ช่วงหลายๆ วันที่ผ่านมานี้ได้ทบทวนแบบใจนิ่งนิ่ง... ถึงความโชคดีที่ได้พบเจอผู้คนมากมายในชีวิต ได้ทำความรู้จัก และได้เรียนรู้... ทุกคนต่างเป็นครูได้เข้ามาให้มีโอกาสสร้างบารมีมากมาย ได้มองเห็นภาพตนเองภายในอย่างชัดเจน...
จากบท"พุทธวัจน์" ที่กล่าวถึงความโชคดีของการมีกัลยาณมิตรที่ว่า...
"ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ความมีมิตรดี ความมีสหายดี ความมีเพื่อนผู้แวดล้อมดี นี้เป็นกึ่งหนึ่งของพรหมจรรย์พระเจ้าข้า"...
"เมื่อเป็นผู้มีมิตรดี มีสหายดี มีเพื่อนผู้แวดล้อมดี เธอนั้นจักทำอริยมรรคมีองค์แปดให้เจริญได้ จักกระทำให้มากซึ่งอริยมรรคมีองค์แปด"...
...............................
น้อมกลับมาสู่ตนเอง...
และอยากบอกกล่าว....ต่อผู้คนที่ผ่านเข้ามาในชีวิต
อย่าได้เคลือบแคลงสงสัยในเจตนาที่เรามีต่อกันเลย ในความสัมพันธ์ภายใต้โอกาสของการได้มีปฏิบัติสัมพันธ์มีแต่ความปรารถนาดีอยู่เสมอ ไม่เคยที่คิดอยากจะได้อะไรจากภายใต้ความสัมพันธ์นั้น โปรดอย่าได้แปลเจตนาแห่งความสัมพันธ์นั้นผิดเพี้ยนไป ... ฤาว่าหากจะผิดเพี้ยนเบือนไปแล้ว อยากให้น้อมใจลงเบาเบาพิจารณา...สภาวะแห่งการได้สัมพันธ์กันและกัน...
ไม่มีความร้ายให้ได้ต้องทุกข์หรือว่าทุกข์ก็เป็นเพียงแค่ทุกข์ขัดใจ ทุกข์ที่ไม่ตามใจ ภายใต้แห่งทุกข์ที่ขัดใจหรือไม่ตามใจนั้น เพียงเพื่อได้มองเห็นประโยชน์และคุณที่จะเกิดมาจากการที่ขัดใจหรือไม่ตามใจมากกว่า อันเป็นสภาวะแห่งความเสี่ยงที่จะทำให้โอกาสแห่งการสูญเสียมิตรภาพเกิดขึ้นได้
หลายครั้งต่อหลายครา..
ที่เสมือนนำพาเข้าสู่สภาวะเสี่ยง เพื่อแลกกับปรากฏการณ์ให้เกิดความถูกต้องภายใต้เจตนาที่ดีงามต่อบุคคลและสรรพสิ่งที่เราได้มีสัมพันธภาพด้วย และหลายครั้งต่อหลายครั้งเช่นเดียวกันที่ถูกให้เกิดเป็นสภาวะแห่งความเข้าใจผิดและเคืองต่อสภาวะแห่งการกระทำนั้น แต่สำหรับข้าพเจ้าก็ยังคงยึดมั่นอยู่ในเจตนาเดิมอย่างมั่นคง... "คือ ความสัจจะที่มีต่อเจตนาที่ดีงามต่อสรรพสิ่งที่เราได้มีโอกาสสัมพันธ์ด้วย"
นั่นง่ายๆ...ก็คือ "จริงใจอย่างไร้รูปแบบ"
ซึ่งความจริงใจ ไม่ได้หมายถึงเราต้องตามใจ หรือเห็นเออออห่อหมกไปตามที่บุคคลที่เราสัมพันธ์ด้วยเสมอไป บางครั้งสภาวะการได้เตือนทำให้เกิดเป็นความขัดเคืองใจ แต่เราก็ยอม...แลก..
และหลายครั้งอีกเช่นเดียวกัน...เจตนาถูกแปลงสภาพเป็นความเข้าใจผิด แต่เมื่อเราแจงเจตนาให้เข้าใจถูกกลับกลายเป็นความโกรธและไม่พอใจ
แต่...ท่ามกลางเหตุต่างๆ เหล่านี้ สิ่งที่ทำให้ดำรงอยู่ได้ก็คือ "เจตนาที่ดีที่เรามี"
เพื่อน...จะหายโกรธหรือไม่หายโกรธ...
ในสภาวะภายในของเราเอง...ยังคงไว้ซึ่ง "ความปรารถนาดี" อยู่เสมอ...
เหมือนที่ครูบาอาจารย์ท่านเมตตาให้แนวคิดที่ว่า
"เรานั้นไม่จำเป็นต้องวิ่งตามกิเลสของใคร" หากการได้ช่วยใคร อยู่ที่เจตนาของเรา...ผลจากการที่ได้ช่วยจะเป็นเช่นไร ก็ไม่ได้ทำให้เจตนาของเรานั้นเพี้ยนไปได้ เพราะเรารู้เราว่าเราตั้งเจตนานั้นไว้อย่างไร...
--------------------------------
ในบางสภาวะความเข้าใจจะเกิดขึ้นได้ต่อเมื่อใช้ใจสัมผัส...
และวันใดที่ใจเบาลง วันนั้นสภาวะแห่งความเข้าใจย่อมเกิดขึ้น...
สำคัญที่ "ใจ".... เจตนานั้นก็มาจากใจดวงเดียวกันที่เราประคองไว้ ขัดเกลาไว้นี่แหละค่ะ...
ผัสสะ... ในระดับ "มโนวิญญาณ" และที่ละเอียดกว่ามโนวิญญาณนี่แหละผลักไสให้เรากระทำเจตนาทั้งดีงามและ..ตรงกันข้าม ขึ้นกับเราจะบ่มเพาะไปในทิศทางใดเท่านั้นเอง
ขอบคุณ Mr.Direct ที่แวะมาร่วมพูดคุย
(^___^)
"กัลยาณมิตร"
พระพุทธองค์ตรัสสรรเสริญการมีมิตรที่ดี
เป็นหนึ่งในหลายๆ ข้อที่พระองค์ได้เน้นซ้ำแล้วซ้ำอีก
ทรงตรัสว่าเราควรที่จะมองหาการสมาคมกับเพื่อนที่ดี
เพื่อนที่ดีหรือกัลยาณมิตร หมายถึง...บุคคลที่สูงกว่าเราทางศีลธรรม และจิตวิญญาณ หรืออย่างน้อยก็เสมอกับเรา
เราควรจะมีเพื่อนผู้ดลใจเราให้พัฒนาสิ่งที่ดีในตัวเราและควรหลีกเลี่ยงเพื่อนเลวหรือบุคคลที่จะมีอิทธิพลกับเราในทางลบให้มากที่สุดเท่าที่เป็นได้...
------------
หน้า 218
Reflections on a Mountain Lake
Ani Tenzin Palmo
เป็นปรากฏการณ์ "ร่วมทุกข์ > ร่วมสุข"...แต่สิ่งที่ได้กลับมาช่างมหาศาล .. คือ ปัญญาแห่งการเรียนรู้ นำไปสู่สภาวะใจเบาเบา...