ความหมายแห่ง “ความรัก" แบบฉบับ แบบฉบับ ว.วชิรเมธี


ความรักมีทั้งสุขๆ ทุกข์ๆ ตอนสุขก็โอ๊ย! สุขจนน้ำตาไหล พอตอนทุกข์ ก็ทุกข์จนอยากจะตาย...

        “ความรัก” ความรู้สึกพิเศษที่ทำให้รู้สึกดีๆ ได้เสมอ แต่หากจะนิยามความหมายของคำๆ นี้ คงพูดกันไม่จบสิ้น เพราะต่างคนก็ต่างให้คำจำกัดความแตกต่างกันไป 

        ครูใจดีขอนำไปพบกับมุมมองความรักของพระนักคิด นักเขียน นักเทศน์ พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี หรือ ว.วชิรเมธี  ท่านได้ให้มุมมองไว้อย่างน่าสนใจทีเดียว  บางอาจจะทำให้คนอย่างเราๆ เข้าใจความหมายของ “ รัก”  มาขึ้นกว่าที่เคยเป็นมาค่ะ

         “หนุ่มสาวตอนมีความรักนั้น ก็มีทั้งสุขๆ ทุกข์ๆ ตอนที่สุขก็โอ๊ย! สุขจนน้ำตาไหล แล้วต่อไปก็ทุกข์..จนอยากจะฆ่าตัวตาย  เออ...มันไม่ได้ดั่งใจ เห็นไหม แล้วคนนี้ใช่ไหมที่ใช่ ที่เราเลือกแล้วว่าสอบผ่านทุกมาตรฐาน ไม่ว่าจะมององศาไหน ก็ร้อนแรงทุกองศา แต่พาคบหากันไป โอ้โห... พอหลังโปรโมชั่นแล้ว  ขี้บ่นก็ปานนั้น ขี้เหนียวก็ปานนั้น  เอาแต่ใจตัวเองก็ปานนั้นไหนล่ะ?..คนที่สมบูรณ์แบบ ไม่มี  เหมือนคำที่บอกว่า No  one  is  perfect  ไม่มีใครสมบูรณ์แบบหรอกในโลกนี้ นี่ไง คือสัจธรรม”

        ความรักมีวิวัฒนาการ 4 ขั้น  เริ่มจากรักตัวกลัวตาย  รักใคร่ปรารถนา รักเมตตาอารี และสุดท้ายรักแต่ให้
        
ت รักตัวกลัวตาย เป็นความรักอิงสัญชาตญาณเอาตัวรอด ไม่ต้องมีใครสอนเป็นความรักขั้นพื้นฐานที่สุด

        ت รักใคร่ปรารถนา  เป็นความรักที่อิงสัญชาตญาณการสืบพันธุ์

ت รักเมตตาอารี  เป็นรักที่ประเสริฐมาก เพราะทำให้มนุษย์ช่วยเหลือกัน

และกัน แต่ก็ยังเป็นรักที่อิงเงื่อนไข เช่น สายเลือดเดียวกัน ครอบครัวเดียวกัน ศาสนาเดียวกัน จังหวัดเดียวกัน ฯลฯ ถ้าเรามีอะไรสักอย่างซึ่งเป็นรากร่วมทางวัฒนธรรมที่ทำให้เรารู้สึกเป็นพวกเดียวกัน เรามักจะรักเมตตาเป็นพิเศษ เช่น พ่อแม่เมตตาลูก ความรักนี้ไม่ไม่อิงสัญชาตญาณการเอาตัวรอด ไม่อิงสัญชาตญาณการสืบพันธุ์ แต่ยังอิงเงื่อนไขประการใดประกรหนึ่งอยู่ เรียกว่า เป็นความรักที่มีวาระซ่อนเร้น  เป็นความรักที่ดี แต่ยังมีความคับแคบอยู่

ت ความรักขั้นสุดท้าย รักมีแต่ให้ (True  Love)  เป็นรักอันเกิดจากปัญญา

อันบริสุทธิ์ หลุดพ้นจากความโลภ โกรธ หลง อย่างเช่น ความรักของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แม้กระทั่งความรักของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นรักที่ไม่หวังสิ่งตอบแทนใดๆ ทั้งสิ้น เป็นรักที่เกิดจากความกรุณาในจิตใจที่หลั่งไหลออกมาเองเหมือนฝนอันชื่นใจ หลั่งไหลจากฟากฟ้าสุราลัย “เป็นรักที่มีแต่ให้ ไม่มีใครส่งบิลมาเก็บ”

 

        นี่แหละ..นิยามความรักแบบฉบับพระมหาวุฒิชัย  วชิรเมธี เชื่อว่า คงช่วยให้หลายๆ คน รู้จักและเขาใจถึงความรู้สึกอันแสนซับซ้อนนี้.....

แล้วแบบฉบับความรักของคุณล่ะ..เป็นแบบไหน?

หมายเลขบันทึก: 268703เขียนเมื่อ 17 มิถุนายน 2009 09:11 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 20:55 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (10)

เรื่องความรักมันไม่เข้าใครออกใครหรอก

หวัดดืค่ะครูใจดี

สวัสดดีค่ะ กฤษฎา

ความรักมันไม่เข้าใคออกใคร...ถูกต้อง ความรักเป็นสิ่งที่ดีงาม เราควรพัฒนาความรักให้ไปอยู่ในขั้นไหน ถึงจะมีความสุขที่สุด นี่ซิน่าคิด

บางคนอาจคิดว่าความรักก็คือการให้อย่างเดียวแต่ถ้าได้อ่านข้อความข้างบนแล้วทำให้รู้ซึ้งถึงความหมายของคำว่า ความรัก มากขึ้นค่ะ

เริ่มรักก็มีความสุข

พอหมดรักก็กลับกลายเป็นความทุกข์

จริงค่ะเวลามีความทุกข์ก็ทุกข์จังเวลามีความสุขก็สุขจริง ไม่ใช่ว่าจะสุกจนไหม้นะค่ะ

รักคงจะหมายถึงความรู้สึกพิเศษที่ทำให้รู้สึกดีๆ ได้เสมอ

รักคงจะหมายถึงความรู้สึกพิเศษที่ทำให้รู้สึกดีๆ ได้เสมอ

กลับขึ้นข้างบน

ความรักนั้นมีทั้งสุข และทุกข์

แต่การรักเขาข้างเดียวนั้น

คงจะมีแต่ความทุกข์ใช่หรือเปล่าคะ คุณครูใจดี

ความรักก็จะทำให้เรามีทั้งทุกข์แล้วก็สุข

เวลารักก็รักจริง

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท