"การอ่านหนังสือ" ไม่ใช่ "งานอดิเรกของฉัน" แต่เป็น "ชีวิตของฉัน" ต่างหาก


ตั้งแต่จำความได้ ฉันก็เห็นหนังสือของพ่อวางไว้บนชั้นหนังสือเล็ก ๆ พ่ออ่านหนังสือที่พ่อสนใจ หนังสือที่ฉันจำติดตาติดใจได้ เช่น แม่เล่าให้ฟัง, ภาพถ่าย 100 ปีของกรุงรัตนโกสินทร์ ของ เทพชู ทับทอง, การใช้ Gramma ภาษาอังกฤษ ฯลฯ

ฉันเห็นแม่ของฉัน ซึ่งจบการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จากโรงเรียนวัดยางงาม อ่านหนังสือพิมพ์ไทยรัฐทุกวัน

ภาพของพ่อและแม่กับการอ่านหนังสือ ... แอบฝังลึกและซึมซาบเข้ามาในสายเลือดของนิสัยรักการอ่านของฉัน โดยที่ฉันไม่รู้ตัวเองมาก่อน

ภาพของหนังสือกับฉันเลือนลางในรายละเอียด จำได้พอทำเนา เช่น

 

ตอนที่ฉันเรียนชั้นประถมศึกษา

 

เวลาว่าง ๆ พักน้อย พักเที่ยง ฉันจะเลือกเข้าห้องสมุด เพื่อไปดูว่า วันนี้มีหนังสืออะไรน่าอ่านบ้าง

วันดีคืนดี จะมีร้านหนังสือราคาย่อมเยามาขายหน้าโรงเรียน ฉันจำได้ว่า ฉันชอบหนังสือ "ที่สุดในโลก" "ความรู้รอบตัว" "ที่สุดในจักรวาล" อะไรพวกนี้ มันจะเป็นเล่มรวมเล็ก ๆ ราคา 5 บาท 10 บาท ฉันก็จะควักสตางค์ค่าขนมของแม่ ซื้อไว้เล่มหนึ่งบ้าง สองเล่มบ้าง ตามสตางค์ที่ฉันพอมี บางทีแม่มา แม่ก็ซื้อให้

 

เมื่อเข้าชั้นมัธยมศึกษา

 

ฉันก็ยังมีนิสัยชอบอ่านหนังสืออยู่ต่อไป

ฉันเริ่มได้ค่าขนมไปโรงเรียนมากขึ้น ฉันเริ่มซื้อนิตยสาร "สตาร์ ซ็อคเกอร์" ทุกวันศุกร์ การ์ตูนเรื่องโปรด เช่น กัปตันซึบาสะ, ซิตี้ฮันเตอร์, โคทาโร่ ฯลฯ

ฉันเข้าห้องสมุดเป็นประจำ ตั้งแต่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 - 6

ยืมหนังสือเต็มโควต้า เล่มไหนอ่านจบแล้วก็เอามาคืน แล้วหายืมเล่มใหม่ ๆ ต่อ นอกจากฉันยืมหนังสือพวกวิชาเรียนแล้ว ฉันชอบอ่านหนังสือประวัติศาสตร์ทุกประเภท หนังสือพวกให้กำลังใจ ปรัชญา วิธีคิดต่าง ๆ เรียกว่า ถูกใจเล่มไหน ยืมอ่านหมด ... มาจนครูบรรณารักษ์จำหน้าได้

ฉันจำได้ว่า ฉันยืมหนังสือมากกว่าใครในโรงเรียนนี้แน่ ๆ ... แต่จำนวนเล่มไม่ได้บันทึกไว้ เพราะสมัยนั้นยังใช้บัตรกระดาษยืม-คืนกันอยู่

ถึงตรงนี้ อาจจะคิดว่า โรงเรียนฉันอยู่บ้านนอกบ้านนา จะมีหนังสือสักกี่เล่มเชียว ผิดนะ โรงเรียนที่ฉันเรียนในระดับมัธยมศึกษานี้ เป็นโรงเรียนที่จัดระดับของกระทรวงศึกษาฯ ว่าเป็นโรงเรียนขนาดใหญ่แห่งหนึ่งในเมืองหลวง จำนวนหนังสือจึงต้องสมดุลกับจำนวนนักเรียน :)

ระดับมัธยมศึกษานี้ ฉันยืมมากกว่าซื้อ เพราะฐานะทางครอบครัวและค่าขนมมาโรงเรียนไม่ได้มากนัก แต่ฉันก็พอใจ เพราะฉันไม่ได้ทำให้พ่อแม่ต้องเดือดร้อน ฉันไม่เคยเกเร พยายามตั้งใจเรียน ถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยเข้าใจที่ครูสอนมากนัก เรียกว่า หัวไม่ดีมาแต่เด็ก พอกล่อม ๆ แกล่ม ๆ เท่านั้น

 

เมื่อได้เรียนปริญญาตรี (เอ็นสะท้านใจได้อย่างฟลุ๊ค ๆ)

 

ฉันดีใจมาก เพราะฉันได้สิทธิ์ในการยืมหนังสือของมหาวิทยาลัยมากกว่าตอนเรียนมัธยมศึกษา ยืมแหลกเหมือนเดิม ชอบเล่มไหนยืมเล่มนั้น

นอกจากตำราเรียน ก็มี ประวัติศาสตร์ จิตวิทยา ปรัชญา การดำเนินชีวิต ธรรมะ เรื่องลี้ลับ การเมือง การปกครอง ฯลฯ

มหาวิทยาลัยมีการเก็บค่าห้องสมุดทุก ๆ ภาคเรียน ฉันว่า ฉันยืมคุ้มเงินที่เสียไปแน่ ๆ ล่ะ เพื่อนบางคนของฉัน แทบจะไม่ได้ยืมหนังสือมาอ่านเลย หากอาจารย์ไม่บังคับ ก็คงไม่ยืมมาใช้

ฉันเรียน 4 ปี + 1 ซัมเมอร์ เพราะฉันยังทำ IS ไม่เสร็จสิ้น ... ฉันเลยมีโอกาสยืมหนังสือถึงซัมเมอร์สุดท้ายทีเดียว แต่ไม่รู้ว่ามันน่าภูมิใจหรือเปล่า เพราะเพื่อนวิ่งหางานทำกันหมดแล้ว :)

ในการเรียนระดับปริญญาตรี ฉันเริ่มซื้อหนังสือให้ตัวเองมากขึ้น ปี 1 - 2 ส่วนใหญ่เป็นหนังสือประวัติศาสตร์ จิตวิทยา เพราะคิดว่า ยิ่งโต ยิ่งต้องค้นหาอะไรบางอย่างเกี่ยวกับการดำเนินชีวิตมากขึ้น

พอปี 3 - 4 หนังสือที่เริ่มสนใจมากขึ้น คือ คอมพิวเตอร์

ฉันเริ่มเป็นสมาชิกนิตยสาร Micro Computer User ตั้งแต่เริ่มแรกเลย

ที่สนใจคอมพิวเตอร์มากขึ้น เพราะฉันเริ่มเรียนหลักสูตรคอมพิวเตอร์ระยะสั้น เช่น DOS, CW, RW, Lotus 123, Dbase ฯ อันเป็นหลักสูตรยอดฮิตในสมัยก่อนโน้น

ฉันพบว่า ฉันเรียนยังไงก็เข้าใจไม่แจ่มแจ้ง ฉันจะเลือกที่เรียนรู้ด้วยตัวเองมากขึ้น โดยการซื้อหนังสือคอมพิวเตอร์มาอ่านแล้วทำความเข้าใจด้วยตัวเอง

สมัยนั้น หนังสือคอมพิวเตอร์ภาษาไทย เพิ่งเริ่มออกมาในท้องตลาด มีไม่มากนัก และราคายังแพงอยู่ ไม่มี 4 สีเหมือนปัจจุบันนี้

ผู้นำที่เห็นชัด ๆ คือ ซีเอ็ดยูเคชั่น

ผู้เขียนก็ อาจารย์ยืน ภู่วรวรรณ อาจารย์ครรชิต มาลัยวงศ์ ฯลฯ

อย่างน้อย ฉันเริ่มเอาเงินประจำเดือนที่แม่ให้ไว้ มาซื้อเดือนละ 1 เล่ม หรือไม่ก็ 2 เดือน 1 เล่ม แล้วแต่ความต้องการอ่าน เพราะห้องสมุดมหาวิทยาลัยตามไม่ค่อยทัน มีแต่เล่มเก่า ๆ

น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของการอ่านหนังสือคอมพิวเตอร์ และนิตยสารคอมพิวเตอร์ของฉัน

พอเรียนจบปริญญาตรีโดยสมบูรณ์ปุ๊บ ... โห มีแต่ลังหนังสือคอมพิวเตอร์และหนังสือประเภทอื่น ๆ มากมาย สักร้อยเล่มได้มั้ง

 

เมื่อได้มีโอกาสเรียนปริญญาโทกับเขา

 

ดีใจอีกครั้ง ฉันได้ยืมหนังสือได้ 15 เล่ม เล่มหนึ่งยืมได้ 14 วัน ดีใจ ๆ

ฉันก็ใช้โควตาเต็มที่ อ่านจบแล้วคืน คืนแล้วยืมเล่มใหม่ เป็นแบบนี้มา 5 ปี

ปีที่ 6 ไม่ได้ใช้โควตาของนักศึกษาปริญญาโท แต่ใช้สิทธิ์ของบุคลากรแทน

จากยืมได้แค่ 14 วัน ฉันยืมได้เป็น 1 ภาคเรียน :)

จำได้ว่า เมื่อฉันเรียนจบ ฉันยืมหนังสือไป 1,008 เล่มใน 6 ปี แต่ไม่มีรางวัลการยืมให้ มีแต่ความประหลาดใจว่า โห ทำได้ไงหว่า บ้าไปแล้ว

 

ส่วนการซื้อ ... มีการซื้อมากขึ้น ตามเงินประจำเดือนที่มากขึ้นตาม เดือนหนึ่งก็ 2 - 3 เล่ม แนวหนังสือก็คล้าย ๆ ตอนเรียนปริญญาตรี แต่เพิ่มเข้ามาคือ หนังสือที่เกี่ยวกับวิชาชีพที่ตัวเองเรียน เช่น เทคโนโลยีการศึกษา จิตวิทยาการเรียนการสอน คอมพิวเตอร์ทุกแนวทาง ฯลฯ

 

นิตยสารคอมพิวเตอร์ก็ซื้อหลายหัวมากขึ้น เช่น Computer Today, Microcomputer, Windows Magazine, IT Soft ฯลฯ

นิตยสารคอมพิวเตอร์นี่ มากจริง ๆ ครับ ... ผมว่า 6 ปีมีสะสมได้หลายพันเล่มเลย อ่านไม่ทันแน่ ๆ ล่ะ แค่อยากตามเทคโนโลยีให้ทัน ก็เสียสตางค์ไปมากมาย (ห้ามทำตาม)

 

นอกจากการยืม และ ซื้อแล้วนั้น ยังมีการถ่ายเอกสารหนังสือเป็นเล่ม ๆ อีก โดยเฉพาะพวก Text Book ภาษาอังกฤษที่เกี่ยวกับสาขาวิชาชีพตัวเอง เพราะต้องใช้ประกอบการทำวิทยานิพนธ์ หรือไม่ก็พวกวิทยานิพนธ์ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่ตนเองสนใจจะทำอยู่

ไปถ่ายเอกสารมาหมด เช่น รวมบทคัดย่อวิทยานิพนธ์ของจุฬาฯ มศว.ประสานมิตร, วิทยานิพนธ์ของจุฬาฯ มศว.ประสานมิตร ขอนแก่น เป็นต้น

 

พอมีงานทำเป็นเรื่องเป็นราว

 

เอาล่ะสิมีเงินเดือนประจำ ... ดังนั้น ก็ไปเป็นสมาชิกร้านหนังสือใหญ่ ๆ ในเชียงใหม่ เพราะซื้อแล้วมีส่วนลดบ้าง ... เดือนหนึ่งต้องไปเดินร้านหนังสือ ... แล้วได้ติดไม้ติดมือมาเสมอ

 

ปัจจุบัน

 

มีห้องสมุดส่วนตัวน้อย ๆ แล้วสิ แต่ยังไม่ได้จัดเป็นเรื่องเป็นราวสักที

 

 

 

 

 

 

เป็นไงครับ ... ดูไม่ได้ทีเดียว ... กลัวงูจะฉกเข้าสักวัน :)

 

มีน้องบอกผมว่า ... มูลค่าของหนังสือที่มีอยู่ น่าจะซื้อบ้านได้หลังหนึ่ง รถได้สักคันแล้วล่ะ ... เหอ เหอ ... ท่าจะจริง

 

ห้องสมุดเล็กเกินกว่าจะบรรจุหนังสือไว้ได้ทั้งหมด ... ฉันจึงเริ่มคัดหนังสือ นิตยสารที่ไม่ได้ใช้ นำไปมอบเป็นความรู้แก่โรงเรียน และห้องสมุดที่ฉันเห็นว่า มันจะยังประโยชน์ให้แก่พวกเขาได้

เอาไว้ฉันจะเล่าให้คุณ ๆ ฟังอีกสักบันทึกหนึ่งแล้วกัน

 

"การอ่านหนังสือ" ไม่ใช่ "งานอดิเรกของฉัน" แต่เป็น "ชีวิตของฉัน" ต่างหาก

คุณจะเชื่อไหมน้า ?

 

เรื่องเล่าของฉันในบันทึกนี้ ... อาจจะทำให้คุณ ๆ ได้เห็นประโยชน์และสาระบ้าง แต่ไม่จำเป็นต้องเชื่อทั้งหมด เพราะมันมีทั้งข้อดีและข้อไม่ดีปะปนกันไป เพียงแต่ว่า สิ่งที่เล่ามามันเป็นแค่ชีวิตของคน ๆ หนึ่งที่ดำเนินมายาวนานเท่านั้น

บุญรักษา ทุกท่าน :)

 

หมายเลขบันทึก: 256775เขียนเมื่อ 22 เมษายน 2009 16:19 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 20:38 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (36)

อาจารย์กำลังช่วยให้ค่าเฉลี่ยจำนวนบรรทัดที่คนไทยอ่านหนังสือต่อปีสูงขึ้นครับ :)

ขนาดนั้นเลยหรือครับ คุณ ข้ามสีทันดร :)...

สบายดีนะครับ

หนังสือที่ผมเขียนอยู่ชั้นไหนเอ่ย ???   : ) อิอิ

ที่บ้านผมก็เยอะประมาณนี้เลยครับ กลับจาก กทม.คราล่าสุด ขนไปเป็นลำรถปิคอัพเลยครับผม

ตอนนี้ก็สะสมใหม่อีกแล้ว เป็นความสุขอย่างหนึ่งของคนรักหนังสือนะครับ

-------------------------------------------------------------------

ผมรับ e-ticket(fix flight / fix time) เเล้วครับ confirm ตามวันเวลาเดิม นะครับ แล้วเจอกันครับ  :)

นั่นสิครับ คุณเอก จตุพร วิศิษฏ์โชติอังกูร :)

หนังสือคุณเอก ... หายไปไหนซะแล้ว ... อาจจะอยู่บนหิ้งพระก็ได้นะครับ ... :)

เหอ เหอ สะสมจนไม่มีที่เก็บ 555

รับทราบ วัน-เวลาเดิม ครับ

ขอบคุณครับ :)

สังเกตหนังสือที่พออ่านสันปกออก เป็นหนังสือหลายเล่มที่น่าสนใจ ที่ผมหยิบจับบ่อยๆ

:)

แอบเห็น- - - มีหนังสือชื่อ  "โรงเรียนนอกกะลา" อยู่ในละดับที่ ๕ นับจากเล่มบนสุด (กองล่าง) ภาพล่างสุด

หากอ่านเเล้ว ย่อย เล่าสู่กันฟังบ้างเน้อ

 

สวัสดีค่ะ

  • เหลือเชื่อเลยนะคะ
  • แต่ที่เหมือนกันคือ...เรียนมากกว่าหลักสูตร
  • เพราะเรียนไม่เก่ง  หนังสือหนังหาอ่านไม่มากค่ะ
  • ขอขอบคุณที่มีบันทึกให้อ่านค่ะ
  • อยู่บนรถทัวร์กลับพิษณุโลกจิ้มผิดจิ้มถูกตะกุกตะกัก

ตาไวนะครับ คุณเอก จตุพร วิศิษฏ์โชติอังกูร :)

ก่อนนำภาพขึ้น ผมก็คิดในใจแล้ว ... หากคนที่รักหนังสือเหมือนกัน พอจะวิเคราะห์ได้ว่า ผมชอบหนังสือสไตล์ไหน เป็นคนอย่างไร ไปถึงนั้นเลย

"โรงเรียนนอกกะลา" กับ "คนนอกคอก" :)

ลำบาก ๆ 555

เหลือเชื่อ ... อะไรเหรอครับ คุณ ครูคิม :)

ขยายความหน่อยครับ อยากฟัง ๆ

ผมน่ะ ... เรียนไม่เก่ง เมื่อเรียนไม่เก่ง ต้องค้นหาความรู้เอาเอง เพราะเป็นคนแปลก ครูสอนไม่ค่อยตรงจริต เลยไม่เข้าใจเอาง่าย ๆ

(ยิ่งกว่าเจ้าหนูจำไม น้องสี่ซี่ อีกนะครับ)

เดินทางปลอดภัยครับ :)

  • ธุ  อาจารย์วสวัตดีมารค่ะ..

มาเห็นหนังสือของอาจารย์แล้วต้อมร้องว๊าว..ว..ว เลย ^^  ชื่นชมยินดีไปด้วย    ต้อมก็ชอบหนังสือ..  มีเพื่อนเป็นหนังสือ (อุปนิสัยตัวเองเพี้ยนๆ เลยไม่คบใครและไม่มีใครคบ อิอิ)  และกว่าค่อนชีวิตที่จะใช้เวลาขลุกอยู่กับหนังสือมากมาย   แต่ต้อมไม่มีหนังสือเป็นของตัวเองมากอย่างที่ใครๆ คิด

เพราะหนังสือที่ซื้อหามาด้วยกำลังของตัวเองนั้นมักจะถูกส่งไป   ต้อมชอบให้หนังสือเดินทาง(ทั้งๆ ที่ก็แอบหวงหนังสือ)   มอบให้แก่ใครๆ ในวาระต่างๆ กัน

 

สวัสดีค่ะ

  • ตอบข้อสงสัยก่อนปิดเครื่อง..หลับครับ
  • เหลือเชื่อ..เป็นคำที่แสดงความรู้สึกได้หลายอย่าง
  • แต่เป็นทางบวก...น่าทึ่ง..นั่นเอง
  • พี่คิมเป็นคนขี้เกียจเรื่องเรียนค่ะ
  • นอกจากไม่เก่งแล้วยังไม่ขยันอีก
  • จึงได้เรียนมากกว่าเพื่อน...เข้มดีค่ะ
  • เห็นด้วยค่ะ...ที่ครูสอนไม่ตรงจริต
  • และก็โง่ในวิชานั้น ๆ ไปเลย
  • พอละ...ว่าครูบาป

เล่าจนเข้าใจในความเป็นนักอ่านของหนูต้อม เนปาลี เลย :) ...

หนังสือของผมก็ถูกคัดสรรเพื่อไปยังที่เหมาะสมที่สุดเช่นกันครับ

ไม่อยากให้ "ความรู้" อยู่นิ่ง ๆ แต่ความหวงก็ย่อมต้องอยากให้ไปในที่ดี ๆ กับคนที่เขาอยากได้ความรู้จริง ๆ ครับ

ดังนั้น จึงต้องรอบคอบและระมัดระวังเป็นที่สุดเลย

กะเล่าให้ฟังในบันทึกต่อ ๆ ไป ครับ

ขอบคุณครับ :)

แหม ผมไม่น่าให้คุณ ครูคิม ขยายความเลยครับ ... ครูเลยบาปเลย 555

"ครูสอนไม่ตรงจริต" นี่เรียกตามศัพท์วิชาการ คือ ครูสอนเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางไงครับ

สอนเอง เข้าใจเอง ... เด็กอย่างผมก็เลยไม่เห็นจะเข้าใจเลย ครูสอนอารายเนี่ย

โตขึ้น ... เป็นครูสอนครู ... เวลาจะสอนที พูดที คิดแล้วคิดอีก ไม่อยากให้เด็กรู้สึกอย่างที่เราเคยรู้สึกครับ

หลับได้ครับ :)

อีกนิดนะครับ

หนังสือส่วนหนึ่งของผม ก็ถูกให้เดินทางไปถึงผู้ที่เหมาะสมที่จะเป็นเจ้าของครับ  การให้หนังสือก็เป็นการให้อย่างหนึ่งของผม ที่มีต่อกัลยาณมิตร..ที่ทำบ่อยๆครับ

หนังสือที่ อ.Was ให้ผม "นักเดินทาง (ไม่) มีปีก" นั้น ถูกใจมากครับ สำนวน ลีลาการเขียน ตลอดจนความรู้สึกของคนเขียน บอกตรงๆว่าใช่เลย

...นกในใจของผม ได้พเนจรสู่โลกกว้างตามที่มันร้องขอ แม้บินไม่ได้ แต่ไม่เคยคร้านที่จะเดิน...

"การให้หนังสือ" สำหรับผู้ที่เราหวังดี ถือเป็นสิ่งที่พึงกระทำเสมอ

การเลือกหนังสือให้ใครสักคน ย่อมต้องพยายามทำความรู้สึกตัวตนและจริตของคนผู้นั้นให้ถ่องแท้เสียก่อน แล้วจึงตัดสินใจว่า คนผู้นั้นเหมาะสมกับหนังสือเล่มใด ประเภทใด

ดังนั้น "การให้หนังสือ" ถือเป็นความสุขโดยส่วนตัวของผม ถึงแม้ผมจะห่วง หวง หนังสือเล่มนั้นปานใดก็ตาม

ผมเห็น "ความสุข" มาปรากฎลงตรงหน้า ครับ

ดีใจที่ผมยังเหลือดวงตาอันแหลมคมอยู่บ้าง ทำให้หนังสือที่ดีเล่มหนึ่ง อยู่กับคนที่ควรค่าได้รับไป

;)

สวัสดีค่ะ  พี่อาจารย์ Wasawat Deemarn

ชื่นชม พี่อาจารย์ Wasawat Deemarn ค่ะ    แอบเห็น.. ชั้นบนของชั้นวางหนังสือ มีภาพของในหลวงด้วย..

พี่อาจารย์คะ  สมัยก่อนเมื่อน้องยังออกไปทำงานข้างนอก น้องก็สะสมหนังสือ ซึ่งบางเล่มก็ใช้คู่กันไปกับการทำงาน  ตอนนี้ ได้บริจาคไปเกือบหมดแล้วค่ะ  เพราะว่า บ้านที่อยู่ปัจจุบันนี้ รอบบ้านยังอยู่กับธรรมชาติ และ ตอนนี้ ก็ไม่ค่อยมีเวลาอ่านหนังสือ ปลวกก็เลยชอบมาเยี่ยม  พี่อาจารย์ ต้องคอยเขย่า กองหนังสือ ให้มีการเคลื่อนไหวตลอดเวลานะคะ  กันปลวกค่ะ  อิ อิ 

ขอบคุณมากครับ น้อง  Moon smiles on Venus&Jupiter :) ... ปลวกเริ่มบุกบ้างแล้วล่ะครับ เข้าที่วงกบประตูอยู่ ฉีดไล่มัน คาดไว้ไม่กี่ปี ได้ทำบ้านใหม่แน่ ๆ อิ อิ

ตาดีจัง ... เห็นสิ่งที่คนไทยควรบูชา คือ "ในหลวง" ด้วย

;)

มาอีกรอบค่ะ พี่อาจารย์ Wasawat Deemarn  คะ

น้อง Moon smiles on Venus&Jupiter รบกับปลวก จนได้ความรู้มาว่า  ถ้าเกิดเห็นตัวปลวกแล้ว แปลว่า เราช้ากว่าปลวกไป 1 ก้าว (ตามหนังจีนกำลังภายในค่ะ)   ให้ทำแบบนี้นะคะ

ให้เงียบที่สุดเท่าที่จะเงียบได้  แล้วซื้อผงโรยปลวกตราเครื่องบิน  โรยลงไปที่ตัวปลวก  มันจะกินกันเอง แล้วพาตายยกรังค่ะ  แต่ทั้งนี้ ต้องทำแบบเงียบๆ นะคะ  ไม่งั้นปลวกจะ อพยพ ยกรังค่ะ  (ปล. ไม่ได้ค่าโฆษณาค่ะ  อิ อิ)

ขอบคุณ น้อง Moon smiles on Venus&Jupiter สำหรับคำแนะนำครับ จะไปลองใช้ดูครับ :)

หวังว่า คงทันกาล นะครับ

อยากเห็นที่อยู่ที่นอนของเจ้าของบ้าง ว่าอยู่ยังไง นอนยังไง

มองไป ๆ เห็นแต่ หนังสือ ๆ ๆ สุดลูกหูลูกตาน่ะครับ

สวัสดีครับ อาจารย์ ซวง ณ ชุมแสง :)

ที่นอน คือ รูหนู ... ให้ดูไม่ได้ อายเขาครับ

ขอบคุณครับ :)

โอ ... เหมาะสมกับฉายา ท่านอ. หนอนเสือ มากๆ ค่ะ

แต่เอ ... เห็นภาพแล้ว เกรงว่า เสือจะโดนงูกัด ระวังหน่อยนะคะ

"""

เห็นภาพมุมห้องสมุดน้อยๆ ของอ.หนอนเสือ แล้ว ทำให้คิดว่า

ถึงเวลาต้อง จัดการปัดฝุ่นกับ หนังสือตัวเอง ที่เก็บไว้ในกรุ เช่นกัน

...

เพิ่งทราบนะคะว่า เป็นแฟนสตาร์ซอคเกอร์ ... แล้วอ.เสือเชียร์ทีมไหนเอ่ย ? คะ  

ขอบคุณครับ คุณ poo :) ... ฝากจัดการหนังสือด้วยแล้วกันนะครับ อิ อิ

เป็นแฟน Star Soccer เพราะชอบเล่นฟุตบอล ดูฟุตบอล ครับ

แต่มิบอกได้ว่า ชอบทีมไหน เพราะเก็บไว้ในใจเท่านั้น ครับ

มาคุ้ยหนังสืออีกรอบค่ะ :) เพิ่งเห็น สามก๊ก ฉบับเก่า มากๆ เลยนะคะ

อีกเล่มให้คิดถึง ม.เชิงดอย - บันทึกที่เล็ดลอดจากรั้วสีม่วง เล่มนี้ของปูมอบให้เพื่อน ไปแล้ว

และสถิติการยืมหนังสือของอ. ต้องซูฮก จริงๆ ค่ะ ... ปูว่าของปู เยอะสุดๆ จนครูบรรณารักษ์เอือมเปลี่ยน บัตรใหม่ไป 5 ใบ แต่ไม่ได้นับว่ากี่เล่มค่ะ :)

อิ่มเอมใจกับการอ่าน และอิ่มอร่อยมื้อเย็นล่วงหน้า นะคะ :)

"สามก๊ก ฉบับเจ้าพระยาพระคลัง (หน)" หนังสือโปรดครับ ... คุณ poo

ส่วน "บันทึกที่เล็ดลอดจากรั้วสีม่วง" ทิ้งอยู่ที่บ้านนานครับ พ่อกับแม่เพิ่งเอามาไว้ที่นี่

อิ่มใจกับคนรักหนังสือเช่นกันครับ :)

ระวังเรื่องปลวกด้วยนะคะ เหมือนปลวกจะได้กลิ่นกระดาษละค่ะ มีกองหนังสือที่ไหน มีปลวกใกล้ๆ น่ากลัวมากค่ะ

หุหุ

หนอนหนังสือตัวใหญ่ อิอิ

COMMENT มาแบบนี้ ... จะให้ผมตอบอะไรเนี่ย คุณ ครูเอ :)

ขอบคุณครับ คุณ ครูเอ ที่ทำให้รู้สึกอบอุ่นใจ ณ ที่แห่งนี้ :)

  • เข้ามาอ่านเพื่อหาคำตอบค่ะ...เป็นไปตามคาดจริงๆ
  • ขอเล่าบ้างนะคะ  ตอนประถมพี่หาเงิน(เป็นแม่ค้าค่ะ)ซื้อหนังสือเองได้แล้วละ  เบบี้ หนูจ๋า ตุ๊กตา เด็กก้าวหน้า นี่เคยเห็นมั๊ยคะ ฮ่า...ฮ่า..จะอวดตัวว่าแก่ไงเล่า
  • ไม่ซื้อบางกอก (ราคา 3.50 บาท) แต่ไปเช่าเขาอ่าน วันละ 25 สตางค์  ต้องอ่านคืนเดียวให้จบ เพราะเสียดายตังค์
  • ตอนมัธยมติดฟ้าเมืองไทยของคุณอาจินต์ ปัญจพรรค์  ชอบสำนวน 'รงค์ วงษ์สวรรค์เป็นที่สุด  ขอโม้นิด..เคยแปลเรื่องThe Big Wind ส่งไปลง คุณอาจินต์ตั้งชื่อเรื่องเป็นภาษาไทยให้ว่า "กลางพายุ" ได้เงินตั้ง 400 บาท  โห..ดีใจสุดชีวิต  ถือธนาณัติอวดคนไปทั่ว
  • ตอนเรียนพยาบาล มีความสุขมากกับการออกมานั่งนอกระเบียงหอพัก  แอบอ่านหนังสือชุดเพชรพระอุมากับแสงไฟนอกหอนอน  โดยไม่ให้อาจารย์เวรจับได้ 
  • มีเงินเดือนแล้ว ทุกสิ้นเดือนนั่งรถเข้ากุรงเทพ ทำสองสิ่ง คือ วันเสาร์ดูหนังทั้งวัน 6 รอบ วันอาทิตย์ซื้อหนังสือที่วังบูรพาใส่ลังกลับบ้าน
  • มีอย่างเดียวที่ชอบมากกว่าหนังสือคือ  ดูหนังค่ะ
  • ตอนลูกชายอายุ 5 ขวบ เขานินทาแม่ดังๆบนโต๊ะอาหารว่า  "มีสองอย่างที่แม่ไม่ขี้เหนียวเลย คือ เรื่องกิน กับ ซื้อหนังสือ..."  ฮ่า..เจ้าตัวเล็กปากจัดมันว่าแม่ขี้เหนียว

เรื่องราวของพี่  nui มันน่าสนใจมากครับ ... ไม่ลองเรียนเล่าในบันทึกด้วยความมันสักบันทึกล่ะครับ ชอบครับ :)

เบบี้ หนูจ๋า ผมยังทันครับ อิ อิ

บางกอก ก็ทันอ่ะ แม่ซื้ออ่าน ครับ

ขอบคุณนะครับ พี่  nui :)

เก่งจังเลยค่ะ....

อ่านหนังสือเยอะแยะ

หนูเข้ามาหาข้อมูล เกี่ยวกับการเขียนข้อความงานอดิเรก ของตัวเอง

แต่ต้อง เขียนเป็นภาษาอังกฤษ อาจารย์ให้ทำส่ง ยากมาก 555

แต่มาเห็นข้อความของพี่เขียนไว้ เป็นบันทึกที่เยี่ยมยอดมากค่ะ

ขอบคุณมากครับ น้องน้อย ;) ...

อยากให้คนไทยอ่านหนังสือกันเยอะ ๆ ครับ

เพื่อคนไทยจะได้นำความรู้มาช่วยกันพัฒนาสังคมของเราให้สงบสุข

ให้กำลังใจในการทำการบ้านให้สำเร็จครับ ;)

ถ้ามีโอกาสอยากจะเล่าเรื่องการชอบอ่านหนังสือแต่เยาว์วัยให้ฟังจังเลย

คุณเป็นคนที่สองรองจาก ธราธร จากคนแรกคือตัวฉัน

จากที่ฉันอ่านหนังสือของธราธรคำที่พึมพำกับตนเองคือ

"เหมือนดั่งกับว่ากลั่นมาจากใจฉัน"

มีเพียงสิ่งเดียวที่ทั้ง คูุณ ฉัน ธราธร ไม่เหมือนกัน คือ

ฉันแค่คนธรรมดาแต่คุณทั้งสองไม่ใช่

คิดหาคนอ่านหนังสือให้ฟัง บ้างไหมค่ะ?

ไม่ครับ ชอบอ่านคนเดียว ;)...

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท