ตรัสรู้พระสัมมาสัมโพธิญาณ ... (ยอดมนุษย์ พระพุทธเจ้า)


หนังสือ "ยอดมนุษย์ พระพุทธเจ้า" เขียนบทโดย นายตะวัน (อำนวย นาคกนิษฐ ป.ธ.๙) และวาดภาพโดย กฤษณารย์ (กฤษณะ อารยะประยูร) เป็นหนังสือในโครงการ "หนังสือเล่มแรกของลูก" (พระไตรปิฎกฉบับการ์ตูน)

 

ผมยืมหนังสือเล่มนี้มาจากห้องสมุดมหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นเรื่องราวของพุทธประวัติที่เขียนอธิบายสั้น ๆ มีภาพสี่สีวาดประกอบ ง่ายต่อความเข้าใจของเด็ก ๆ รวมถึงคนห่างวัดอย่างผมด้วย

ผมเลือกตอน "ตรัสรู้พระสัมมาสัมโพธิญาณ" มานำเสนอเก็บไว้ในบันทึกนี้

 

 

พระมหาโพธิสัตว์ผู้นั่งขัดสมาธิบนโพธิบัลลังก์ ครั้นไล่พญามารและเสนามารให้หนีกระเจิงไปได้แล้ว ก็ทรงมีพระทัยน้อมไปในสมาธิชั้นลึกยิ่ง ๆ ขึ้นไป

กล่าวคือทรงกำหนดลมหายใจอยู่ จนจิตตั้งมั่นบริสุทธิ์ผ่องใส ควรแก่การพิจารณาหาความจริงแล้ว จึงทรงน้อมจิตนั้นไปเพื่อระลึกถึงภพภูมิอันเคยมีอยู่ในชาติปางก่อน ก็ได้ทรงทราบตั้งแต่ชาติ ๑-๒-๓-๔-๕ ชาติเป็นต้นไปว่า "ได้เป็นมาเช่นนั้น ๆ จนถึงบัดนี้"นี้เป็นพระญาณแรก ที่ทรงบรรลุได้ในยามต้น เรียกว่า "บุพเพนวาสานุกสสติญาณ"

ต่อจากนั้นทรงน้อมจิตที่ตั้งมั่นบริสุทธิ์นั้นไปรู้ถึงการตายและการเกิดอันวนเวียนของสัตว์ทั้งหลาย ก็ได้ทรงทราบว่า สัตว์ทั้งหลาย ชั่ว ดี มีผิวงาม มีผิวทราม ถึงสุข ถึงทุกข์ ก็ล้วนแต่เป็นไปตามกรรม คือ ผู้ประพฤติชั่ว มีความเห็นผิด ประกอบกรรมทุจริต เบื้องหน้าแต่ตายมลายไปย่อมไปเกิดในทุคคติภูมิมีนรกและสัตว์เดรัจฉาน เป็นต้น ส่วนผู้ประพฤติดี มีความเห็นชอบประกอบกรรมทุจริต เบื้องหน้าแต่ตายมลายไปย่อมไปเกิดในสุคติมีมนุษย์และสวรรค์ เป็นต้น นี้เป็นพระญาณที่ ๒ ทรงบรรลุได้ในยามกลาง เรียกว่า "จุตูปปาตญาณ"

และเมื่อจวนสว่าง ทรงน้อมจิตเช่นนั้นไปรู้ในอริยสัจ ๔ ก็ได้ทรงเห็นทุกข์ เหตุเกิดทุกข์ ความดับทุกข์ ข้อปฏิบัติอันทำให้ถึงความดับทุกข์นทรงรู้ความเป็นจริงของสรรพสัตว์ และสรรพสิ่งว่าล้วนเป็นไปตามนิยามหรือกฎแห่งธรรมชาติ ๕ ประการ คือ อุตุนิยาม พีชนิยาม จิตนิยาม กรรมนิยาม และธรรมนิยาม ทำให้จิตไม่ติดในกิเลสอาสวะอีกต่อไป เหมือนใบบัวที่แม้อยู่ในน้ำแต่ไม่เปียกชุ่มน้ำ ฉะนั้น นี้เป็นพระญาณที่ ๓ ทรงบรรลุได้เมื่อจวนเจียนจะรุ่งอรุณ เรียกว่า "อาสวักขยญาณ"

การตรัสรู้เช่นนี้ หลายแสนหลายล้านปีจึงจะมีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้สักหนหนึ่ง

 

 

"สัตว์โลกเป็นไปตามกรรม" ผมเชื่อเช่นนั้นเสมอ ... ยังคงกรรมหลายวาระที่ผมเคยได้กระทำทั้งชาตินี้และชาติที่ผ่านมานานแสนนาน เข้ามาให้ผมต้องชดใช้มากมาย ... ผมยอมรับกรรมนั้นทั้งหมด ผมเพียรที่จะทำกรรมดีทั้งกายกรรม วจีกรรม และมโนกรรม ... เจ้ากรรมนายเวรของผม ขอจงเอาอโหสิกรรมซึ่งกันและกัน ... ผมยังยืนยันขอเพียรทำกรรมดีต่อไป

บุญรักษา ทุกท่าน

 

 

แหล่งอ้างอิง

อำนวย นาคกนิษฐ และ กฤษณะ อารยะประยูร.  ยอดมนุษย์ พระพุทธเจ้า.  พิมพ์ครั้งที่ 2. 

           กรุงเทพฯ: สื่อตะวัน, 2550.

 

หมายเลขบันทึก: 252275เขียนเมื่อ 31 มีนาคม 2009 17:49 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 20:31 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (12)

สวัสดีค่ะ

ขอบคุณน่ะค่ะอาจารย์

โชคดีมีความสุขค่ะ

สวัสดีค่ะอาจารย์

คนเขียนเก่งนะค่ะ ตั้งชื่อเรียกความสนใจได้ดีมากเลย เห็นชื่อหนังสือครั้งแรกสะดุดเลยค่ะ

สี่ก็เชื่อในกรรมนะ สี่เชื่อว่าเรื่องบางเรื่องเราเป็นคนกำหนดเอง ซึ่งผลพวงของเรื่องต่างๆ มาจากกรรมดีกรรมเลวที่เราทำในปัจจุบัน

และคนหลายๆ คนมีกรรมเก่าร่วมกัน ผลของกรรมจึงนำมาพบกัน แต่ปัจจุบันหลังจากพบกันแล้วเป็นผลของกรรมที่มาจากการกระทำในปัจจุบันนั่นเอง

อาจารย์ งง ไหมค่ะ อธิบายความรู้สึกความเชื่อเป็นตัวอักษรนี่ยากจังเลยค่ะ

ขอบคุณค่ะ

ทุกคนมีกรรมเป็นแดนเกิด ขอบพระคุณมากครับ

ไม่งงครับ น้อง สี่ซี่ ... :)

เช่นเราได้มีโอกาส "สุนทรียสนทนา" กัน ก็หมายถึงว่า เรามีกรรมร่วมกันอยู่ครับ ... ใช่ไหมครับนั่น

ขอบคุณครับที่แวะมางงด้วยกัน 555

ขอบพระคุณท่าน ผอ. บวร เช่นกันครับ ... มนุษย์เกิดมาเพื่อทำความดีครับ โดยไม่ต้องปิดศาลากลาง (อ้าว เรื่องเดียวกันไหมเนี่ย)

มนุษย์มีกรรมเป็นของตัวเอง

เคยสังเกตดูคนรอบข้างค่ะ

เราดูว่าเขาน่าจะมีความสุข เพียบพร้อมไปทุกอย่างทั้งทรัพย์สินเงินทองและก็ขยันทำบุญทำทานเป็นประจำ

แต่กลับไม่ได้มีความสุขอย่างที่คิด เพราะโรคภัยไข้เจ็บรุมเร้าอยู่ตลอดเวลา

นอกจากนั้นคนในครอบครัวก็ยังทำให้เดือดเนื้อร้อนใจอยู่ร่ำไป

มีคนพูดว่าน่าจะเป็น  กรรมเก่า ที่เขาทำไว้ เลยมาชดใช้ในชาตินี้

หลังจากที่เขาชดใช้กรรมเก่าหมดแล้ว ชีวิตน่าจะดีขึ้นนะ

กรรมเก่า กรรมใหม่ จะมีจริงหรือไม่  เราก็หมั่นเพียรทำกรรมดีกันไว้ให้มากๆนะคะ

                      คำสั่งสอนของพระพุทธองค์เป็นกรรมดีค่ะ

 

 

 

สาธุ สาธุ สาธุ ครับ คุณครูจุฑารัตน์ NU 11 :)

เพียรทำความดีกันเถอะครับ :)

ตามมาสาธุค่ะ

แล้วใครจะบอกได้บ้างค่ะ

ว่า..เมื่อไหร่จะใช้กรรมหมดสักที

การที่ไม่ต้องชดใช้กรรมแล้ว คือ "นิพพาน" ครับ คุณ ครูเอ :)..

ตราบใดที่เรายังต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในทุก ๆ ชาติ เรายังคงต้องทำกรรมดี ละเว้นกรรมชั่วไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะหมดการชดใช้

อยากให้กำลังใจนะครับ ... คิดที่เด็กน้อยคนหนึ่งที่ตาแป๋วอยู่ที่บ้านไงครับ ... สู้ สู้ ครับ :)...

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท