ตำนาน : แม่น้ำโขง


เรื่องเพียงนิดเดียวอาจเป็นสาเหตุให้เกิดเรืองใหญ่โต และเกิดความเสียหายต่อคนส่วนใหญ่ ฉะนั้น จึงควรป้องกัน อย่าให้เรื่องเล็กน้อยกลายเป็นเรื่องใหญ่โตจะดีที่สุด

          กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว  มีพญานาคราชสองตัวเป็นเพื่อนรักกันมาก  ชื่อ "พญาศรีสุทโธนาค" กับ "พญาสุวรรณนาค" ทั้งสองแบ่งกันปกครองเมืองบาดาลหนองกระแสฝ่ายละครึ่งเมือง ซึ่งคนสมัยก่อนเชื่อกันว่า "หนองกระแส" คือเมืองบาดาลอยู่ใต้ทะเลสาบ "หนองหาน"

          พญานาคทั้งสองนั้นมีพญานาคบริวารฝ่ายละ 500 ตัว ทุกๆ ปี ทั้งสองฝ่ายจะไปมาหาสู่กันเพื่อเยี่ยมยามถามข่าวถึงสารทุกข์สุกดิบกันอยู่เสมอมิได้ขาด

        อยู่มาวันหนึ่งพญาศรีสุทโธนาคได้พาบริวารออกไปล่าสัตว์ในป่า เผอิญล่าได้ช้างป่ามาตัวหนึ่ง พญาศรีสุทโธนาคนึกถึงสหายพญาสุวรรณนาค จึงชำแหละเนื้อช้างให้บริวารนำไปให้ครึ่งตัว

        เมื่อพญาสุวรรณนาคได้รับของฝากจากเพื่อนรักเป็นเนื้อช้างก็มีความยินดี จึงได้ส่งสาส์นแสดงความขอบใจมายังพญาศรีสุทโธนาค ทั้งบอกว่าในโอกาสหน้าตนคงจะได้ส่งของฝากมาเป็นการตอบแทนบ้าง

       วันหนึ่งพญาสุวรรณนาคได้พาบริวารออกไปล่าสัตว์ในป่า โดยล่าได้เม่นมาหนึ่งตัว พญาสุวรรณนาคจึงสั่งให้ชำแหละเนื้อเม่นแล้วแบ่งออกเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งเอาไว้กินเอง และอีกส่วนหนึ่งให้บริวารนำไปให้แก่พญาศรีสุทโธนาค เพื่อเป็นของฝาก

       พญาศรีสุทโธนาคเมื่อได้รับเนื้อเม่น เห็นว่ามีจำนวนน้อยนิดผิดกับเนื้อช้างที่ตนนำไปให้ก็ไม่พอใจ โดยคิดว่าเม่นน่าจะตัวใหญ่กว่าช้าง เพราะขนเม่นยาวกว่าขนช้าง จึงไม่รับของฝากนั้น

       พอพญาสุวรรณนาคทราบดังนั้นก็ไม่สบายใจ รีบเดินทางมาอธิบายชี้แจงให้พญาศรีสุทโธนาคฟังว่า แม้ขนเม่นจะยาวกว่าขนช้างแต่เม่นก็ตัวเล็กกว่าช้างมาก ฉะนั้น เนื้อเม่นครึ่งตัวจึงน้อยกว่าเนื้อช้างครึ่งตัวแน่นอน แต่พญาศรีสุทโธนาคก็ไม่ฟังเหตุผล หาว่าพญาสุวรรณนาคเอาเปรียบตน จึงเกิดการโต้เถียงทะเลาะกันอย่างรุนแรงจนถึงประกาศท้ารบกันขึ้น

       พญาศรีสุทโธนาคผู้มุทะลุจึงยกทัพนาคมาบุกประชิดติดชายแดนเมืองหนองกระแสด้านที่อยู่ในความปกครองของพญาสุวรรณนาค การเคลื่อนพลมาอย่างรีบร้อนทำให้น้ำในทะเลสาบหนองแสขุ่นคลั่กเป็นสีชมพู

       ฝ่ายพญาสุวรรณนาคเห็นดังนั้นก็จนใจต้องพาบริวารออกต่อสู้กับเพื่อนรัก เพื่อป้องกันแว่นแคว้นในปกครอง พญานาคทั้งสองฝ่ายได้เข้าต่อสู้ประหัตประหารกันอยู่นานถึง 7 ปี แต่ก็ไม่มีฝ่ายใดชนะอย่างเด็ดขาด สงครามนาคครั้งนี้ทำให้โลกสั่นสะเทือนลั่นหวั่นไหวสะท้านไปถึงสวรรค์และบาดาล เดือดร้อนกันไปทั่วทั้งมนุษย์ เทวดา และนาค จากเรื่องที่เข้าใจผิดกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

       พญาแถนผู้เป็นใหญ่บนสวรรค์เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นจึงเสด็จมายังโลกมนษย์ ณ บริเวณสนามรบที่เมืองหนองกระแส พร้อมมีเทวโองการว่า

        "ข้าพญาแถนจอมสวรรค์ผู้ยิ่งใหญ่ ขอสั่งให้สองฝ่ายหยุดรบกัน พวกเจ้าไม่มีใครเก่งกว่าใครหรอกและขอประกาศให้เมืองหนองกระแสเป็นเขตปลอดสงคราม ให้ทั้งสองจงพาไพล่พลออกจากเมืองหนองกระแสโดยด่วนที่สุด ถ้าเจ้าทั้งสองเก่งจริงขอจงไปสร้างแม่น้ำแข่งขันกันเถิด ใครสร้างแม่น้ำไปถึงทะเลก่อนถือว่าผู้นันเป็นผู้ชนะ แล้วข้าจะปล่อยปลาบึกลงในแม่น้ำสายที่สร้างเสร็จก่อน"

        พอสิ้นเทวโองการ พญานาคทั้งสองต่างก็พาไพล่พลแยกย้ายกันไปในทันที โดยพญาศรีสุทโธนาคผู้มีอารมณ์อันมุทะลุดุดันและมุ่งหวังเอาชนะ ได้สร้างแม่น้ำไปทางทิศตะวันออกของเมืองหนองกระแสอย่างรีบร้อนไม่พิธีพิถันเอาเสร็จเข้าว่า แม่น้ำจึงคดเคี้ยวเลี้ยวไปมาตามแนวภูเขา จึงเรียกชื่อว่า "แม่น้ำโค้ง" ต่อมาเพื้ยนเป็น "แม่น้ำโขง"

       ส่วนพญาสุวรรณนาคผู้ผู้ใจเย็นสุขุมลุ่มลึก พาไพล่พลสร้างแม่น้ำมุ่งไปยังทิศใต้ของเมืองหนองกระแส โดยตั้งใจสร้างอย่างพิถีพิถันเป็นเส้นตรง เพื่อย่นระยะทางในการสร้าง แม่น้ำสายนี้จึงเรียกชื่อว่า "แม่น้ำน่าน"

       ผลของการสร้างแม่น้ำแข่งกันในครั้งนี้ ปรากฎว่าพญาศรีสุทโธนาคเป็นฝ่ายชนะ พญาแถนจึงปล่อยปลาบึกซึ่งเป็นปลาน้ำจืดขนาดใหญ่ที่สุดลงในแม่น้ำโขง และเป็นแม่น้ำสายเดียวเท่านั้นที่มีปลาบึกอาศัยอยู่จนทุกวันนี้

 

         ที่มา : วิเชียร เกษประทุม. นิทานพื้นบ้าน ชุดที่ 5 ชุดตำนาน. กรุงเทพฯ. สำนักพิมพ์พัฒนาศึกษา, 2551.

หมายเลขบันทึก: 255215เขียนเมื่อ 12 เมษายน 2009 16:21 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 20:35 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (14)

สวัสดีค่ะ

***เป็นกำไลชีวิต ที่ครั้งหนึ่งเคยอาศัยอยู่ริมฝั่งโขง

***เป็นบันทึกน่าอ่าน ขอบคุณค่ะ

มีเรื่องไม่ถูกใจ  ให้รีบเคลียร์ครับ

ไม่ได้อ่านนิทานมานานแล้ว สนุกดี

  • สวัสดีค่ะ
  • ได้รู้ตำนานแม่น้ำโขงค่ะ
  • ขอบคุณค่ะ

มีความรู้มากครับ

มีประโยชน์มาก

อยากไปชื่นชมน้ำโขงช่วงบั้งไฟพญานาค ถ้ามีโอกาสจะแวะไปเยือนค่ะ สวยงามมาก ตำนานเล่าขานน่าติดตามค่ะ

สวัสดีครับคุณ itom

แวะมาอ่านนิทาน ชอบนิทานครับ

ชอบครับอยากให้หาเรื่องอย่างนี้มาลงอีก แล้วจะติดตามอ่านนะครับ โดยส่วนตัวเป็นคนชอบเรื่องที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์อยู่แล้ว แล้วมาเจอนิทานที่อิงประวัติศาสตร์อย่างนี้ยิ่งชอบมากครับ ขอบคุณครับที่สรรหามาเล่า

  • ขอบคุณทุกๆ ความคิดเห็นที่เข้ามาร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้คะ
  • P
    กิติยา เตชะวรรณวุฒิ
    เมื่อ อา. 12 เม.ย. 2552 @ 22:45
  • P
    small man
    เมื่อ พ. 22 เม.ย. 2552 @ 15:51
  • P
    nakhongun
    เมื่อ อา. 10 พฤษภาคม 2552 @ 15:29
  • P
    pa_daeng
    เมื่อ อา. 10 พฤษภาคม 2552 @ 15:35
  •  
    ปาย [IP: 124.121.195.50]
    เมื่อ จ. 01 มิ.ย. 2552 @ 21:08
  • P
    คุณน้อยหน่า
    เมื่อ จ. 01 มิ.ย. 2552 @ 21:13
  • P
    วอญ่า-ผู้เฒ่า-natachoei--
    เมื่อ จ. 01 มิ.ย. 2552 @ 21:16
  • P
    PK
    เมื่อ พฤ. 24 ธ.ค. 2552 @ 02:51
  • มีความสุขถ้วนทุกคน เนื่องในวันปีใหม่ ปี 2552 นะคะ

ขอบ คุณมากครับ ผมกำลัง ศึกษา ยุเรย

สนใจมากครับ

  • สวัสดีคะ คุณกะต็อบ
  • มีโอกาสแวะมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ข้อมูลอื่นๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้คะ

อยากลงไปเที่ยวข้างล่างจัง

ขอบคุณค่ะน่าส่งเสริมอ่านสนุกดี

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท