แมลงวันตา อันตราย ก่อโรคถึง 36 ชนิด


แมลงวันน่ากลัวกว่าที่คิด

เผยผลวิจัย แมลงวันตา ระบาดในไทย ตัวเล็กกระจิดริดแต่พิษสงร้าย ชอบตอมแผล ดูดกินน้ำเลือด น้ำหนอง สารคัดหลั่งจากคนและสัตว์ ทำให้แผลหายยาก นักวิทยาศาสตร์ ตรวจพบแบคทีเรียก่อโรคถึง 36 ชนิด หวั่นตอมตาคนป่วยตาแดงแพร่เชื้อ เผย สายพันธุ์ที่ตรวจพบกินเหยื่อทั้งตัวผู้ตัวเมีย แนะประชาชนกำจัดสิ่งห้อยแขวนในบ้านเรือน จำพวกหยากไย่ ใยแมงมุม

 

 

          ที่อิมแพ็คชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี เมื่อวันที่ 21 มี.ค. ดร.อุรุญากร จันทร์แสง นักวิชาการวิทยาศาสตร์การแพทย์ ระดับชำนาญการพิเศษ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พร้อมคณะได้นำเสนอผลงานวิจัย เรื่อง การศึกษาพฤติกรรมของแมลงวันตา และศักยภาพในการก่อให้เกิดโรคกับคนในประเทศไทย

 

          โดย ดร.อุรุญากร กล่าวว่า แมลงวันตา หรืออาย ฟลาย (eye fly) เป็นแมลงขนาดเล็กประมาณ 1 - 2 มิลลิเมตร มีสีดำ แต่ละพื้นที่จะเรียกชื่อแตกต่างกัน เช่น ภาคใต้เรียก แมงโลม ภาคอีสาน เรียกแมลงหวี่ ทั้งที่เป็นคนละชนิดกับแมลงหวี่

 

          โดยแมลงดังกล่าวมักเกาะอยู่ตามสิ่งห้อยแขวน เช่น เชือกพลาสติก เชือกไนลอน หยากไย่ ใยแมงมุม โมบายเก่าๆ หรือแม้แต่สายไฟ พบแพร่กระจายทั่วไปและระบาดมากในบางพื้นที่ โดยชนิดที่พบในประเทศไทย คือ ไซปันคูลินา ฟูนิโคลา (Siphunculina funicola)

 

          ดร.อุรุญากร กล่าวต่อว่า แมลงวันตาก่อให้เกิดปัญหาทางสาธารณสุขกับประชาชน จะออกหากินในเวลากลางวัน พอพระอาทิตย์ตกดินก็จะหยุด ตอนกลางคืนจะเกาะอยู่ตามสิ่งห้อยแขวนทำให้มองเห็นสีดำเต็มไปหมด ที่ผ่านมามีการรายงานพบแมลงชนิดนี้ในต่างประเทศ แต่ยังไม่มีรายงานการศึกษาเรื่องนี้ในประเทศไทย ตนและคณะจึงได้ร่วมกันศึกษา พบว่าแมลงวันตาไม่ทำร้ายคนโดยการกัด แต่จะดูดกินสารคัดหลั่งจากคน และสัตว์เลี้ยง เช่น สุนัข แมว วัว

 

          โดยเฉพาะบริเวณที่มีเนื้อเยื่ออ่อนๆ เป็นอาหาร รวมถึงบริเวณที่เป็นแผล มีน้ำเลือด น้ำเหลือง หนอง น้ำลูกนัยน์ตา ปัญหาคือ ในต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา แมลงวันตาสายพันธุ์เดียวกันที่ดูดกินสารคัดหลั่งต่างๆ เป็นตัวเมียเท่านั้น แต่สายพันธุ์เดียวกันในประเทศไทยพบว่า ทั้งตัวผู้และตัวเมียล้วนกินเหยื่อ

 

          แผลที่แมลงวันตาเข้ามาดูดกินเลือด และน้ำเหลือง จะเป็นแผลเรื้อรัง รักษาไม่หายขาด หากเป็นช่วงที่มีการระบาดของโรคตาแดง แล้วแมลงวันชนิดนี้ไปกินสารคัดหลั่งที่ลูกนัยน์ตาของคนป่วย แล้วไปเกาะกินสารคัดหลั่งจากคนอื่นๆ อีก ก็อาจจะทำให้โรคตาแดงระบาดได้ ทั้งนี้ เมื่อเก็บตัวอย่างเชื้อแบคทีเรียจากแมลงวันตาที่มาตอมแผล ตอมร่างกาย และจากสิ่งห้อยแขวนที่มัน เกาะอยู่ พบแบคทีเรียทั้งหมด 64 ชนิด ซึ่ง 36 ชนิดเป็นแบคทีเรียชนิดที่มีความเสี่ยงในการก่อโรคในระดับที่ 2 ตามประกาศของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ซึ่งปกติแบคทีเรียก่อโรคจะมีระดับความเสี่ยงอยู่ 4 ระดับ ระดับ 4 เสี่ยงสูงสุดแล้ว ลดหลั่นลงไป แต่แบคทีเรียที่พบในแมลงวันตาอยู่ในระดับที่ 2 เช่น เอนเทอโรค็อกคัส สูโดโมนาส สแต็ปโตค็อกคัส สแต็ปฟิโลค็อกคัสดร.อุรุญากร กล่าว

 

          หัวหน้าทีมวิจัยฯ กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมา ตนและคณะลงไปสำรวจแมลงวันตาในหลายพื้นที่ เช่น อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ภูเก็ต กระบี่ สุราษฎร์ธานี เนื่องจากแมลงชนิดนี้ไปก่อความรำคาญให้ผู้ใช้บริการรีสอร์ท สนามกอล์ฟ ส่วนในกรุงเทพฯ พบแมลงวันชนิดนี้เช่นกันแต่น้อยกว่า อาจเป็น เพราะสถานที่ไม่อำนวย ไม่ค่อยมีที่ห้อยแขวนให้แมลงวันตาเกาะ

 

          สำหรับคนที่ต้องระวังคือ คนที่เป็นแผลตามร่างกาย เป็นโรคผิวหนัง โดยเฉพาะ เด็กๆ ต้องระวังไม่ให้แมลงวันตาตอมแผล เพราะเชื้อแบคทีเรียในตัวแมลงวันตาอาจจะเข้าไปที่แผล ทำให้แผลหายยาก ข้อแนะนำ คือ ควรกำจัดสิ่งห้อยแขวนที่อยู่ตามบ้านเรือน เช่น เชือก หยากไย่ ใยแมงมุม อย่างถูกวิธี ซึ่งหากพบแมลงชนิดนี้ ให้ใช้ยาฆ่าแมลงฉีดกำจัดได้

 

          อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ต้องศึกษาต่อไป คือ แหล่งเพาะพันธุ์ของแมลงวันตา เพื่อจะได้ทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ไม่ให้แพร่ระบาด นอกจากนี้คงต้องศึกษาว่า แบคทีเรีย 36 ชนิดที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคนั้นเสี่ยงอย่างไรบ้าง

 

 

คำสำคัญ (Tags): #ภัยจากแมลงวัน
หมายเลขบันทึก: 251807เขียนเมื่อ 29 มีนาคม 2009 22:29 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 20:31 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

แฮะๆๆน่ากลัวจังค่ะ

แค่แมลงตัวเดียวทำไมถึงเกิดโรคเยอะจัง

เป็นสิ่งที่น่ารู้มากเลย

เราสามารถระมัดระวังได้ด้วย

น่ากลัวจัง

โรคเยอะมากๆเลย

ต้องคอยระวังซะแล้ว !!!

แมลงวันทำให้เป็นโรคได้หลายโรค ระวังด้วยนะค่ะ

  1. แมลงวันตา 30ตัวกัดแผลเร
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท