอยู่มั้ง การ์ดเพียบเลย ว่าจะแวะนมัสการพระประธานสักหน่อย ไม่เป็นไรเดี๋ยวกลับมาใหม่ได้ ผมเดินตามแผนที่อย่างไรก็ไปไม่ถูก เลยโทรถามบริษัทถึงรู้ว่ามาผิดทาง แต่ก็ยังไปไม่ถูกอยู่ดี เลยถามพระที่เดินผ่านมา ท่านบอกว่าถนนที่ผมจะไปเนี่ยอยู่ตรงข้ามกับถนนพระสุเมรุ อ้าวคนงานก่อสร้างดันบอกผมว่าถนนนี้แหละ ก็เลยเดินไปเรื่อย ๆ เข้าไปในถนนข้าวสาร ก็เจอในที่สุดบริษัทเรือลมพระยา แต่ผมมีตั๋ว 2 ใบ ผมเลยสงสัยว่ามันเป็นด้วยเหตุใด โทรไปถามทัวร์ที่ชุมพร คุณเด่น บ.อินฟินิตี้ เลยให้ผมไปแจ้งเลิกกับลมพระยา เพราะผมจะไปไม่ทันที่เขาจะออกเที่ยวกัน ผมเลยได้ไปกับเรือของซีทราน หลังจากเอาตั๋วไปเช็คอินแล้ว ผมก็ว่างและเหลือเวลาอีกนาน ก็เลยเดินรอบบางลำพู ซื้อกางเกงไป 2 ตัว 150 บาท กะว่าจะเอาไปเปลี่ยนใส่ในรถ  (แต่ในที่สุดก็ไม่ได้เปลี่ยน ไปเปลี่ยนอีกทีตอนถึงท่าเรือชุมพร)  เดินวนอีก 2 รอบก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะค่ำ ผมเลยลองเดินออกนอกเส้นทางแต่ก็พยายามจำตึกที่กำลังก่อสร้างไว้ว่าจะได้กลับมาถูก เดินผ่านโรงรับจำนำบางลำพู แวะเข้าไปดูกล้องถ่ายรูปดิจิตอล ซื้อมาเครื่องหนึ่ง ของลูมิกซ์ 2500 บาท เผื่อเอาไว้ เพราะตัวที่มีอยู่เนี่ยถ่ายไม่ค่อยประทับใจเท่าไรนัก (ไม่บอกยี่ห้อแล้วกัน) ถ่ายดีพอสมควรนะครับ นี่คือความประทับใจที่ 1 ที่อย่างน้อยได้ของถูกมาใช้ครับ  เดินอีกไปถึงวัดอินทรวิหาร จำได้ว่าเคยอ่านเรื่องราวการสร้างพระหลวงพ่อโตโดยสมเด็จโต ผมเลยแวะเข้าไปนมัสการแล้วเลยนั่งเล่น สักพักฝนตกลงมาแรงมาก ๆ ทำให้ไปไหนไม่ได้ ผมเลยควักบทสวดมนต์ทำวัตรเช้าออกมาท่อง (ตอนนั้นเย็นแล้ว) แต่ผมประทับใจบททำวัตรเช้า แปล เพราะทำให้ได้ศึกษาคำสอนของพระพุทธเจ้า ได้รู้จักและเข้าใจรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ มากขึ้น ผมเลยทำวัตรเช้าอย่างเดียวเลย พอฝนหยุด ผมออกเดินต่อแต่เริ่มหิวแล้ว เลยแวะไปกิน เย็นตาโฟ  แรก ๆ ก็ไม่คิดอะไร แต่พอได้ชิมเข้าไป ขอบอกครับว่าเป็นเย็นตาโฟที่กลมกล่อม ดูป้ายร้าน เย็นตาโฟพระราม 8 ครับ ถ้าใครอยากชิม เห็นเขาคุยกับเจ้าของร้านว่าเปิดมา 30 ปี แล้ว ราคาหรือครับ พอเรียกเก็บเงิน ตกใจครับ 26 บาท (25 บาท กับน้ำแข็งเปล่า 1 บาท) ผมออกจากร้านเย็นตาโฟ เลี้ยวขวาจะไปทางวัดไตรมิตร ฯ ผ่านร้านขายนาฬิกา เตะตามากครับ มีแต่นาฬิกาแขวนเก่า ๆ ทั้งนั้น แบบที่ป๋าเด พาผมเดินดูในตลาดจตุจักรโซนแอนติกนั่นเลย ถามเจ้าของร้านก็คุยดี อัธยาศัยดี ถ้ามีโอกาสผมจะมาคุยด้วย ก็ไปรอรถออกที่บริษัททัวร์นะครับ แรก ๆ ไม่เห็นมีใคร  พอรถจะออกเท่านั้นแหละ บริษัททัวร์ไปเอานักท่องเที่ยวมาจากไหนไม่ รู้ รถออกประมาณ 2 ทุ่มกว่า ๆ ผมหลับ ๆ ตื่น ๆ ไปถึงชุมพรตอนประมาณตีสี่ ไปเปลี่ยนกางเกงที่ซื้อมาจากบางลำพูตอนนั้นนั่นแหละ เข้ากับบรรยากาศการท่องเที่ยวแล้ว ก็รอขึ้นเรือที่ท่าเรือชุมพร เป็นท่าเรือของซีทรานนะครับ เรือเราออกตอน 7 โมงเช้าตามตาราง ผมก็ขึ้นไปนั่ง ๆ นอน ๆ ไม่เร่งเวลา แปลกนะครับพอเราไม่เร่งเวลา เราก็ไม่รีบ พอเราไม่รีบ เราก็ไม่ร้อน เหมือนคำว่ารีบร้อน คงไม่มีสำนวนว่า รีบเย็น หรอกมั้ง ไปถึงท่าเรือที่เกาะเต่าแบบสบายอกสบายใจ เดินดูเสื้อเพราะคนที่มารับผมเขาบอกว่าคณะกำลังจะออกมาแล้ว ให้รอไปขึ้นเรือเลย ผมเลยเดินหาซื้อเสื้อ และถุงกันน้ำ ได้มาใบละ 400 บาท กับเสื้อที่ผมถามเจ้าของร้านว่ามีเสื้อราคาถูกมั้ย เขาเอาให้ตัวละ 50 บาท ก็สวยดี เขียนว่า รถด่วนขบวนสุดท้าย ขึ้นคาน   คณะมาถึงรู้สึกประหลาดใจว่าผมมารออยู่ตรงนี้ได้อย่างไรเพราะไม่เห็นขึ้นรถมาด้วยเลย ไม่รู้ว่าเขาผิดหวังที่เห็น ผม หรือจะอารมณ์ไหนนะครับ ไปลงเรือกันแล้วเตรียมจะไปดำน้ำดูปะการัง ผมจำได้ว่าตอนที่ทำงานใหม่ ๆ  (ประมาณปี 2539) เคยมากับเรือซีทรา นควีนส์ สมัยนั้นผมรู้สึกว่าไม่เหมือนฝั่งอันดามัน คือเป็นประมาณว่าทะเลเป็นสีซีเปียนะ ครับ สีน้อยไปหน่อย แต่พอลงไป อาจจะเป็นเพราะอายุมากขึ้น (มากด้วยวัยวุฒิ คำพูดแบบนี้ดูจะไม่แสลงหูคนแก่ดอกนะ) ดำลงไปตื่นตาตื่นใจกับป่าปะการังครับ ถึงแม้จะเห็นปลาน้อยไปหน่อย บางคนไม่กล้าลงน้ำ อ่าวแรกที่ไปน่าจะเป็นอ่าวลึก ผมยังไม่อาศัยชูชีพ แต่พออ่าวที่สอง เอาชูชีพมาใส่แล้วรู้สึกเบาสบายตัวไม่ต้องกลัวจมน้ำตายด้วย ดำน้ำดูไปเรื่อย ๆ ว่ายได้ไกลมากขึ้น ป่าปะการังเขากวาง ปะการังสมองใหญ่มาก ประทับใจมาก ปะการังผักกาดชิ้นใหญ่ ๆ ทั้งนั้น ตู้ปลาขนาดใหญ่ที่ต้องใช้ร่างกายลงมาดูแทนที่จะยืนดูนอกตู้ปลาให้ความรู้สึกที่ประทับใจมาก ๆ และยังนึกขอบใจตัวเอง ว่ารู้จักให้โอกาสมาเที่ยวแบบนี้บ้าง ไม่เอาแต่ทำงาน ซึ่งจริง ๆ แล้วผมไม่เรียกว่าทำงานนะ เพราะผม พักผ่อนตลอดเวลาอยู่แล้ว แต่ครั้งนี้ประทับใจภาพที่เห็นและคืดว่าจะพาลูก ๆ มาให้ได้ ไปต่อกันที่ อ่าวหินวง และอ้อมออกไปขึ้นเกาะนางยวนกัน เดินขึ้นเขาไปชมแบบเบิร์ดอายวิว สวยงามประทับใจคอขาลุยครับ ลงมาแล้วผมมานั่งชาน้ำต่ออีกเพราะมันใสสุด ๆ กลับขึ้นเรือ กัปตันพาเราไปส่งที่ท่าเรือเมื่อเช้า กลับถึงที่พัก เกาะเต่ารีสอร์ทผมได้พักกับพี่กิ้ม ตอนนั้นน่าจะประมาณบ่าย 3 กว่า ๆ ผมไปลงทะเลหน้ารีสอร์ทแต่แมงกะพรุนตัวใสเยอะเหลือเกิน คนเรือบอกผมว่าไปอ่าวลึกดีกว่า ผมเลยไปเช่าเรือคายัค ไปคนเดียวครับ เพราะกะว่าจะได้ไปตามใจเราอยาก นี่เป็นจุดเริ่มของความประทับใจสุด ๆ อีกครั้งหนึ่งเพราะผมพายไปเรื่อย ๆ มีเสื้อใส่คลุมหัวกันแดด ตอนนั้นร้อนมากโขอยู่นะครับ ไปถึงหินท่าต่อ ซึ่งน้องพนักงานบอกว่า มาถึงนี่ก็น่าจะได้เวลาประมาณ 1 2 ชั่วโมง แต่ผมพายมาไม่แน่ใจว่านานเท่าไรแต่ที่แน่ ๆ ยังไม่มืด ผมเลยพายไปเรื่อย ๆ มาถึงหาดทรายแดง ซึ่งเกาะฉลามอยู่ฝั่งตรงข้ามที่ดูจากแผนที่แล้วระยะพอพายได้ ผมเริ่มจ้วงพายไปเรื่อย ๆ แบบไม่รีบ ก้ไม่เหนื่อยนะครับ คิดว่าอย่างน้อยเราก็จะได้เก็บเอาความประทับใจว่าครั้งหนึ่งเรากล้าพายเรือออกทะเลเชียวนะ (บางคนอาจคิดว่าจิ๊บ ๆ ) ขากลับก็พายกลับแต่คราวนี้พายไปหยุดดูใต้น้ำไป ให้ความรู้สึกว่าเราใกล้ชิดทะเลมากกว่าการที่อยู่บนเรือประมงแล้วไปดำน้ำทั่วไปอีก ปลาคราวนี้มองลงไป (ไม่มีแว่นนะครับ) เยอะมาก ผมคิดว่าผมต้องเปลี่ยนทัศนะกับทะเลใหม่ซะแล้ว  ตอนเย็นกินข้าวเย็นกัน เพื่อน ๆ ไปเที่ยวดูเขาเต็นรำ ผมไปนอน ตอนเช้าเราต้องรีบไปขึ้นเรือกลับชุมพร  พอถึงฝั่งชุมพร คนรถเห็นผมเท่านั้นแหละ เป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่ประหลาดใจว่าผมโผล่มาตอนไหนกันนะ เพราะคราวที่แล้วที่ไป เชียงราย (ประมาณ 2 เดือนก่อน) ผมสนุกสนานกับพวกเขาพอสมควร ออกจากชุมพร เราไปสักการะกรมหลวงชุมพร ฯ กัน ขอพรจากท่าน ดูคำสอนของท่าน ซึมซาบความรักชาติของท่าน แล้วออกเดินทางต่อไปยังชะอำ พักที่โรงแรมเจมส์ ตอนนั้นค่ำมากแล้วขึ้นนอน ตื่นเช้ามาอีกวันเพื่อเดินทางกลับ อย่างมีความสุขครับ

คำสำคัญ (Tags): #ชุมพร
หมายเลขบันทึก: 273711เขียนเมื่อ 5 กรกฎาคม 2009 13:42 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 เมษายน 2012 12:34 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท