63.ขโมยและขมายในทรัพย์สินทางปัญญา: นิธิ เอียวศรีวงศ์


มติชนรายวัน ประจำวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2552 ปีที่ 32 ฉบับที่ 11419 หน้า 6

อ่านงาน อ.นิธิ เอียวศรีวงศ์ เรื่องนี้แล้ว น่าสนใจทีเดียว

เพื่อให้เราไม่ตกอยู่ในหลุมพลางของทุนนิยม เสรีนิยม มากเกินไป

จนมองไม่เห็นความเอารัดเอาเปรียบของระบบใหญ่ ที่หากินกับผู้ที่ด้อยกว่าในสังคม

จึงนำมาร่วมเผยแพร่ เพื่อความรู้ และความรอบรู้ของผู้คนในสังคมไทยค่ะ

ขโมยและขมายในทรัพย์สินทางปัญญา


ระบบเศรษฐกิจของโลกปัจจุบันทำให้สิ่งที่เรียกกันว่า "ทรัพย์สินทางปัญญา"

ทำเงินได้มโหฬาร หากสามารถสร้างระบอบ (regime) กรรมสิทธิ์ที่ครอบคลุมไปได้ทั่วโลก

โดยอาศัยกลไกหลายอย่าง มหาอำนาจได้สถาปนาระบอบกรรมสิทธิ์นี้ขึ้น

ผ่านองค์กรระหว่างประเทศ, กระบวนการยุติธรรมระหว่างประเทศ,

และสนธิสัญญาทวิภาคี-พหุภาคีกับประเทศต่างๆ หลายฉบับ

เพื่อเป็นหลักประกันว่า จะสามารถหากำไรจากทรัพย์สินทางปัญญาของตน

ได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ และอย่างมั่นคงยืนนาน



ระบอบกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินทางปัญญานี้ ไม่ใช่ระบอบที่เป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายนัก

นอกจากทรัพย์สินทางปัญญามีลักษณะแตกต่างจากทรัพย์สินประเภทอื่น

ตรงที่การหวงกรรมสิทธิ์อาจเป็นผลให้เกิดความเสื่อมโทรม

ด้านสุขภาพและชีวิตของคนอื่นได้มาก (เช่น กรรมสิทธิ์ของสูตรยารักษาโรค)

ระบอบกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินทางปัญญายังเปิดให้มีการละเมิดสิทธิพื้นฐาน

ของผู้คนได้อีกมากด้วย



อย่างน้อยมีสิทธิพื้นฐาน 5 ประการ

ที่ระบอบกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินทางปัญญาซึ่งใช้อยู่ในปัจจุบัน ล่วงละเมิดอยู่เป็นประจำ



1/ ที่มนุษย์อยู่รอดมาได้ถึงทุกวันนี้ ก็ต้องอาศัยทรัพย์สินทางปัญญา

ที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษ ทรัพย์สินส่วนนี้เป็นทรัพย์สินสาธารณะ

กล่าวคือไม่มีบุคคลใดไปขึ้นทะเบียนถือกรรมสิทธิ์ส่วนตัว

ในทุกท้องถิ่นทั่วโลก ล้วนอุดมด้วยทรัพย์สินทางปัญญาที่เป็นสาธารณะเช่นนี้

ระบอบกรรมสิทธิ์ที่สถาปนากันขึ้น ทำให้เกิดความพยายามของธุรกิจที่จะเข้าไป

ถือครองกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินทางปัญญาที่เป็นสาธารณะเหล่านี้

โดยอาศัยรูปแบบต่างๆ ทั้งที่ใช้หรือไม่ได้ใช้วิทยาการสมัยใหม่เข้าไปกระทำ

ต่อทรัพย์สินดังกล่าว เช่น พันธุ์พืช, พันธุ์สัตว์, เทคนิควิธี, หรือแม้แต่ผลิตภัณฑ์

ที่ชาวบ้านหรือชาวพื้นเมืองใช้กันมาหลายชั่วคน



หากระบอบกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินทางปัญญา

เปิดให้ธุรกิจทำเช่นนี้ได้กว้างขวางมากขึ้นไปเรื่อยๆ

ในที่สุด การดำรงชีวิตตามปกติสุขของผู้คนทั้งโลก จะต้องซื้อหาไปทุกย่างก้าว

ก่อให้เกิดความเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า



2/ ระบอบทรัพย์สินทางปัญญาที่มหาอำนาจสถาปนาขึ้น

เปิดโอกาสอย่างกว้างขวางให้เกิดการกีดกันการพัฒนาตัวทรัพย์สินทางปัญญา

เพราะการปิดกั้นหรือหวงห้ามกระบวนการผลิตบางอย่าง

ทำให้ผู้อื่นไม่สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์นั้นให้ดีขึ้นได้

ตัวอย่างที่เห็นชัดคือการปิดบังหวงห้าม source code ของระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์

ทำให้ผู้อื่นไม่สามารถปรับปรุงระบบปฏิบัติการให้มีประสิทธิภาพดีขึ้นได้

ต้องปล่อยให้ผู้ถือครองกรรมสิทธิ์หากินกับระบบของตนเองจนได้กำไรคุ้มแล้ว

จึงจะพัฒนาเองเป็นระบบใหม่อีกระบบหนึ่ง และก็หวงห้ามไว้ตามเดิม



ในขณะที่ระบบปฏิบัติการซึ่งเปิดให้เป็นสมบัติสาธารณะ (open source)

กลับสามารถพัฒนาไปได้อย่างรวดเร็ว เพราะมีผู้มองเห็นข้อบกพร่องของระบบ

และสามารถพัฒนาให้เอาชนะข้อบกพร่องนั้นไปได้เรื่อยๆ

รวมทั้งสามารถใช้ข้ามระบบกันได้ ในขณะที่ระบบปฏิบัติการแบบปิด

ย่อมกีดกันไม่ให้มีการใช้ข้ามระบบ เพื่อหวงตลาดไว้ในมือของตนเองตลอดไป



3/ นอกจากการกีดกันโดยปิดบังหวงห้ามกระบวนการผลิตแล้ว

บริษัทยักษ์ใหญ่ยังสามารถใช้เงินลงทุนมหาศาลที่ตนมีอยู่เพื่อกีดกันทางสังคม

ป้องกันมิให้ลูกค้ามีทางเลือกอื่นมากไปกว่าตกเป็นทาสของบริษัทตลอดไป



หลายปีมาแล้ว หน่วยงานที่เกี่ยวกับไอซีทีในเมืองไทย

พยายามพัฒนาระบบปฏิบัติการเปิด เพื่อให้เหมาะและใช้ได้ดีกับภาษาไทย

และรองรับโปรแกรมที่คนไทยอาจคิดขึ้นเองในอนาคต

ในเวลาต่อมาบริษัทยักษ์ใหญ่ก็ใช้วิธีให้ทุน ในรูปของความช่วยเหลือ

ทั้งแก่หน่วยงานนั้น และแก่มหาวิทยาลัยที่สอนด้านคอมพิวเตอร์อย่างเต็มที่

ในบัดนี้ประเทศไทยอยู่ในฐานะยอมจำนนอย่างราบคาบต่อระบบปฏิบัติการ

ของบริษัทยักษ์ใหญ่ไปแล้ว

เพราะ "ความช่วยเหลือ" ซึ่งทั้งหน่วยงานและมหาวิทยาลัยไทยรับไปเต็มคราบ



รัฐบาลของบริษัทที่ถือกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินทางปัญญา

ยังสามารถใช้พลังทางการเมืองและเศรษฐกิจ

กดดันการแสวงหาทางเลือกที่จำเป็นของโลกด้วย

ดังเช่นการกดดันไทยหลังจากที่ไทยประกาศบังคับใช้สิทธิบัตรยาบางตัว

หรือสั่งซื้อยาที่จำเป็นบางตัวจากประเทศที่ไม่ยอมรับระบอบกรรมสิทธิ์

ควรกล่าวด้วยว่า ส่วนหนึ่งของการหากำไรสูงสุดจากทรัพย์สินทางปัญญานั้น

กระทำโดยการ "ผูกขาด" ในเชิงเทคนิค และมักทำอย่างซับซ้อนซ่อนเงื่อน

สหภาพยุโรปมีคดีฟ้องร้องบริษัทซอฟต์แวร์ที่ "ผูกขาด" ในเชิงเทคนิคเช่นนี้หลายคดี

เป็นผลให้บริษัทเหล่านั้นต้องเปิดให้มีการแข่งขันเสรี และถูกปรับเงินจำนวนมาก

น่าสังเกตว่ากระทรวงและหน่วยงานด้านนี้ของไทยไม่เคยตั้งต้นเรื่องประเภทนี้

อันจะนำไปสู่คดีในศาลเลย



4/ บัดนี้ ธุรกิจที่หากินกับทรัพย์สินทางปัญญา

กำลังละเมิดสิทธิพื้นฐานของผู้คนอีกอย่างหนึ่ง คือ สิทธิความเป็นส่วนตัวและสิทธิในเคหสถาน

ในสหรัฐ หากบริษัทพบโดยการสอดแทรกเข้ามาเมื่อเวลาที่ผู้ใช้ต่ออินเตอร์เน็ตว่า

ได้ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของตน

ก็อาจขอกำลังเจ้าหน้าที่เข้าค้นและยึดเครื่องคอมพิวเตอร์ได้ทันที

เช่นเดียวกับอำนาจที่เจ้าหน้าที่รัฐมีในการบุกเข้าตรวจค้นจับกุมยาเสพติด

ไม่นานมานี้ก็ได้ยินนักการเมืองในฝ่ายบริหารของไทย

เสนอให้อำนาจทำนองเดียวกันนี้แก่บริษัทและเจ้าหน้าที่ของรัฐอีกเช่นกัน



อย่างไรก็ตาม ในเมืองไทย เมื่อผู้บริโภคต่ออินเตอร์เน็ต

บริษัทเจ้าของระบบปฏิบัติการก็อาจสอดแทรกเข้ามาตรวจสอบได้ว่า

เครื่องคอมพิวเตอร์นั้นใช้ระบบปฏิบัติการที่ขโมยมาหรือไม่

หากพบว่ามีการละเมิด ก็อาจลงโปรแกรมเล็กๆ ลงไปในคอมพิวเตอร์

ซึ่งเป็นผลให้มีข้อความเตือนอยู่ตลอดเวลา หรือบางกรณีมีผลให้เครื่องทำงานช้าลง



ตามท่าอากาศยานในยุโรป จะมีเจ้าหน้าที่จากบริษัทเครื่องอุปโภคดังๆ

คอยตรวจดูว่า ผู้ใดใช้เสื้อผ้าหรือกระเป๋าที่เป็นของปลอมบ้าง

หากพบ กฎหมายอนุญาตให้เจ้าหน้าที่บริษัทยึดสินค้าปลอมเหล่านี้เพื่อนำไปทำลายได้ทันที

มีข้าวของในกระเป๋าเดินทางปลอมเท่าไร ก็ต้องเทออกมาบรรจุถุงพลาสติคหิ้วไปเอง



การขโมยนั้นผิดแน่ แต่เพื่อป้องปรามการขโมย

เราจำเป็นต้องสังเวยสิทธิพื้นฐานแค่ไหน สังคมจึงจะอยู่เป็นสุขได้

เช่นเดียวกับการมุสาก็ผิดแน่ เราจะเปิดโอกาสให้ตำรวจศีลธรรม

เข้ามาจับโกหกเราในบ้านเรือนเมื่อไรก็ได้กระนั้นหรือ

และนี่เป็นการลงโทษแก่ผู้รับซื้อของโจรที่เหมาะสมกับการกระทำผิดแล้วหรือ



5/ หลักการของสินค้าที่เป็นทรัพย์สินทางปัญญาบางอย่างนั้นประหลาดอยู่

กล่าวคือทรัพย์สินที่ซื้อไปนั้นสามารถใช้ได้เป็นส่วนตัวเท่านั้น

จะเอาไปใช้ในเชิงพาณิชย์ไม่ได้

ฉะนั้นพี่เบิร์ดซึ่งมีความสุขในการร้องเพลงให้คนอื่นฟัง

จึงไม่อาจแสวงหาความสุขได้ เมื่อดีเจเอาเพลงของพี่เบิร์ด

ไปเปิดผ่านวิทยุให้คนได้ฟังกันมากๆ เพราะดีเจได้เงินจากการเปิดเพลง

จึงต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์ให้แก่บริษัทต้นสังกัดพี่เบิร์ด



โดยหลักการทำนองเดียวกันนี้ เบรกรถยนต์ที่เรียกว่าเอบีเอสนั้น

ก็เป็นสินค้าทรัพย์สินทางปัญญาเหมือนกัน

หากใช้ในรถส่วนตัวก็สามารถเบรกได้ตามใจชอบ หากนำไปใช้ในรถโดยสาร

คนขับจะเบรกแต่ละครั้งต้องคิดก่อนว่าคุ้มหรือไม่

เพราะทุกครั้งที่ใช้เบรกก็ต้องเสียค่าลิขสิทธิ์เหมือนกัน



กรรมสิทธิ์ของทรัพย์สินนั้น ต้องมีที่สิ้นสุดที่ใดที่หนึ่ง จะหากินกับกรรมสิทธิ์นั้นชั่วฟ้าดินสลายไม่ได้

แต่ในบรรดาสินค้าทรัพย์สินทางปัญญาหลายต่อหลายอย่าง

การแลกเปลี่ยนด้วยเงินไม่ทำให้กรรมสิทธิ์ของเจ้าของเดิมสิ้นสุดลง

สินค้าเหล่านี้จึงไม่มีขาย มีแต่ให้เช่าตามเงื่อนไขเท่านั้น



ตลอดเวลาที่ผ่านมาหลายปี

รัฐบาลไทยมองปัญหาเรื่องทรัพย์สินทางปัญญาอย่างแคบมากๆ

กล่าวคือจำเป็นต้องยอมรับระบอบกรรมสิทธิ์ที่มหาอำนาจสถาปนาเอาไว้

เพื่อป้องกันมิให้ถูกกีดกันทางการค้า

ดังนั้นจึงพร้อมจะสังเวยทรัพย์สินของผู้บริโภคไทยส่วนใหญ่

เพื่อเอาไปบำเรอผู้ส่งออกซึ่งมักมีเสียงดังเสมอ



ระบอบกรรมสิทธิ์นี้มีปัญหา และประเทศใหญ่ๆ บางประเทศ

ก็หาได้ยอมรับระบอบนี้เต็มที่ไม่ เช่นจีนและอินเดียเป็นต้น

ประเทศเล็กๆ อย่างไทยคงยากที่จะขัดขืนในขณะนี้

แต่รัฐบาลที่มองการณ์ไกล ต้องคิดวางแผนว่า เราจะร่วมกับประเทศอื่นๆ

ในการปรับเปลี่ยนระบอบกรรมสิทธิ์นี้ให้เป็นธรรมแก่คนเล็กคนน้อยของโลก

(ซึ่งรวมคนไทยด้วย) ได้อย่างไร

และในท่ามกลางระบอบกรรมสิทธิ์ที่ไม่เป็นธรรมนี้ เราจะรักษาตัวให้เสียเปรียบน้อยลงได้อย่างไร



การละเมิดทรัพย์สินทางปัญญานั้นมีทั้งสองด้าน คือด้านขโมยและด้านขมาย

รัฐมนตรีที่ขมีขมันในการปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญานั้น

แสดงความเอาใจใส่ต่อหน้าที่การงานของตนอย่างไม่ต้องสงสัย

แต่เมื่อไม่ได้ทำอะไรอื่นมากไปกว่ายกกำลังเที่ยวปราบปราม

(เหมือนรัฐมนตรีที่มีสมญาว่า "ตู้เย็น" ในสมัยก่อน)

ความขมีขมันนี้ก็แสดงความตื้นเขินต่อปัญหาที่เผชิญอยู่ไปพร้อมกัน

..............

จาก มติชนรายวัน ประจำวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2552 ปีที่ 32 ฉบับที่ 11419 หน้า 6.

หมายเลขบันทึก: 268694เขียนเมื่อ 17 มิถุนายน 2009 08:20 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 20:55 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (12)

สวัสดี ครับ คุณ

P pis.ratana

เป็นบทความ ทรัพย์สินทางปัญญา  ที่ไม่ควรมองข้าม เลย ครับ

ขอบพระคุณ ครับ

สวัสดีค่ะ

ขอบคุณค่ะที่นำข้อคิดเห็นที่น่าคิดมาให้อ่าน

ขอบคุณค่ะ

(^___^)

สวัสดีค่ะ

  เรื่องดีมีประโยชน์อีกแล้ว ขอบคุณค่ะ

                      

 

วันนี้น้ำทะลักท่วมหมู่บ้านในอำเภอลับแลอีกแล้วค่ะ เมื่อคืนฝนตกทั้งคืนจนถึงเช้า เด็กๆ เข้าถ่ายรูปมาให้ดู

  

สวัสดีค่ะ คุณแสงแห่งความดี (ชื่อเพราะจัง)

  • ยินดีค่ะ ที่เข้ามาร่วมแบ่งปันความรู้
  • ความรู้มีไม่จำกัด...ยิ่งให้ ยิ่งเพิ่มพูนค่ะ

ขอบคุณค่ะ.

สวัสดีค่ะ

  • P
    2. Wasawat Deemarn
    ขอนำไปคิดก่อนครับ ;)

 

คิดออกแล้วบอกด้วยนะคะ...ขอบคุณค่ะ.

สวัสดีค่ะ คุณคนมีราก

  • ยินดีค่ะที่เข้ามาแลกเปลี่ยนเรียนรู้...
  • ความรู้ดีๆ มีไว้แบ่งปันค่ะ

ขอบคุณค่ะ.

สวัสดีค่ะ ครูใจดี

  • ยินดีที่แวะมาคุยกันค่ะ
  • เห็นภาพแล้วใจหายนะคะ...น้ำท่วมบ่อยขึ้นเรื่อยๆ
  • เด็กที่นั่นคงคุ้นเคยกับน้ำ...แต่ต้องระวัง เพราะน้ำเชี่ยวมากนะคะ

ขอบคุณค่ะ.

สวัสดีค่ะ ครูใจดี

  • ยินดีที่แวะมาคุยกันค่ะ
  • เห็นภาพแล้วใจหายนะคะ...น้ำท่วมบ่อยขึ้นเรื่อยๆ
  • เด็กที่นั่นคงคุ้นเคยกับน้ำ...แต่ต้องระวัง เพราะน้ำเชี่ยวมากนะคะ

ขอบคุณค่ะ.

สวัสดีค่ะ

  • ตอนนี้น้ำไปหมดแล้ว เหลือแต่ร่องรอยของความเสียหาย...แต่ก็ไม่มากเหมือนครั้งก่อน เพราะน้ำมาตอนเช้า
  • ชาวบ้านเก็บกวาดทำความสะอาด เป็นสภาพปกติแล้วค่ะ
  • ขอบคุณที่เป็นห่วง

สวัสดีค่ะ ครูใจดี

  • แวะเข้ามาตอบทักทายค่ะ ก็พอดีที่คิดถึง G2K เลยได้พบคนคิดถึงเราเช่นกัน

ขอบคุณค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท