เมื่อผู้หญิงหนึ่งคนที่ต้องตั้งครรภ์


ตั้งใจว่าจะเขียนเรื่องนี้มานานมาก แต่ในความรู้สึกของตนเองรับรู้แต่เพียงว่ายังไม่ถึงเวลาที่จะต้องเขียน เคยตั้งคำถามกับตนเองเหมือนกันว่า แล้วเราจะลงมือเขียนบันทึกเรื่องนี้ไว้เมื่อไร ?

เมื่อต้องผ่านประสบการณ์การตั้งครรภ์ด้วยตัวเอง

หรือว่า...ศึกษาอย่างมากพอต่อการตั้งครรภ์

...นั่นก็ยังไม่ได้เป็นประเด็นมากพอที่จะทำให้ข้าพเจ้า ซาบซึ้งลงไปในใจได้ว่า จะทำให้ข้าพเจ้าเข้าใจความหมายแห่งการตั้งครรภ์ และก่อกำเนิดให้เกิดชีวิตน้อยๆ เกิดขึ้นมาได้อย่างไร... ความเข้าใจที่ปรากฏจะต้องเป็นความเข้าใจที่ซาบซึ้งลงไปใน "จิตวิญญาณแห่งความเป็นมนุษย์"

เมื่อได้เข้าใจ...ในความเป็นมนุษย์เมื่อนั้น ข้าพเจ้าเชื่อว่าจะเป็นประตูเปิดทางที่ทำให้ข้าพเจ้าได้เข้าไปพบกับคำตอบที่ว่าง...ที่ว่า "การตั้งครรภ์นั้นมีค่ามีความหมายเช่นไร"

การให้ชีวิต...หนึ่งชีวิตได้เกิด ไม่ใช้เรื่องง่ายๆ ไม่ใช่เรื่องเล่น หากแต่เป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่... ผู้หญิงหนึ่งคนที่จะให้ที่พักพิงต่อดวงจิตหนึ่งดวงที่มาอิงอาศัยการเกิดและดำรงอยู่นั้น ต้องมีความพร้อมทั้งทางด้านจิตใจและร่างกาย ... ไม่ได้เป็นเพียงแค่สักแต่ว่า...ท้อง เท่านั้น ...

การที่ทำให้ได้มีการเกิด...เกิดขึ้น แม้ว่าในบางรูปการณ์อาจไม่ได้เป็นความสวยหรู ผู้หญิงบางคนอาจมาจากการถูกข่มขืน ไม่ได้เจตนา เผลอพลาดพลั้งมีความสัมพันธ์จนตั้งท้อง... ==> จะด้วยเหตุอะไรก็แล้วแต่ แต่สำหรับข้าพเจ้าเอง ได้ซาบซึ้งและเข้าลงไปในใจแล้วว่า การเกิดได้อุบัติขึ้นแล้ว และได้มีสิ่งมีชีวิตน้อยๆ ปรากฏขึ้นในร่างกายของผู้หญิงคนหนึ่งเกิดขึ้น...

ดังนั้นการตั้งครรภ์...หนึ่งครรภ์ จึงไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เลย หากแต่เป็นความยิ่งใหญ่ในความเป็นมนุษยชาติ

เพราะหากปราศจากการเกิดสิ่งนี้แล้ว...โลกก็ปราศจากการดำรงอยู่ได้

เมื่อมีสิ่งนี้ (มนุษย์)...โลกจึงยังต้องมี...

เพราะเมื่อไรที่โลกขาดมนุษย์เมื่อนั้น...โลกก็ไร้ซึ่งความหมายและความเป็นชีวิตที่สรรค์สร้างอันงดงาม ... มนุษย์นั้นทำให้โลกสวยงาม แต่เมื่อไรที่โลกเริ่มขาดความเป็นมนุษย์...เมื่อนั้นโลกแห่งความสวยงามก็หายไป

มนุษย์เป็นอีกหนึ่งคำ หนึ่งความหมายที่ข้าพเจ้าอยากจะน้อมนำพูดถึง...มนุษย์ ไม่ได้เป็นเพียงแค่มีร่างกายกาย สองแขน สองขา มีสมอง...และอย่างที่เราๆ เห็นกัน ...แต่มนุษย์นั้นต้องประกอบไปด้วย "จิตวิญญาณ" เมื่อไรที่มนุษย์ขาดซึ่งการขัดเกลาทางด้านจิตวิญญาณแล้ว เมื่อนั้นความเป็นมนุษย์จะหายไป ร่างที่คล้ายมนุษย์นี้จะเป็นเพียงแต่ที่อยู่อาศัย...ของสัตว์ร้ายที่ดำรงอยู่ด้วยสัญชาตญาณเท่านั้น แต่ขาดการสรรค์สร้างและบ่มเพาะหน่อเนื้อแห่งความดีงาม

ดังนั้นจะเห็นได้ว่า...การที่เราให้กำเนิดสิ่งที่มีรูปร่างคล้ายมนุษย์นี้ หญิงผู้เป็นแม่ต้องสร้างความเป็นมนุษย์ให้เกิดขึ้นในดวงจิตของรูปลักษณ์นั้นด้วย ไม่ใช่เพียงแค่ให้อาหารและการตอบสนองทางร่างกายเท่านั้น หรือเป้าหมายเพื่อความเป็นไปในการเรียน การงาน อย่างเดียวเท่านั้นไม่ สิ่งหนึ่งที่ต้องบำรุงและบ่มเพาะอย่างเต็มกำลังเท่าที่ผู้หญิงคนหนึ่งนี้จะมีพลังทำได้ นั่นคือ ... การบ่มเพาะจิตวิญญาณ...

การที่โลกเราเบี้ยวๆ กันอยู่นี้...

เพราะ...เราดำรงอยู่เพียงกาย แต่ความอิ่มในดวงจิตนั้น หายไป พื้นที่ว่างในดวงจิตนั้น เต็มไปด้วยความโกรธแค้น อาฆาต ชิงชัง รังเกียจ เห็นแก่ตัว ... ใจแข็งกระด้าง กร้าวมากขึ้น

ความอ่อนโยนหายไป...

เราให้อาหารเพียงแต่กาย... เราไม่เคยได้รับน้ำแห่งความเย็นชุ่มช่ำที่จะหล่อเลี้ยงจิตใจนี้ ผู้คนอีกมากมายจึงไม่มีโอกาสที่จะได้รู้เลยว่า เรานั้นมีขุมทรัพย์อันเป็นพลังงานที่ยิ่งใหญ่ซ่อนอยู่ในร่างกายที่คล้ายมนุษย์นี้อยู่... พลังงานนี้เป็นพลังงานที่ไม่เคยหมด ยิ่งนำมาใช้ยิ่งพอกพูน...ยิ่งใช้ ยิ่งร่มเย็น ยิ่งใช้อิ่มเอมในใจ

การที่เราจะไม่หลงทางแห่งความเป็นมนุษย์...หากว่าการเกิดได้มีการเตรียมพร้อม และได้รับโอกาสจากผู้หญิงคนหนึ่งที่จะทำให้การได้มาเกิดนี้ เป็นการเกิดอันเต็มไปด้วยความมีคุณค่า มีความหมาย มีทางที่จะทำให้หนึ่งชีวิตนี้ได้รับอาหารที่เพียงพอจากการเลี้ยงดู...โดยเฉพาะอาหารที่หล่อเลี้ยงทางด้านจิตใจ และจิตวิญญาณ

การที่จะตั้งครรภ์...ความพร้อมของผู้หญิงหนึ่งคนจึงเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่...

ความพร้อมด้วยการท้องด้วยใจที่เบาเบา ใจที่ร่มเย็น ใจที่เปี่ยมไปด้วยปิติสุข... นี่แหละดวงจิตดวงน้อยๆ ที่กำลังจุติมานั้น ก็จะได้เริ่มรับและซึมซับพลังงานอันมีค่านี้ จากผู้หญิงที่ถูกเรียกว่า "แม่"

 

๒๐ เมษายน ๒๕๕๒

------------------------------------------------------

 

หมายเลขบันทึก: 256424เขียนเมื่อ 20 เมษายน 2009 16:42 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 20:37 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (9)

สิ่งที่ดร.Ka-Poom คิดน่าสนใจมาก  ขอกลับไปอ่านอีกครั้งก่อนนะคะ

                                                                     #pinkky#

สวัสดีค่ะ คุณ kpam&p'pink

ได้เรื่องอย่างไรอย่าลืมกลับมาเล่าสู่กันฟังบ้างนะคะ และขอบคุณมากนะคะที่มาร่วมเรียนรู้ด้วยกัน

(^___^)

ในโลกของความเป็นจริง มีการตั้งครรภ์ที่เป็นที่ต้องการ และการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์

ผมเคยพบเด็กคนหนึ่งอายุสัก 15 ปีมาหาด้วยเรื่องปวดศีรษะ ตรวจไปตรวจมาพบว่าตั้งครรภ์ราวเจ็ดเดือนแล้ว เธอเล่าว่าพ่อแม่ใช้ไปซื้อของนอกบ้านแล้วถูกข่มขืน แล้วไม่กล้าบอกพ่อแม่

เคยเห็นนักเรียนที่ท้องหลายรายที่เมื่อพ่อแม่ ตายายทราบ แล้วให้เอาเด็กในท้องไว้ หยุดเรียนสักปีหนึ่ง พอคลอดแล้วค่อยไปเรียนต่อ ตายายเลี้ยงให้เอง เมื่อเลี้ยงแล้วก็จะรัก

ศ.นพ.ประสงค์ ตู้จินดา ปรมาจารย์กุมารแพทย์ของไทย ท่านเล่าว่าในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง มีแม่ที่มาคลอดที่โรงพยาบาลศิริราช โดยตั้งใจว่าเมื่อคลอดแล้วก็จะทิ้งเด็กเลย เพื่อหนีระเบิด แต่ทางโรงพยาบาลจะบอกว่า ขอให้อยู่ให้นมลูกสักสองสามวันก่อน เพราะถ้าไปเลยเด็กจะตายเพราะไม่มีนมกิน (ยุคสงครามที่อังกฤษกำลังทิ้งระเบิด) ปรากฎว่าส่วนมากเมื่อให้นมลูกแล้วเกิดความผูกพัน ไม่ยอมทิ้งลูกอีก

คุณณัชชา (โรงพยาบาลพุทธชินราช พิษณุโลก) เคยเล่าให้ฟังว่า เธอพบคนคลอดคนหนึ่งกำลังจะตาย แต่ลูกเกิดมาแล้ว เธอจึงเอาแก้มเด็กไปแนบแก้มแม่ แล้วตะโกนดังๆข้างหูว่า อย่าตายนะ อยู่เลี้ยงลูก คนไข้คนนั้นรอดตาย แล้วเล่าให้ฟังว่า เสียงตะโกนข้างหูนั้นเธอได้ยินแบบแว่วๆมาไกลๆ แต่ความอุ่นของแก้มลูกที่แนบแก้มแม่นั้น ทำให้เธอบอกตัวเองว่าตายไม่ได้ แล้วก็ไม่ตายจริงๆ

เป็นการแลกเปลี่ยนกันนะครับ

ขอบพระคุณมากค่ะ

เป็นการแลกเปลี่ยนที่ทรงคุณค่ามากค่ะ

(^___^)

  • อาจารย์กำลังจะบอกว่า คนที่เป็นแม่ผู้ให้กำเนิด นอกจากจะต้องรับผิดชอบการเกิดเป็นกายของลูกแล้ว ยังต้องรับผิดชอบต่อ "การบ่มเพาะจิตวิญญาณ" อีกด้วย อย่างนั้นใช่มั๊ยคะ
  • ภาระของแม่ยิ่งใหญ่จริงๆ ค่ะ

สวัสดีค่ะ

ผู้หญิงมีจิตวิญญาณของความเป็นแม่ที่มาจากธรรมชาติ และมาจากการมีแม่ของตัวเองเป็นแบบอย่างงค่ะ

อาจารย์เขียนเรื่องได้ดีมากค่ะ น่าเสียดายที่เพิ่งมาอ่านงานเขียนของอาจาย์ค่ะ

สวัสดีค่ะพี่ nui และคุณ  berger0123

ภาระแม่ที่ยิ่งใหญ่...เรื่องนี้พี่จะซึมซับได้ยิ่งกว่ากะปุ๋ม เพราะได้มีโอกาสเรียนรู้เรื่องนี้ผ่านประสบการณ์กับการบ่มเพาะเลี้ยงดูลูก... :)

กะปุ๋มว่าความเห็นของคุณ berger0123 นั่นน่ะใช่เลย "ผู้หญิงมีจิตวิญญาณของความเป็นแม่ที่มาจากธรรมชาติ" หรือแม้แต่ผู้หญิงที่ไม่เคยมีลูก แต่ความเป็นแม่แทบจะแทรกอยู่ทุกอณูแห่งจิตวิญญาณนะคะ 

(^___^)

ถ้าการจะเป็นแม่คนได้ต้องมีจิตวิญญาณที่ดีด้วย เพราะฉะนั้นการที่หนูพยายามเท่าไรก็ไม่ตั้งครรภ์สักที แสดงว่า หนูยังเป็นคนที่ไม่มีจิตวิญญาณที่ดีพอใช่ไหมค่ะ

อาจารย์ช่วยตอบกลับทางเมลล์ด้วยค่ะ

คุณ อ้อม [IP: 115.67.43.151]  คะ...หาเมล์ไม่เจอค่ะ...ส่งมาใหม่นะคะ ยินดีอย่างยิ่งต่อการพูดคุยในเรื่องราวต่างๆ นี้...

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท