พุทธสังเวชนียสถาน (ตอนที่ ๑๐) สารนาถ


สารนาถ

สารนาถ สังเวชนียสถานแห่งที่3 ที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ใน มหาปรินิพพานสูตร คือที่ๆทรงยังพระธรรมจักรให้เป็นไป คือเป็นสถานที่ที่ทรงแสดงธัมมจักกัปปวัตนสูตร คือ การแสดงธรรมครั้งแรก แก่ปัญจวัคคีย์ทั้ง 5 อันมี โกณทัญญะ วัปปะ ภัททิยะ มหานามะและ อัสสชิ

  สารนาถดำรงฐานะสำคัญ นอกจากจะเป็นสถานที่ที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมครั้งแรกแล้ว ยังเป็นสถานที่ๆพระพุทธเจ้าทรงส่งพระสาวกไปประกาศ พระศาสนาด้วยพระดำรัสว่า " จรถ ภิกฺขเว จาริกํ พหุชนหิตาย พหุชนสุขาย โลกานุ กมฺปาย ฯ " เธอทั้งหลายจงจาริกไป เพื่อประโยชน์สุขของพหูชน จงประกาศพรหมจรรย์อันงามในเบื้องต้น ท่ามกลาง ที่สุด” ดังนั้นสารนาถจึงอยู่ในฐานะที่เป็นจุดเริ่มต้นแห่งการประกาศพระพุทธศาสนา หรือเป็นจุดกำเนิดขึ้นของพระพุทธศาสนานั่นเอง

การอุบัติขึ้นแห่งพระธรรม  

  สารนาถซึ่งเป็นสังเวชนียสถานแห่งที่ 3 นั้น เดิมเรียกว่า ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน อยู่ในเขตกรุงพาราณสี ณ ที่นี่ พระพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนาเป็นครั้งแรก ทรงแสดงพระธรรมคือ ธัมมจักกัปปวัตนสูตร คือพระสูตรว่าด้วยการหมุนกงล้อแห่งพระธรรม แก่ปัญจวัคคีย์ทั้ง 5 และผลแห่งการแสดงพระธรรมนี้ คือ หัวหน้าปัญจวัคคีย์ คืออัญญาโกณทัญญะ ได้ดวงตาเห็นธรรม บรรลุเป็นพระโสดาบัน คือพระอริยบุคคลชั้นแรกในพระพุทธศาสนา และทูลขอบวชเป็นพระภิกษุรูปแรก นับว่าวันนั้นเป็นวันที่เกิดพระรัตนตรัยโดยบริบูรณ์ ในวันเพ็ญ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 และเป็นที่มาของ วันอาสาฬหบูชานั่นเอง

ปฐมเทศนา - ปฐมสาวก - ปฐมแสงธรรม

  หลังจากที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้เแล้ว ที่ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ในวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 และประทับเสวยวิมุตติสุขตามจุดต่างๆ รอบๆปริมณฑลมหาโพธิ์ใหญ่นั้น เป็นเวลา 7 สัปดาห์ ในสัปดาห์ที่ 7 ประทับอยู่ ณ ต้นอชปาลนิโครธก็ทรงดำริว่า พระธรรมที่ได้ตรัสรู้นั้นลึกซึ้ง ยากแก่การที่จะสัตว์ผู้มีธุลีคือกิเลสในดวงตามากๆ จะเข้าใจตามได้ ในขั้นแรกทรงน้อมไปในอาการที่จะไม่แสดงธรรม แต่เพราะอาศัยพระมหากรุณาของพระองค์เองว่า ที่พระองค์บำเพ็ญบารมี มาตลอดสี่อสงไขยแสนกัปป์ ก็เพื่อที่จะพาหมู่สัตว์ข้ามห้วงโอฆะกันดาร ทรงดำริเช่นนี้แล้ว ครั้งนั้นท้าวสหัมบดีพรหม ผู้เป็นใหญ่ในมหาพรหม ก็ทราบพระปริวิตกของพระศาสดา จึงได้เสด็จลงมาเฝ้าเพื่อทูลอาราธนา ให้ทรงแสดงธรรม

  เมื่อท้าวสหัมบดีพรหมทูลอาราธนาดังนี้แล้ว ทรงพิจารณาสรรพสัตว์ทั้งหลายดุจดอกบัวสามเหล่า(ความตอนนี้ ไม่ปรากฏว่าทรงพิจารณาถึง 4 เหล่า ดอกบัว 4 เหล่า น่าจะมาในพระไตรปิฎกตอนอื่นมากกว่า และพระพุทธเจ้าก็อาศัย ความที่คนทั้งหลาย มีอุปนิสัยที่พอจะรับฟังพระธรรมได้ ดุจดอกบัวทั้งสามเหล่า คือบัวพ้นน้ำ บัวปริ่มน้ำบัวใต้น้ำนี่เอง จึงทรงแสดงธรรม ) จึงตกลงพระทัยที่จะแสดงธรรม ในขั้นแรกทรงพิจารณาว่า ควรจะเสด็จไปโปรดใครก่อน ก็ทรงระลึกถึง อาฬารดาบสและอุทกดาบส ผู้ทรงเป็นพระอาจารย์ของพระองค์คราวที่ยังมิได้ตรัสรู้ยังทรงเป็นผู้เที่ยวแสวงหาทางตรัสรู้อยู่ ทรงระลึกว่าทั้งสองท่านเป็นผู้มีธุลีคือกิเลสเบาบาง จะสามารถบรรลุธรรมได้เร็ว (เพราะดาบสทั้งสอง เป็นผู้ได้ฌานแล้วนิวรณ์ 5 ย่อมระงับ จิตเป็นสมาธิ ซึ่งสามารถที่จะรู้ตาม พระธรรมเทศนาที่จะทรงแสดงได้เร็ว) แต่ทรงทราบว่า ดาบสทั้งสองได้ละสังขารไปก่อนหน้านั้นแล้ว จึงได้ทรงเล็งเห็นว่าปัญจวัคคีย์ทั้ง 4 เป็นผู้ที่เคยมีอุปการะกับพระองค์ คราวที่ยังแสวงหาทางตรัสรู้และเป็นผู้ที่มีธุลี คือกิเลสในดวงตาเบาบาง ตอนนี้พำนักอยู่ที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน พระองค์จึงทรงดำริจะเสด็จไป เพื่อแสดงธรรมเทศนาโปรดปัญจวัคคีย์

  ในระหว่างทางได้พบกับอุปกาชีวก ซึ่งอุปกาชีวกได้เห็นพระอากัปกิริยาอันน่าเลื่อมใส พระพักตร์อิ่มเอิบของพระพุทธเจ้า ก็เกิดความเลื่อมใสจึงได้ถามว่าพระองค์เป็นลูกศิษย์ใคร ใครเป็นอาจารย์ของพระองค์ฯลฯ ซึ่งพระพุทธเจ้าได้ตรัสว่า

"เราเป็นผู้ครอบงำธรรมทั้งปวง รู้ธรรมทั้งปวง อันตัณหาและทิฏฐิ ไม่ฉาบทาแล้ว ในธรรมทั้งปวง ละธรรมเป็นไปในภูมิสามได้หมด พ้นแล้ว เพราะความสิ้นไปแห่งตัณหา เราตรัสรู้ยิ่งเองแล้วจะพึงอ้างใครเล่า อาจารย์ของเราไม่มี คนเช่นเรา ก็ไม่มี บุคคลเสมอเหมือนเราก็ไม่มี ในโลกกับ ทั้งเทวโลก เพราะเราเป็นพระอรหันต์ในโลก เราเป็นศาสดา หาศาสดาอื่น ยิ่งกว่ามิได้ เราผู้เดีย เป็นพระสัมมาสัมพุทธะ เราเป็นผู้เย็นใจดับกิเลสได้แล้ว เราจะไปเมืองในแคว้นกาสี เพื่อประกาศธรรมจักรให้เป็นไป เราจะตีกลองประกาศอมตธรรมในโลกอันมืด เพื่อให้สัตว์ได้ธรรมจักษุ" 

  อุปกาชีวกได้ฟังดังนั้น ก็ได้กล่าวว่าการที่พระองค์ได้ตรัสมานั้น หากเป็นจริงแล้ว พระองค์ควรจะได้นามว่า อนันตชินะ ผู้ชนะหาที่สุดมิได้ แล้วแลบลิ้นสั่นศีรษะแล้วเดินหลีกไป (อุปกาชีวก แสดงกิริยาเช่นนี้ เป็นอาการเคารพพระพุทธเจ้า ตามประเพณีอินเดีย การสั่นศีรษะเป็นการยอมรับ การแลบลิ้นเป็นประเพณีธิเบต ถือเป็นการแสดงความเคารพอย่างยิ่ง แสดงว่าอุปกาชีวกต้องเลื่อมใสพระพุทธเจ้าเป็นแน่ และเป็นอุปนิสัยให้ภายหลังได้เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า และได้ฟังธรรมเทศนา จนบรรลุเป็นพระอนาคามี)

  หลังจากนั้น พระองค์ก็ได้เสด็จไปถึงป่าอิสิปตนมฤคทายวัน พบกับปัญจวัคคีย์ ในขั้นแรกปัญจวัคคีย์ไม่เชื่อว่าพระพุทธเจ้าจะตรัสรู้จริงๆ แต่เพราะเหตุผลของพระองค์ ว่าพระองค์ได้ตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว และเรื่องนี้ก็ไม่เคยตรัสมาก่อน คราวที่ปัญจวัคคีย์ยังอยู่รับใช้พระองค์ ทำให้ปัญจวัคคีย์ อันมี โกณทัญญะ วัปปะ ภัททิยะ มหานามะ อัสสชินั้นระลึกได้ว่า คราวที่ยังรับใช้ยังอยู่ใกล้ชิดพระองค์อยู่ ก็ไม่เคยได้ยินพระองค์ตรัสเรื่อง อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณนี้เลย พระองค์น่าจะได้ รู้อะไรบางอย่างแล้วเป็นแน่ จึงได้ยอมรับฟังพระธรรม พระองค์ได้แสดงพระธรรมเทศนากัณฑ์แรกคือ ธัมมจักกัปปวัตนสูตร คือพระสูตรว่าด้วยการหมุนกงล้อแห่งพระธรรมทรงแสดงถึง

  - การประพฤติปฏิบัติ ที่สุดโต่งเกินไป 2 ประการ คือ การหมกมุ่นในกามคุณ (กามสุขัลลิกานุโยค) 

  - การทรมานตนให้ลำบาก (อัตตกิลมถานุโยค) 

  - ทรงแสดงทางสายกลาง คือ มัชฌิมาปฏิปทา 

  - แสดงอริยสัจ 4 

  ในตอนจบของพระธรรมเทศนา ดาบสโกณทัญญะได้ส่งกระแสจิตไปตามพระธรรมเทศนา จึงได้เข้าถึงความจริงของสังขารธรรม ได้ธรรมจักษุว่า " ยังกิญจิ สะมุทะยะธัมมัง สัพพันตัง นิโรธะธัมมัง " สิ่งใดมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้น ย่อมดับไปเป็นธรรมดา ได้บรรลุโสดาปัตติผล เป็นพระอริยบุคคล ชั้นแรกใน พระพุทธศาสนา 

  พระศาสดาทรงทราบว่าโกณทัญญะได้บรรลุโสดาปัตติผลแล้ว จึงเปล่งอุทานว่า “อัญญาสิ วต โภ โกณทัญโญ อัญญาสิ วต โภ โกณทัญโญ "โกณทัญญะ ได้รู้แล้วหนอ โกณทัญญะได้รู้แล้วหนอ" นับตั้งแต่นั้น ท่านโกณทัญญะจึงได้นามว่า อัญญาโกณทัญญะ คือ พระโกณทัญญะ ผู้รู้แล้ว และได้ทูลขอบวชต่อพระพุทธเจ้า พระองค์ทรงประทานเอหิภิกขุอุปสัมปทา นับเป็นพระภิกษุรูปแรกในพระพุทธศาสนาที่ได้รับการอุปสมบท โดยพระศาสดาเป็นผู้ประทานการบวชให้ เท่ากับว่าในวันนั้นเอง ที่พระพุทธเจ้าทรงได้รับพระนามว่า เป็นสัมมาสัมพุทโธ โดยสมบูรณ์ เพราะมีพยานในการตรัสรู้ธรรมโดยชอบ คือรู้ตามพระธรรมของพระองค์แล้ว

หลังจากการโปรดอัญญาโกณทัญญะแล้ว หลังจากนั้นก็ได้ทรงแสดงปกิณกธรรมโปรดปัญจวัคคีย์คนอื่นๆอีก คือ วัปปะ ภัททิยะ มหานามะ อัสสชิ และ ในวันแรม 5ค่ำ เดือน เดือน 8 นั่นเอง พระองค์ได้ทรงแสดงอนัตตลักขณสูตร แก่พระ ปัญจวัคคีย์ทั้ง 5 ทำให้ทั้งหมดได้เข้าใจชัดเจน ถึงความเป็นอนัตตา ความไม่มีตัวตนถาวรเที่ยงแท้ของขันธ์ของสังขารธรรม ทำให้พระปัญจวัคคีย์ทั้ง 5 รูป สามารถเพิกถอนอุปทาน อาสวะในจิตของตนได้ และได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ในที่สุด และการที่พระองค์ได้ทรงแสดงพระธัมมจักกัปปวัตนสูตร อันเป็นสูตรแรกในพระพุทธศาสนานี้เอง จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการเผยแผ่พระพุทธศาสนา จุดเริ่มต้นของพระธรรมสถานที่แห่งนี้ จึงเรียกได้ว่าเป็นที่อุบัติขึ้นแห่งพระธรรม และเป็นการรุ่งอรุณ แห่งการส่องสว่างของแสงแห่งพระธรรม เพื่อขจัดซึ่งความมืดในสรรพสัตว์ทั้งหลาย

 โปรดติดตามตอนต่อไป

หมายเลขบันทึก: 240466เขียนเมื่อ 8 กุมภาพันธ์ 2009 09:51 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 20:16 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)
  • มีประโยชน์มากเลยนะคะ  อยากให้นักเรียน ได้เข้ามาอ่านค่ะ
  • ครูอ้อย จะขออนุญาตเก็บไว้ในห้องสมุด url ให้นักเรียนมาค้นคว้า นะคะ

ขอบคุณมากค่ะ

ยินดีครับครูอ้อย แซ่เฮ

กำลังนำรูปภาพลงครับ ติดตามอ่านน่ะครับ

ยินดีมากครับที่นำไปเก็บไว้ในห้องสมุด url ให้นักเรียนมาค้นคว้า

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท