เกษตรกรหันมาปลูกนาข้าวกันมาก

ระวังข้าวล้นตลาด

         สวัสดีครับท่านผู้อ่านที่เคารพทุกท่านที่ได้ติดตามอ่านบทความของผม

ด้วยดีเสมอมา วันนี้ผมจะมาเขียนเรื่องที่น่าดีใจครับคือเวลานี้เกษตรกรของเราได้

หันมาปลูกนาข้าวกันมากขับรถไปทางไหนในภาคกลางก็ปลูกนาข้าวกันมาก ก็ขอ

ให้ปลูกกันให้มากเข้าไว้ ถ้าเหลือบริโภคภายในประเทศแล้วก็ต้องหาตลาดส่งออก

ให้เร็วที่สุด เพราะผมกลัวถึงเวลาเก็บเกี่ยวแล้วข้าวต้องล้นตลาด เมื่อถึงเวลานั้นก็

จะต้องปั่นป่วนแน่เพราะไหนจะถูกกดราคาจากพ่อค้าคนกลาง เกษตรกรไม่พอใจ

ก็ต้องปิดถนนเพื่อให้รัฐบาลประกันผลผลิตราคาข้าวอีก ต้องรีบแก้ไขด่วนนะครับ

อย่ารอให้ถึงเวลานั้นแล้วค่อยแก้ปัญหา สู้รีบเตรียมแก้ปัญหาก่อนไม่ดีกว่าหรือ

เพราะเรามีตัวอย่างมาแล้ว ผมเคยเขียนไว้ในบทความของผมไว้ว่าการ

เกษตรกรรมกับอุตสาหกรรมมัน ต่างกันอย่างไร อุตสาหกรรมได้นำวิวัฒนาการ

ด้านเทคโนโลยี่เข้ามาร่วมทำงานจึงทำงานได้เร็วสินค้าต่างๆล้นตลาดเร็ว เมื่อถึง

จุดอิ่มตัวคนงานก็ต้องตกงานสู้ภาคเกษตรกรรมไม่ได้เพราะทำไปตามฤดูกาลของ

ธรรมชาติจึงพอดีกับความต้องการของตลาดไม่ตกใจเหมือนภาคอุตสาหกรรม ถ้า

สินค้าล้นตลาดคนงานโรงงานจะเดือดร้อนทันที ฉะนั้นขอให้ผู้ที่เคยทำงานโรงงาน

รีบเปลี่ยนแนวความคิดใหม่นะครับ ตอนนี้ก็ยังไม่สายเพราะที่ดินที่ว่างเปล่าของ

พ่อแม่พี่น้อง มรดกตกทอดก็มีอีกมากมายก็เอาที่ดินนั้นๆมาทำกินกันดีกว่า ที่จะ

เดินทางมาหางานเป็นหนุ่มสาวโรงงานกันนะครับ ผมคิดว่าไม่นานนี้ผืนดินของ

ประเทศของเราจะต้องถูกพัฒนามาเป็นผืนดินการเกษตรกันมากแน่ๆเพราะเป็น

อาชีพที่ยั่งยืนอย่าคิดว่าเมื่อเราเรียนจบ ปริญญาตรี มาแล้วต้องรับราชการทำงาน

หรูๆ ผมว่าคิดผิดนะครับ สู้จบปริญญามาแล้วนำความรู้ที่เราได้เรียนมาสูงนั้นนำ

ความรู้นั้นมาพัฒนาผืนดินด้านเกษตรไม่ดีกว่าหรือ ก็ขอให้กันช่วยคิดนะครับ

เพราะประเทศที่พัฒนาไม่จำเป็นที่จะต้องมีโรงงานอุตสาหกรรมหลายๆโรงงานอัน

นั้นผมคิดว่าคิดผิดมาก เพราะโรงงานอุตสาหกรรมทำให้เกิดมลพิษมากมาย ทำให้

สิ่งแวดล้อมเป็นพิษด้วยอย่างนี้จะดีหรือ แต่นี่ผมก็ดีใจแล้วครับที่บ้านเราแทบทุก

จังหวัดเริ่มมาพัฒนาที่ดินทำกินกันมากขึ้น

                  สุดท้ายนี้ผมขอเอาใจช่วยท่านที่กำลังปรับชีวิตเสียใหม่ พื้นที่ที่ว่าง

เปล่าของตัวมาใช้ให้เป็นประโยชน์ ขอให้ทุกท่านจงโชคดีครับไว้วันพรุ่งนี้ผมจะมา

เขียนเรื่องการเรียนฟรีเพิ่มเติม เพราะผมเป็นผู้แนะนำไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่าต้องให้

ทุกคนเรียนฟรีถึงระดับปริญญาตรี แต่ที่นำมาปฏิบัตินั้นผิดวัตถุประสงค์ที่ผมเคย

เขียนไว้เมื่อปี 2543 ก่อนแล้วและก็ถกปัญหาเรียนฟรีกันมากซึ่งไม่ใช่เรื่องยาก

เลยแต่เอาของผมไปใช้โดยที่ไม่ขอคำแนะนำจากผมเลย จึงมีปัญหาที่ยังแก้ไม่

ตก พรุ่งนี้ครับผมจะเข้ามาเขียนบอกให้ฟังและก็ยังมีอีกหลายเรื่องครับที่ผมจะ

ต้องแนะนำ จากเสียงเล็กๆของผม แต่นำไปใช้แล้วมีประโยชน์จริง

สำหรับวันนี้สวัสดีครับ

จาก แก้ว สาริกา