ความหมายของการคิด
เพียเจต์ (Piaget.1962,p 58) ได้อธิบายเกี่ยวกับการคิดว่าเป็นการกระทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยปัญญา การคิดของบุคคลเป็นกระบวนการภายใน 2 ลักษณะคือ เป็นกระบวนการปรับการคิดอย่างเป็นระบบ
ยุดา รักไทย (2545,หน้า 12) กล่าวถึงความสำคัญของการคิดว่า การคิดเป็นไปเพื่อการดำรงอยู่ของชีวิตที่เพียบพร้อมด้วยภูมิปัญญาไม่ว่าจะเป็นการคิดวางแผน คิดพัฒนา คิดสร้างสรรค์ คิดแก้ปัญหา หรือคิดตัดสินใจ แต่การคิดที่ว่านั้นมิใช่การคิดเพื่อผ่านพ้นว่าวันนี้หรือพรุ่งนี้ไปเท่านั้น แต่เป็นการคิดที่ประกอบด้วย
1. การมองการณ์ที่กว้างไกล ไตร่ตรองถึงสถานการณ์ปัจจุบันและผลของการกระทำตามความคิดนั้น ที่จะตามมาภายหลังอย่างถี่ถ้วน
2. ข้อเท็จจริง องค์ความรู้ (Knowledge) และความคิดอื่น ๆ รวมถึงทักษะที่มีอยู่ ซึ่งจะถูกรวบรวม ประมวลผล คัดสรร และดัดแปลง เพื่อให้ได้ความคิดใหม่ ๆ และทางแก้ปัญหาที่เป็นประโยชน์ ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น
3. ความรับผิดชอบต่อสังคมโดยรวม เช่น การธำรงรักษาสิ่งแวดล้อม และสร้างประโยชน์แก่สาธารณชน
4. ความคิดสร้างสรรค์ โดยปราศจากการติดยึดของกรอบความคิด (Paradign)
คำหมาน คนไค (2545, หน้า 5) ได้กล่าวถึงความสำคัญของการคิดว่า ความคิดนำไปสู่การกระทำ ทั้งที่เป็นการพูด การเขียน และการปฏิบัติอย่างอื่น คุณภาพของการคิดนอกจากจะขึ้นอยู่กับสมรรถภาพการคิดแล้วยังขึ้นอยู่กับองค์ประกอบอื่น ๆ เช่น ข้อมูลข่าวสาร ความรู้ และสถานการณ์แวดล้อม ดังนั้น คนเราที่ทำดีหรือทำชั่วล้วนเกิดจากความคิดของเขา ทั้งสิ้น ถ้าจะฝึกให้คนพูดดี ทำดี ต้องฝึกให้คนคิดดี
นอกจากนี้ ดุสิต ศิริวรรณ (อ้างใน เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์,2545,หน้าคำนิยม) ได้กล่าวถึงผลเสียของการขาดการคิดอย่างไตร่ตรองว่า หากผู้คนในสังคมไทยยังคิดน้อย ๆ คิดแคบ ๆ ทำตามที่ถูกสั่งมาก ๆ ชอบด่วนสรุปเหตุการณ์ต่าง ๆ และตัดสินใจโดยขาดการไตร่ตรองอย่างละเอียดรอบคอบ ไม่รู้จักขวนขวายหาข้อเท็จจริงมาวิเคราะห์เพิ่มเติม ต่างคนต่างคิดแบบแยกส่วนไม่คิดแบบองค์รวมเพื่อประโยชน์ของประชาชนส่วนรวมของชาติแล้ว ก็พอจะสรุปได้ว่าอนาคตของประเทศชาติคงมืดมนอย่างแน่นอน
จากความสำคัญของการคิดดังกล่าวข้างต้น จะเห็นว่า การคิดเป็นทักษะสำคัญ เพราะการที่บุคคลสามารถพูด เขียน ตลอดจนแสดงพฤติกรรมต่าง ๆ ได้นั้นต้องเกิดการคิดก่อนทั้งสิ้น แต่การคิดเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ จะต้องคิดอย่างมีวิจารณญาณด้วย เพราะถ้าคิดไม่เป็นหรือคิดอย่างไม่มีวิจารณญาณแล้วย่อมเกิดผลเสียต่อการศึกษา และการดำเนินชีวิตอย่างแน่นอนกับโครงสร้าง (Assimilation) โดยการจัดสิ่งเร้าหรือข้อความที่ได้รับให้เข้ากับประสบการณ์เดิมที่มีอยู่กับกระบวนการปรับเปลี่ยนโครงสร้างใหม่ (Accomodation) โดยการปรับประสบการณ์เดิมให้เข้ากับความจริงที่รับรู้ใหม่ บุคคลจะใช้ความคิดทั้งสองลักษณะนี้ร่วมกันหรือสลับกัน เพื่อปรับความคิดของตนให้เข้าใจสิ่งเร้ามากที่สุด ผลของการปรับเปลี่ยนความคิดดังกล่าวจะช่วยพัฒนาวิธีคิดอีกระดับหนึ่งที่สูงกว่า
กิลฟอร์ด (Guilford.1967,p 93) ให้ทรรศนะว่า การคิดเป็นการค้นหาหลักการ โดยแยกแยะคุณสมบัติของสิ่งต่าง ๆ หรือข้อความจริงที่ได้รับแล้วทำการวิเคราะห์เพื่อหาข้อสรุปอันเป็นหลักการของข้อความจริงนั้น ๆ รวมทั้งการนำหลักการดังกล่าวไปใช้ในสถานการณ์ที่แตกต่างไปจากเดิม
สุจินดา จารุชาต (2540, หน้า 9) ได้ให้ความหมายของการคิดว่า การคิดเป็นปฏิกิริยาทางสมองที่เกิดขึ้นจากความรู้สึกสงสัยหรือความยุ่งยากในสมอง การคิดมีพื้นฐานอยู่ที่ความจำและมีประโยชน์ในการทำให้เกิดการปรับตัวและสภาพแวดล้อมให้ดีขึ้น
ศรีฟ้า จีรัตน์ (2543, หน้า 11) กล่าวว่า การคิด คือ กระบวนการทางสมองในการสร้างสัญลักษณ์ หรือภาพให้ปรากฏในจิตใจ ก่อให้เกิดแนวปฏิบัติสำหรับพฤติกรรมทั้งภายใน ภายนอกและการดำเนินชีวิต
จากความหมายดังกล่าวพอสรุปได้ว่า การคิด คือกระบวนการทางสมองที่เกิดจากการกระทบจากสิ่งเร้า หรือความรู้สึกสงสัย แล้วทำการวิเคราะห์ แยกแยะเพื่อหาข้อสรุป อันก่อให้เกิดแนวปฏิบัติสำหรับพฤติกรรมทั้งภายใน ภายนอกและการดำเนินชีวิต
ดร.ธารทิพย์ แก้วเหลี่ยม
ขอบคุณสำหรับควาหมายดีีดีค่ะ มีประโยชน์และเข้าใจง่าย จะนำไปใช้ในการอ้างอิงนะคะ
เป็นข้อมูลที่มีประโยชน์มากเลยคะ ถ้าจะให้ดีน่าจะอ้างแหล่งที่มามากกว่านี้จะได้ค้นคว้าต่อ
ความคิด จริงๆ แล้วเป็นคำที่ฟังดูแล้ว น่าจะให้ความหมายที่ไม่ยาก แต่คนส่วนใหญ่ก็ให้ความหมายมันผิดไม่มีใครที่บอกได้ถูกต้องสักคน มีคนส่วนน้อยที่จะบอกมันได้ เราเลยอยากบอกให้คนที่อยากรู้จริง ๆ มันอาจฟังดูแปลก ๆ แต่เราอยากให้คนที่ได้อ่าน ลองเอาไปพิจารณาดู แล้วคุณจะรู้ว่ามันจริง แน่นอน ครับ
ความคิด หมายถึง สิ่งที่พูดอยู่ในหัวของคนเรา (ที่เรียกว่าพูดในใจ ก็ได้) ไม่ได้พูดออกจากปากนะครับ ความคิด มี 2 แบบนะครับ 1.ความคิดที่เราคิดเอง เช่น เราจะทำบางสิ่งบางอย่างด้วยใจเราที่ต้องการ (อาบน้ำ ไปตลาด คิดเมนูอาหาร ฯ) 2.ความคิดที่ไม่ใช่เราคิดเอง แต่มันจะโผล่เข้ามาในหัวของเรา แล้วเราก็ช่วยมันคิดปรุงแต่ง เป็นเรื่องเป็นราว เช่น ถ้าเราถูกล็อตเตอรี่ ลอยเข้ามา แล้วเราก็คิดต่อไปต่าง ๆ นานา นั้นเอง... เมื่่อจบความคิดนี้แล้ว ก็มีความคิดอันใหม่โผล่เข้ามา แล้วเราก็คิดอีกเป็นเช่นนี้ไม่จบไม่สิ้น
ถ้าหากท่านใดต้องการหยุดความคิดให้ได้ และเข้าใจข้างต้น เมลมาหานะครับ แล้วผมจะแนะนำให้คุณหยุดความคิดที่เข้ามาได้ครับ ขอบคุณครับ