หนทางแก้ความซับซ้อน... คือ ความง่าย ง่าย นั่นเอง
นั่นก็คือ ความธรรมดา...ความเป็นธรรมดา
ความเป็นธรรมดา ก็คือ ธรรมะ... "ธรรมชาติ"
และ...ก็เป็นเฉกเช่นนั้นเอง
--------------------------------------------------
สภาวะคลิกอะไรบางอย่าง เกี่ยวกับกลไกที่มนุษย์ใช้กัน และพอกพูนอย่างมากมายในจิตใจ จนบางครั้งเราหลงติดในกับดักนั้นของตนเอง อย่างไม่รู้ตัว ทำให้เราในบางครั้งใช้กระบวนการของการเป็นผู้สืบเสาะไปสืบเสาะในเรื่องราวต่างๆ มากมาย ... ซึ่งบางครั้งก็ดูเหมือนจะไม่มีความจำเป็นอะไรเลย
เพียงเพื่อสนอง...ความอยากรู้ของเรา
หากแต่ในเส้นทางมรรควิถีที่นำไปสู่สภาวะแห่งความเบาสบายทางจิตใจนั้น สิ่งเหล่านี้ไม่จำเป็น ... แทนที่เราจะสืบเสาะในสิ่งต่างๆ ...เปลี่ยนมาน้อมนำตนเองให้สืบเสาะภายในตนเองแทน ว่าทำไมเราจึงอยากสืบเสาะเรื่องราวต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะเรื่องที่ไม่ได้จำเป็นต่อวิถีชีวิตของเราเลย เพราะเป็นเพียงเรื่องโลกธรรมเท่านั้นเอง
เช่น... เราอยากรู้เรื่องราวของคนนั้น คนนี้ เขาทำอะไร ดีหรือชั่ว เจ๋งหรือไม่เจ๋ง..หรืออะไรต่างๆอีกมากมายแต่...เราเปลี่ยนมาสืบเสาะภายในตนเองแทนว่า... ทำไมเราถึงอยากรู้เรื่องของคนอื่น หากไม่รู้จะเป็นไรไหม หรือรู้แล้วเกิดประโยชน์อะไร หรือเพียงแค่สนองการอยากรู้เท่านั้น ... แต่ภายใต้การสนองความอยากรู้นั้น ... หารู้ไม่ว่าเราได้สูญเสียสิ่งต่างๆ มากมาย เป็นต้นว่า... "ความไว้วางใจ" ... บุคคลที่ถูกเราสืบเสาะนั้นเขาจะเสียความรู้สึกไหม สูญเสียในศรัทธา...ที่เขามีต่อเราไหม...นี่เป็นคำถามที่อยากให้ผู้ที่ชอบสืบเสาะเรื่องราวต่างๆ ได้ถามตนเอง...
คุณค่า...ของการดำรงอยู่ของชีวิตของเราคืออะไร
ความเรียบง่าย หรือความยิ่งใหญ่...ที่เป็นเปลือกห่อหุ้มเราอยู่ ซึ่งเปลือกที่ว่านั้น เราหลงผิดคิดไปว่าคือ ที่ทีปลอดภัย อันเป็นเกาะห่อหุ้มทางจิตใจ แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่เลย... เปลือกที่เราใช้มาห่อตัวเรา อันเป็นโลกธรรมนั้น...บางครั้งช่างทำให้เราอึดอัด แน่นจนหายใจไม่ออก บางครั้งเราอาจจะขาดใจตายจากเปลือกที่เรานำมาห่อหุ้มตัวเราเอง...
หนทางแห่งความธรรมดาและความเรียบง่าย... แม้ว่าอาจดูเหมือนไม่ปลอดภัย หากพิจารณาจากตานอก แต่จริงๆแล้ว สภาวะแห่งความธรรมดานี่แหละนำพาให้เราสามารถเผชิญต่อพายุ ... ภัยต่างๆ ในวิถีแห่งการดำรงอยู่ได้อย่างเยี่ยมยอด...
ทุกรูปแบบ...บนเส้นทางการก้าวเดิน...
ไม่มีคำว่าอันตราย ... ที่ไม่มี เพราะความธรรมดาที่ไม่ซับซ้อนนั้น ทำให้เราสามารถจัดการกับความกลัวที่ปรากฏได้ชัดเจน เพราะแทนที่จะไปจัดการกับวัตถุหรือสิ่งที่ทำให้เรากลัว ... แต่เราเปลี่ยนมาจัดการสภาวะความกลัวภายในเราแทน ให้ความกลัวนั้นเบาบางลงจากใจเราจะดีกว่า...
เพราะการจัดการที่เยี่ยมยอดที่สุด คือ การจัดการภายในตนเอง
ดีกว่าการวิ่งวุ่นไปจัดการ...ภายนอก...
ทำใจเบาเบา...เรียนรู้สิ่งต่างๆ และเรื่องราวที่มากระทบต่อวิถีการดำรงอยู่ของเรา ด้วยความนอบน้อม การุณย์ต่อสรรพสิ่งต่าง สัมผัสสัมพันธ์ในส่วนความแง่งามของเขาหรือเธอ.. ชีวิตเราก็จะได้พบกับสภาวะปิติสุขยิ่งๆ ขึ้นมากกว่าการไปเพ่งโทษ หรือข้อด้อย ข้อชั่วของเขา...
สัมพันธ์ต่อสรรพสิ่งด้วยใจเบาเบา...ด้วยความจริงใจ
--------------------------------
สภาวะคลิก...เป็นผลึก
ในห้วงเวลาที่เหมาะสมจากบทสนทนา "กัลยาณมิตร"
Mr.Direct
11 กพ 52
อ่านแล้วทำให้ึนึกถึงหนังสือเรื่องเดินเพื่ออิสรภาพของ ดร.ประมวล เพ็งจันทร์นะครับ...
เรียบง่ายแต่งดงามครับผม...
ขอบคุณค่ะ
(^__^)
สภาวะที่ลงตัวและเหมาะสม...ทำให้นึกถึงบท"พุทธวัจน์" ที่กล่าวถึงความโชคดีของการมีกัลยาณมิตรที่ว่า...
"ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ความมีมิตรดี ความมีสหายดี ความมีเพื่อนผู้แวดล้อมดี นี้เป็นกึ่งหนึ่งของพรหมจรรย์พระเจ้าข้า"...
"เมื่อเป็นผู้มีมิตรดี มีสหายดี มีเพื่อนผู้แวดล้อมดี เธอนั้นจักทำอริยมรรคมีองค์แปดให้เจริญได้ จักกระทำให้มากซึ่งอริยมรรคมีองค์แปด"...
^__^
สาธุ ค่ะ
ใช้ความธรรมดา
สลัด คราบ แห่งความชั่วร้ายในจิตใจ
เหมือนเราคุยเรื่อง "ครอบงำ"...
ไม่ต้องอธิบายมากมาย...ถึงหมายของคำว่าครอบงำ
เหมือน...นั่งอยู่ภายใต้หลังคาครอบศรีษะเราอยู่ เมื่อเราเดินออกมาจากใต้หลังคา เราก็ไม่ได้อยู่ภายใต้การครอบนั้น...
ฉันใดก็ฉันนั้น... หากว่าซับซ้อนนักก็หยุดทำความซับซ้อนนั้นซะ แล้วความซับซ้อนนั้น...ก็หายซับซ้อนเอง
(^___^)
ชอบ" สภาวะแห่งความธรรมดา"มากคะ
ชัดเจนคะ
ธรรมดาและชัดเจนค่ะ... . แม่ต้อย
(^__^)