“ทำอย่างไร สังคมไทยจะยอมรับ และพูดเรื่อง การตายดี ได้โดยไม่รู้สึกผิดหรือรู้สึกไม่ดี”
สถานการณ์จำลอง สื่อสารหนังสือแสดงเจตนา
นายแพทย์ชาตรี ให้ทุกกลุ่มช่วยกันลองเขียน
หนังสือแสดงเจตนาจากไปของแต่ละกลุ่มลงบนแผ่นกระดาษ จากนั้นให้เล่นบทบาทสมมติ โดยให้ผู้หนึ่งในแต่ละโต๊ะเป็นเสมือนผู้ป่วยที่ไม่อาจสื่อสารกับใครได้ และสมาชิกอีกคนในโต๊ะนั้นเป็นญาติที่ต้องคอยสื่อสารเจตนาของผู้ป่วยให้แก่ทีมแพทย์พยาบาล
เมื่อเลือกผู้ป่วยและญาติปร ะจำกลุ่มแล้ว คนที่เหลือให้กระจายกันในนั่งตามโต๊ะต่าง ๆ ในฐานะแพทย์ พยาบาล หรือ ญาติคนอื่น ๆ ที่อาจไม่ได้รับการสื่อสารหนังสือแสดงเจตนาล่วงหน้าเพื่อการตายดีไว้ก่อน
ผู้ที่สวมบทบาทเป็นญาติผู้ป่วยจากกลุ่มหนึ่งกล่าวว่า “บางทีในเวลาเช่นนี้ เรารู้สึกเศร้าและแย่อยู่แล้วที่ญาติของเราป่วย ยังต้องมานั่งตอบคำถามมากมาย”
“การที่มีคนมาสอบถามความเห็น ทวนความเข้าใจต่อหนังสือแสดงเจตนา หรือซักถามให้หายสงสัยเกี่ยวกับเจตนาของผู้ป่วย ทำให้เรารู้สึกแย่มาก”
สำหรับผู้ที่สวมบทเป็นผู้ป่วยที่ไม่อาจสื่อสารได้ จะเห็นว่ามีอาการกระสับกระส่ายอ ยากพูดอย่างเห็นได้ชัด “รู้สึกว่า ญาติสื่อสารไม่ครบ ไม่หมด ไม่ตรงสักทีเดียว รู้สึกอึดอัดมาก อยากพูด แต่วิทยากรไม่ให้พูด อึดอัดมาก ๆ”
การทดลองบทบาทสมมติสื่อสารห นังสือแสดงเจตนาเพื่อวาระสุดท้ายทำให้หลายคนเห็นเค้าลางของปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นจริงในการปฏิบัติ
“นับเป็นภาระหนักพอสมควรสำหรับญาติที่นอกจากจะต้องแบกรับทุกข์ที่กำลังจะสูญเสียคนที่รัก ยังต้องเผชิญกับคำถามการตัดสินใจเรื่องยาก ๆ อีก” เสียงถอนใจจากผู้เข้าอบรมท่านหนึ่ง
“คนจะฟังญาติเราแค่ไหน” อีกคนที่สวมบทบาทเป็นผู้ป่วยสะท้อนความกังวล
การลองจินตนาการสู่อนาคตที่แน่นอน คือ ความตาย แล้วสวมบทบาทบางต่าง ๆ ไม่ว่าผู้ที่กำลังจะจากไป ญาติ แพทย์ พยาบาล ทำให้หลายคนเห็น อุปสรรคในการจากไปอย่างสงบอยู่ตรงจุดใด และในวันนี้ที่ยังพอมีเวลา จะทำอย่างไรได้บ้างเพื่อขจัดหรือลดทอนอุปสรรคดังกล่าว
บ้างบอกว่าจะต้องเขียนหนังสือแสดงเจตนาของตนเพื่อวาระสุดท้ายให้ละเอียดขึ้น เพื่อไม่ให้ญาติต้องเผชิญกับภาวะเช่นนี้ และบ้างก็เห็นว่าการบันทึกเสียงอาจช่วยคลี่คลายปัญหาในการสื่อสารและทำความเข้าใจเนื้อความในหนังสือได้
“ทำอย่างไร สังคมไทยจะยอมรับ และพูดเรื่อง การตายดี ได้โดยไม่รู้สึกผิดหรือรู้ส ึกไม่ดี”
“พอทำหนังสือแสดงเจตนาไว้แล้ว รู้สึกเบาใจที่ให้คนอื่นรู้ รู้สึกว่าจะมีคนดูแลเราในช่วงชีวิตก่อนตาย” พยาบาลท่านหนึ่งใช้โอกาสนี้ในการร่างหนังสือแสดงเจตนาของตนจริง ๆ ขึ้นมาในช่วงทำกระบวนการ
ในหนังสือแสดงเจตนา (อย่างย่อ) ที่เธอแลกเปลี่ยนให้ผู้เข้า ร่วมเวทีฟัง มีความว่า
ในหนังสือระบุถึงแพทย์ ว่าอยากให้แพทย์ช่วยรักษา แต่อย่าพันธนาการ อย่าใส่ท่อ แต่ให้ปล่อยกระบวนการตายไปตามธรรมชาติ ไม่เอาเครื่องมือแพทย์ แต่ถ้าเจ็บปวดก็ให้ช่วยบรรเทาความปวดกันด้วย
เธอยังระบุถึงพยาบาล ว่าให้ดูแลร่างกายของเธอให้สะอาด ให้เธอใส่ชุดพยาบาล แขนยาว ถุงน่อง แต่งหน้าพองาม และเปิดเพลงธรรมะหรือเพลงเย็น ๆ ให้เธอฟังด้วย
ส่วนญาติ เธอสั่งไม่ให้ร้องไห้ฟูมฟาย ให้ทำใจให้สงบ ไม่จัดงานศพหลายวัน และให้ใช้รูปงานศพที่เธอเตรียมไว้ เป็นรูปที่สวยที่สุดของเธอ