เช้าวันนี้... ญาติผู้พี่พารถมารับไปเผาศพลุงปรีซึ่งเป็นญาติฝ่ายย่าและมีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องกับโยมพ่อที่วัดกระดังงา ต.กระดังงา อ.สทิงพระ จ.สงขลา...
โยมพ่อเป็นคนตำบลกระดังงา ท่านถึงแก่กรรมเมื่อ ๒๕๓๕ และปัจจุบันกระดูกของท่านก็ได้นำไปบรรจุไว้ในบัว (สถูป) ที่ป่าช้าวัดกระดังงา ซึ่งเกือบทุกครั้งเมื่อไป ผู้เขียนจะไปเยี่ยมบัวโยมพ่อและบรรพบุรุษเสมอ ครั้งนี้ก็เช่นกัน หลังจากรถเข้าไปจอดในวัดแล้ว ผู้เขียนก็ข้ามถนนกลับมายังป่าช้า (วัดอยู่ฝั่งตะวันตก ส่วนป่าช้าอยู่ฝั่งตะวันออกของถนนหลวงสายสงขลา-นครศรีฯ)
บัวโยมพ่อและบรรพบุรุษชาวตำบลกระดังงา
ฮวงสุ้ยหรือหลุมศพของนายฉิ้น แซ่ตั้ง (แซ่ตัน) เป็นก๋งของก๋งซึ่งมาจากเมืองจีน ต้นตระกูลโพชนุกูล-โภชนุกูล มาคราวนี้ก็ดูแปลกตาอีกแล้วเพราะกำลังบูรณะใหม่ จึงไปสอบถามญาติหน้าวัด ทราบว่าครั้งนี้ลูกหลานฝ่ายแปซ้วนมาจัดการ ซึ่งก็ไม่ผิดเพราะทุกคนในตระกูลมีสิทธิ์ที่จะดำเนินการได้ตามที่เห็นสมควร... คุยเล่นๆ กับญาติผู้ใหญ่บางคนที่เจอว่า อีก ๕-๑๐ ปีข้างหน้า เราน่าจะรวมญาติบูรณะใหญ่สักครั้ง มิใช่ว่าใครพอใจจะทำก็ทำดังเช่นที่ผ่านๆ มา...
เชิงตะกอนเก่านี้ ตั้งแต่พอจำความได้ ผู้เขียนมักจะมายืนดูศพของบรรดาญาติถูกเผาอยู่บริเวณนี้เสมอ แต่เดียวนี้เริ่มรกเรื้อ เพราะทางวัดได้สร้างเมรุหรือเตาเผาศพทันสมัยขึ้นภายในวัด...
เมื่อมาเยี่ยมโยมพ่อและบรรพบุรุษที่ป่าช้าแล้วก็ข้ามถนนเข้าไปยังในวัดอีกครั้ง...
แม้ผู้เขียนจะมิได้บวชที่วัดนี้ แต่เมื่อแรกบวช ๒ พรรษาแรกก็ได้มาจำพรรษาที่นี้ มาฝึกท่องสวดมนต์อยู่ที่นี้
อุโบสถ (หลังใหม่) ตอนที่ผู้เขียนอยู่ที่นี้ ยังเป็นอุโบสถหลังเก่าซึ่งถูกรื้อไปแล้ว จำได้ว่าอุโบสถหลังใหม่นี้ผูกพัทธสีมาฝั่งลูกนิมิตเมื่อปี ๒๕๓๑ ซึ่งตอนนั้นผู้เขียนมาอยู่วัดยางทองแล้ว กำลังเรียนบาลีชั้นป.ธ. ๑-๒ ได้ลาอาจารย์มาช่วยงานและได้เป็นโฆษกงานแรกที่นี้ ซึ่งครั้งนั้นทำให้ผู้เขียนได้รับการยอมรับจากคนเฒ่าคนแก่บางคนว่าพอมีความรู้อยู่บ้าง... แต่วันนี้ น้าหลวงหมึกท่านเจ้าอาวาสรูปเดิมและคนเฒ่าคนแก่ตามที่ว่าก็จากไปหมดแล้ว ขณะที่อุโบสถหลังนี้ก็พ้นจากสภาพใหม่แล้ว...
บัว (สถูป) ของบรรดาอดีตเจ้าอาวาส สำหรับบัวนี้น่าจะมีอายุไม่ต่ำกว่าร้อยปี แต่เพิ่งบูรณะทาสีใหม่จึงมองไกลๆ เหมือนของใหม่... เมื่อก่อนด้านหลังบัวนี้จะเป็นอุโบสถหลังเก่า ซึ่งตอนที่ผู้เขียนแรกบวชก็เป็นรูปหนึ่งที่ช่วยรื้อแล้วปรับสภาพเป็นลานให้นักเรียนได้วิ่งเล่น... ส่วนอาคารที่มองเห็นไกลออกไปก็คือโรงเรียนวัดกระดังงา ซึ่งเป็นโรงเรียนระดับประถมศึกษา...
หอระฆังและศาลาการเปรียญ ก็ยังเป็นของเก่า เพียงแต่ได้รับการบูรณะทาสีใหม่ ทำให้ดูสดใสงดงามแปลกตา สำหรับผู้ที่จากไปนาน...
บริเวณหน้าพระประธานในศาลาการเปรียญที่ผู้เขียนทำวัตรสวดมนต์ทุกเช้าเย็นเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนก็ได้รับการตกแต่งและทาสีใหม่...
เมรุ หรือเตาเผารุ่นใหม่ในวัดพร้อมทั้งศาลาพักศพ ทำให้เชิงตะกอนรุ่นเก่าในป่าช้ากลายเป็นที่รกเรื้อ... บริเวณที่เห็นด้านหน้าใกล้ๆ ศาลา เมื่อก่อนเป็นกุฏิที่ผู้เขียนเคยอยู่ เป็นกุฏิหลังเล็กๆ กั้นจากมุงจากเรียบฟากไม้ใผ่ ไฟฟ้าก็ไม่ยอมต่อมาใช้ แต่ใช้แสงไฟจากเทียนพรรษาเก่าๆ ซึ่งเจ้าอาวาสรูปก่อนได้เมตตาสร้างให้ก็ถูกรื้อไม่เห็นร่องรอยมายี่สิบปีแล้ว คงมีแต่เรื่องเล่าเท่านั้น...
พระอธิการคมสัน เจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน ซึ่งอายุรุ่นราวคราวเดียวกับผู้เขียน เพียงแต่พรรษายุกาลในการบวชเท่านั้นที่อ่อนกว่าผู้เขียนหลายปี เมื่อพิจารณาความแปลกใหม่ของวัดกระดังงาในวันนี้ ก็ยืนยันได้ว่าท่านเป็นนักพัฒนาที่สมควรแก่การยกย่อง...
มนัสการพระคุณเจ้า
เรื่องราวนอกรั้ววัด
แวะมาวัดกระดังงา
ทำให้เห็น เย็น นิ่ง มือเคาะ ตาแล ปากอ่าน ใจคิด
จิดสงบเพียงพบพระคุณเจ้าเล่าเรื่องวัด
ที่บ้านกระดังงามีชมรมผู้สูงอายุที่เข้มแข็งด้วย จัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่องทั้งออกกำลังกายด้วยโนราบิกที่เหมาะกับผู้สูงอายุ และกิจกรรมสันทนาการ
ดีใจมากที่ได้มาอ่านข้อความเกี่ยวกับวัดกระดังงา เพราะเป็นวัด และ โรงเรียน ที่ผมได้เรียน ได้วิ่งเล่น และได้ดูหนังขายยาตอนเป็นเด็ก ม่ายแน่ใจว่ารู้จักท่านหรือเปล่า แต่ผมรู้จักคนนามสกุลนี้หลายคน ผมเกิดปีเดียวกับท่าน เรียน ป1-4 ที่วัดกระด้งงา ป5-7 ที่วัดกลาง และเรียน มศ ที่ สทิงพระวิทยา
เห็นชื่อและนามสกุลแล้วก็พอคาดหมายได้ว่าเป็นลูกหลานใคร อาจพอคุ้นเคยหรือเคยเห็นหน้าบ้าง...
ตามที่พอรู้จัก ตระกูลศิริรักษ์ก็ใคร่ในการศึกษา ลูกหลานตระกูลนี้ มักจะไม่่่่เหลวไหล...
เจริญพร
นมัสการครับ
ผมดีใจมาก ที่ได้อ่าน ข้อเขียนของท่าน โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับวัดกระดังงา ตอนนี้ผมทำงานอยู่กรุงเทพ ตอนผมเรียนที่ วิทยาเขตเทคนิคภาคใต้(ช่างสำรวจ)ผมมีเพื่อนจากจังหวัดพัทลุง มาพักที่วัดยางทอง ผมคิดว่าถ้ามีโอกาสกลับบ้าน ผมจะไปนมัสการท่าน
นมัสการครับ
วันนี้ได้มางานศพที่วัดสระเกษ เผาศพเสร็จแล้วตั้งใจจะไปนมัสการท่านที่วัด แต่พ่อโทรมาจากกระดังงาเลยต้องไปหาพ่อเพราะตอนทำบุญเดือนสิบ ไม่แน่ใจว่าจะได้กลับหรือเปล่า เลยต้องไปหาพ่อก่อน ได้เจอพ่อกับแม่เลยถามพ่อกับแม่เรื่องท่าน พ่อกับแม่เล่าไห้ฟังจึงทราบว่าท่านเป็นลูกหลานใคร จรีงฯแล้วตอนอยู่กระดังงาผมสนิทกับญาติท่านหลายคน เช่นน้ายา สิทธิพงค์ สิทธิพร แต่ก็ไม่ได้เจอกับท่านเหล่านี้นานแล้ว เพราะกระผมไม่ค่อยได้กลับบ้าน คิดว่าครั้งหน้ากลับมาคงมีโอกาสไปนมัสการท่านครับ
ผมอยู่ด้ายจนบัดนี้ก็เพราะบารมีของท่าน