ตายเป็นตาย


ยามนี้ ผมมีคำถามโดยส่วนตัว หลังผ่านหูผ่านตาถึงเรื่องราวการฆ่าตัวตาย เห็นมากมายหลายข่าวสารที่นำเสนอถึงหนทาง ที่ผู้คนเลือกจะปลิดปลงชีวิตตนเอง เห็นภาพบางมุมบางด้าน จากคำอ้อนวอนร้องขอ และคำเรียกร้องของคนที่คิดอยากจะฆ่าตัวตาย ยามนี้ผมมีคำถามต่อความตาย ที่ปรากฎขึ้นในสังคมของเรา

ตายเป็นตาย

 

อ้างอิง - ภาพ Kati1789

พักหลัง

ที่ได้อ่านข่าวสาร

ได้เห็นเรื่องราวยามเช้า

 

ในกรณีของการฆ่าตัวตาย กระโดดตึกช้ำรัก ผิดหวังไม่ได้ดั่งใจ ปัญหารุมเร้า คำตอบเศร้าชีวิตสั้น มีความฝันในโลกหน้า และสุดท้ายก็ตัดสินใจเด็ดเดี่ยวว่า ตายเป็นตาย ตายไปให้รู้แล้วรู้รอด ว่าชีวิตเบื้องหลังความตายเป็นเช่นไร หรือคิดเอาว่า ไปตายเอาดาบหน้า ตายในชาตินี้เพื่อต้องมาต่อสู้ในชาติหน้าหรือเปล่า ไม่มีใครรู้ นอกจากคนที่ตายไป

โดยส่วนตัวเมื่อรับข่าวสาร

ผมรับไม่ได้จริงๆครับ

รับไม่ได้กับวิธีการ

 

และรับไม่ได้กับวิธีคิดของการปลิดชีวิตตัวเอง ไม่ใช่การตำหนิหรือรังเกียจคนตาย หรือกล่าวชิงชังต่อคนที่กำลังคิดจะฆ่าตัวตาย หรือคิดจากขั้วของคนที่ไม่คิดจะตาย รักนวลสงวนตัวว่าจะไม่ฆ่าตัวตาย แต่ผมคิดจากคนที่เคยคิดจะฆ่าตัวตาย และจากคนที่เห็นเพื่อนหลายคนอกหักช้ำรัก เป็นหนี้เป็นสิน หาทางออกในชีวิตไม่เจอ จนมาเจอว่าจะฆ่าตัวตาย

ผมคิดจากฐาน

ของชีวิตที่เคยคิดจะตาย

คิดจากหนทางอันตีบตันไม่มีทางออก

 

และคิดเสมอเพียงว่า ก็แค่ตาย หรือตายเป็นตาย ตายไปให้รู้ดำรู้แดง จนสามารถวิ่งหนีจากปัญหาในห้วงเวลาที่ปรากฎ ทั้งในใจที่หมองเศร้า ในอกที่ตรมและระกำจนยากเยียวยา ผมคิดถึงห้วงยามที่ตัวเองหาทางออกไม่ชีวิตไม่เจอ ไม่มีใครเข้าใจ ไม่มีใครรับฟัง และท่องบ่นกับตัวเองอยู่เสมอว่า ตนเองพ่ายแพ้ ไม่มีใครที่เข้าใจรับรู้ว่า เราเป็นคนที่ควรได้รับการดูแล

แค่คิดเท่านี้จริงจริงครับ สำหรับชีวิตก่อนตาย

สำหรับชีวิตที่ไม่มีทางเห็นแสงสว่าง

ที่อาจปรากฎในปลายอุโมงค์

 

ยิ่งในยามอยู่กับตัวกับตน อยู่กับหัวใจอันหวั่นไหว อยู่คนเดียวในท่ามกลางความทุกข์ การตัดสินใจรอบเดียวจบ เพื่อให้ตายแบบรู้แล้วรู้รอด มักเป็นทางออกที่ง่ายและชัดเจนเสมอ แต่พอมีเวลาใคร่ครวญ มีเวลาทบทวนตัวเอง มีโอกาสได้คุยกับใครสักคน

หรือแม้แต่ได้นั่งนิ่งๆ

ได้ทบทวนเตือนตนไปมา

ได้จดจำความรักอันละเอียดอ่อน

 

ได้ย้อนถึงความสำเร็จในชีวิต กระทั่งคิดถึงคนรัก คนที่เรารักและคนที่รักเรา ยิ่งคิดวนเวียนไปถึงภาระที่ไม่ได้ปลดลงอย่างแท้จริง หากเราตายไป คิดถึงภาระที่ตกทอดถึงคนที่เรารัก ที่ต้องช้ำใจมากเมื่อรู้ว่าเราตาย และยิ่งต้องช้ำใจมากขึ้น เมื่อรู้ว่าเราทิ้งภาระอันกลัดกลุ้มใจไว้ให้ กระทั่งคิดวนเวียนว่า หากเราไม่ตาย เรายังมีโอกาสลุกขึ้นมาแก้ไขได้เอง

ลุกขึ้นมา เพื่อกัดปากให้สู้ต่อไป

หรือสัมผัสถึงเหงื่ออันเหนื่อย

คิดถึงการรอคอย

 

และอดทนรอคอยเพื่อทำความสำเร็จให้ปรากฎ เมื่อนั้นเราจะมีบางอย่างเกิดขึ้นในใจ ไม่มีสูตรสำเร็จ ไม่มีใครให้คำตอบเหล่านั้นได้ดี นอกจากตัวเราเอง นอกจากหัวใจของเราที่จะคอยทบทวนเตือนตน และตอบคำถามนั้นด้วยความละเอียดอ่อน ยิ่งสำหรับใครที่มีโอกาส เห็นเพื่อนกรีดแขนตัวเอง เห็นตัวเองตัดสินใจจะยืนบนขอบตึก หรือกระทั่งนั่งมองยาในกำมือ

ใครที่เคยผ่าน

เคยเฉียดกรายช่วงเวลา

แห่งการวัดใจและวัดอารมณ์ตัวเอง

 

จะเข้าใจเสี้ยวขณะแห่งการตัดสินใจเหล่านั้นได้ดี ยิ่งได้อ่านบทพูดคุย จากประสบการณ์จริงของคนที่คิดจะฆ่าตัวตาย ได้เข้าใจว่า คนที่หันกระบอกปืนจ่อหัวตัวเอง ก่อนจะหันหลังไปมองเห็นรอยยิ้มของลูกที่นอนอยู่ กับมองหน้าลูกหน้าเมียหน้าคนรัก และคิดจะฆ่าตัวตาย เส้นเวลาเหล่านั้นช่างบาง และช่างเปราะบางอย่างยิ่ง จนบางคนคิดฆ่าคนที่ตนรักก่อนจะฆ่าตัวตาม

 

 

นอกเหนือการตัดสินใจว่าจะตายหรือไม่ตาย

นอกเหนือจากความมุทะลุดุดันส่วนตัว

ที่จะเกรี้ยวกราดตัดใจ

 

ใครหลายคนที่เคยผ่านความตาย ล้วนบอกไว้อย่างใกล้เคียงกันว่า ขอให้เวลาในชั่วขณะนั้นทอดยาวไปอีกสักนิด ทอดตัวไปอีกสักหน่อย สำหรับโมงยามที่หัวใจเปราะบาง หรือเพียงให้ฟ้าสว่างขึ้น ได้ยินเสียงนกร้องในยามโบยบิน ในยามที่ออกหากิน และในยามที่เรารับรู้เพียงชั่วขณะนั้นว่า

ชีวิตแสนสั้นนี้

ช่างงดงามเสียนี้กระไร

ในยามความรู้สึกเราสัมผัสถึง

 

การตัดสินใจตายด้วยเกียรติยศ อาจเป็นเงื่อนไขซับซ้อนเพิ่มขึ้น สำหรับความรับผิดชอบบางอย่างในหัวใจ สำหรับวัฒนธรรม หรือสำหรับแนวคิดทางสังคมวิทยา การต่อสู้เพื่อค้นหาเกียรติยศ จากการตัดสินใจตาย โดยตัวเอง ด้วยเกียรติยศและชัยชนะ สำหรับความห้าวหาญ และความสำเร็จในการก้าวผ่านความตาย ปราศจากความหวาดกลัวใดใด

สำหรับโอกาสของชีวิตผม

เมื่อได้เห็นความกล้า

ของคนที่จะตาย

 

มีทางออกอยู่ไม่กี่ประการ สำหรับความกล้าหาญที่ฝังแน่นในใจ ยิ่งในยามได้ทบทวนผ่านความตาย ได้คิดถึงชั่วขณะแห่งการตายอันเหมาะสม ตายอย่างงดงาม ตายอย่างพร้อมพรั่งด้วยความเข้าใจ ว่าเราเกิดมาเพื่ออะไร ดำรงอยู่เพื่อสิ่งใด และกำลังจะถึงโอกาสอันสำคัญด้วยความตายได้อย่างไร ยิ่งคิดวนเวียนไปมามากครั้งเข้า ผมยิ่งอยากมีลมหายใจ

ก่อนที่เวลา

และหัวงขณะอันเหมาะ

จะมาพลัดพรากชีวิตและลมหายใจไป

 

ยิ่งได้อ่านเรื่องราวแห่งคัมภีร์มรณศาสตร์ อ่านชีวิตผู้คนอันงดงามที่พร้อมจะตายไป ท่ามกลางความเข้าใจว่า จะตายไปเพื่ออะไร ไม่ใช่ตายเพื่อหลบหนีหลบเร้น แต่เป็นการเผชิญหน้ากับความตายอย่างกล้าหาญ เข้าใจ ตระหนักและรับรู้ถึงเส้นทางอันไม่อาจหลีกเลี่ยงของชีวิต ความตายเหล่านั้นต่างหาก ที่ผมคิดฝัน และใฝ่ปองในยามนี้

ในห้วงขณะและโมงยามนี้ของบ้านเรา

ที่กำลังมีข้อคิดมากมาย

ต่อความตาย

 

ทั้งความตายอันเกลื่อนกล่น ตกหล่นเรี่ยราด เนื่องจากปราศจากผู้ชี้นำแห่งความตายที่เหมาะสม ทั้งโลกของความเข้าใจ โลกแห่งวัตถุหรือโลกแห่งจิตวิญญาณ ที่ไม่สอนสั่งเส้นทางแห่งความตายที่ดีงาม แต่สอนการเหนี่ยวรั้งของชีวิต ก่อนความเข้าใจจะบังเกิด กระทั่งมีผู้คนที่สัมผัส มีชีวิตกับความตาย เสนอร่างกฎหมายก่อนการตาย

ในท่ามกลางผู้คน

ที่พยายามสอนความตาย

เพื่อจัดการศึกษาก่อนผู้คนจะตาย

 

ว่าจะตายอย่างไรให้เป็นสุข ตายอย่างไรให้เข้าใจ ตายอย่างไรให้ชนะหัวใจอันละเอียด และชนะพันธสัญญาแห่งความเป็นคน ที่เกิดขึ้นมา เพื่อหายใจ มีลมหายใจ และมีชีวิตที่ต้องกระทำบางสิ่งบางอย่างที่มากมายกว่าหายใจไปวันๆหนึ่ง เพื่อที่ว่า วันหนึ่งเราจะล้มหายตายจาก ไปพร้อมกับหน้าที่อันสมบูรณ์ ตายไปก่อนที่จะตายจริง และตายอย่างถึงพร้อม

สำหรับชีวิตผมยามนี้ ที่ยังไม่ตาย

ผมกำลังศึกษาความตาย

เพื่อความใฝ่ฝันของตัว

ที่อยากตายอย่างมีคุณค่า ครับ

 

หมายเลขบันทึก: 264639เขียนเมื่อ 30 พฤษภาคม 2009 19:31 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 07:02 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท