บวชให้แม่ (ที่วัดพระราม ๙) ตอนที่ ๖ ถึงเวลาโกนผมเป็นนาค


ผมเอามือลูบหัวเตียนๆ ไม่เหลือเส้นผมแม้แต่เส้นเดียว รู้สึกโล่งๆ หวิวๆ แต่ไม่แสบหัวเหมือนที่มีบางคนเตือนไว้ (มีนาคบางรูปบอกว่าแสบหัวเหมือนกัน)

วันอุปสมบท  ๔ มกราคม ๒๕๕๒ ผมไปถึงวัดตอน ๙ โมงเช้าตามเวลาที่พระนัด พบกับหลวงพี่ริน เพื่อกรอกใบขอบรรพชาอุปสมบทอีกใบหนึ่ง ในใบนี้จะมีคำถามว่า ผู้ขอบวชเคยติดคุก เป็นหนี้ เป็นผู้พิการ ฯลฯ ซึ่งเป็นข้อห้ามของผู้จะบวชเป็นภิกษุสงฆ์หรือไม่  ก็แน่นอนว่าต้องกรอกว่า ไม่ ทุกช่อง (เข้าใจว่าบางวัด นาคต้องเตรียมใบรับรองแพทย์มาแสดงเป็นหลักฐานให้ทางวัดดูด้วย)

                จากนั้นก็เป็นเวลาที่ญาติๆ จะปลงผมให้  เป็นการตัดปลายผมพอเป็นพิธี ส่วนการโกนจนหัวโล้นเตียนนั้นต้องให้พระท่านโกนให้ 

พอญาติผู้ใหญ่มากันพร้อมหน้าแล้ว ผมก็นั่งถือพานที่วางใบบัวสำหรับใส่ปอยผมที่ถูกตัด  ป่าป๊าใช้กรรไกร (งานนี้เตรียมกรรไกรใหม่เอี่ยมมาเลย) ตัดผมให้เป็นคนแรก  จากนั้นก็เป็นญาติผู้ใหญ่ลำดับถัดๆ ไป  ญาติบางคนกล่าวให้พรไปด้วยขณะตัดผม  บางคนก็ตัดเฉยๆ  ระหว่างนั่งถือใบบัว ผมตั้งสติระลึกถึงม่าม๊าขอให้ม่าม๊ามาตัดผมให้ด้วย และขอบพระคุณญาติทุกคนที่มีเมตตาจิตต่อผม 

                ผมบนศีรษะถูกตัดจนแหว่ง บนใบบัวมีปอยผมกระจัดกระจาย ในใจนึกว่าเดี๋ยวหัวจะโล้นแล้ว  สำรวจจิตใจตนเองก็ยังรู้สึกมั่นคงดี ไม่เสียดาย ไม่ว่อกแว่ก  อยากไปโกนผมเป็นนาคให้เรียบร้อยเลยเสียด้วยซ้ำ   ผมจึงเดินถือพานใบบัวไปหาพระผู้ใหญ่ให้โกนผมที่ตรงบริเวณกุฎิ

ก่อนจะโกน ต้องเอาน้ำลูบผมและใส่ยาสระผมให้ชุ่มๆ เป็นฟอง เพื่อให้โกนง่ายๆ   พระบอกให้ผมนั่งตรงๆ อย่าขยับ  ผมกลัวหัวจะโดนบาดก็เลยนั่งนิ่ง  แต่ก็นึกเสียวอยู่เหมือนกันว่าหัวจะโดนมีดบาดหรือไม่  ปรากฏว่าพระท่านใช้ใบมีดโกนโกนผมให้ด้วยความชำนาญและรวดเร็วยิ่ง แผล็บเดียว ไม่ทันตั้งตัวก็โกนผมโกนคิ้วเสร็จเรียบร้อย   ระหว่างที่ถูกโกนนั้น ผมก็ตั้งอธิษฐานจิตบอกแม่ว่าลูกจะเป็นนาคแล้วนะ 

ผมเอามือลูบหัวเตียนๆ ไม่เหลือเส้นผมแม้แต่เส้นเดียว รู้สึกโล่งๆ หวิวๆ  แต่ไม่แสบหัวเหมือนที่มีบางคนเตือนไว้  (มีนาคบางรูปบอกว่าแสบหัวเหมือนกัน)

เพิ่งรู้ว่าความรู้สึกของคนหัวโล้นก็เป็นแบบนี้เอง มันเบาๆ ดี 

ลูกเอากระจกให้ส่องก็มองเห็น “คนแปลกหน้า” อยู่ในกระจก  (แต่ตอนนี้หลังสึกแล้ว ขณะที่เส้นผมบนหัวกำลัฟูขึ้นทุกวัน ผมกลับรู้สึกอยากไปโกนให้มันสั้นๆ เพราะรู้สึกรำคาญผมเสียแล้ว)

เส้นผมทั้งหมดที่ตัดแล้วกองอยู่บนใบบัว  ภายหลังพิธีอุปสมบท  ภริยาผมได้นำไปลอยที่แม่น้ำเจ้าพระยา 

ผมไปอาบน้ำแล้วเปลี่ยนเป็นชุดนาคสีขาว รู้สึกตัวว่าต้องสำรวมกิริยาท่าทาง  จะทำอะไรที่ดูเล่นๆ คงไม่เหมาะ  พยายามสำรวม รักษาความสะอาด ความสงบ ให้สมกับชุดนาคที่สวมอยู่  พอได้เวลาใกล้บ่ายโมงครึ่งผมก็เดินนำขบวนญาติและเพื่อนฝูงไปที่พระอุโบสถ

                 สำหรับที่วัดพระราม ๙ นี้ ไม่อนุญาตให้มีขบวนแห่นาคแต่อย่างใด หรือการเดินวนรอบพระอุโบสถก็ไม่นิยม   ส่วนการโปรยทานนั้นสามารถทำได้  ซึ่งพี่สาวผมได้จัดเตรียมเหรียญ ๑ บาทห่อด้วยริบบิ้นเป็นรูปดอกบัวไว้ให้ผมโปรยทาน  

ผมยืนโปรยทานตรงบันไดก่อนเข้าประตูโบสถ์ มีผู้มาร่วมส่งนาคยืนรอรับกันเพียบ  นาคเกือบทุกรูปโปรยทานกันหมด  ผมโปรยเป็นคนแรก ได้ยินเสียงตะโกนกำกับมาตลอดว่าโปรยทางนี้บ้างทางโน้นบ้าง ดูออกจะสับสน แต่ในใจผมก็พยายามตั้งจิตขอแผ่ทานให้แก่ทุกคน

                โปรยหมดผมก็หันหลังเดินเข้าโบสถ์ ผละจากเสียงวุ่นวายของการโปรยทานไว้เบื้องหลัง เข้าสู่ความเงียบสงบภายในพระอุโบสถ  ข้างขวาของผมมีพ่อและพี่สาวจับแขนพาผมก้าวข้ามธรณีประตู  ข้างซ้ายมีแม่ยายจับแขน  ภริยาและลูกเดินตามเข้ามาข้างหลัง

หมายเลขบันทึก: 241336เขียนเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2009 23:36 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 มิถุนายน 2012 01:20 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท