บุกแดนมังกร-สิบสองปันนา


จากบันทึกแรกจบที่เหินฟ้าสู่เมืองจิ่งหงอย่างทุลักทุเล ประมาณ 45 นาทีเราก็มาถึงเมืองจิ่งหง หรือเชียงรุ้ง เจียงฮุ่ง ตามแต่จะเรียก แต่ภาษาแมนดารินก็เรียกว่า Jinghong นั่นแหล่ะ ใครได้ยินชื่อพวกนี้ ต่อไปก็จะได้รู้ว่า อ้อ...เมืองเดียวกันนั่นเอง ระหว่างก่อนเครื่องร่อนลงได้กินน้ำชามะนาวที่เสิร์ฟบนเครื่องบิน อยากจะเตือนทุกคนว่าถ้าเจอเจ้านี่นะ ควรเลือกน้ำเปล่ามากกว่า ถ้าไม่อยากเสี่ยงชิมรสชาดของน้ำล้างจาน 555 แต่ผู้เขียนไม่เคยกินน้ำล้างจานหรอกนะ สมมุติเอาเอง ^ ^

ภาพทิวทัศน์ก่อนร่อนลงมีเจ้าน้องอึ่งขอให้ช่วยถ่ายไว้ให้หน่อย (น้องอึ่งกับพี่โตจากอีกบริษัทตามมาสมทบตอนเช้า) เพราะต้องการเอาไปใช้เนื่องจากบริษัทนี้ทำเกี่ยวกับพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เมืองจิ่งหง ขนาดสเกลโครงการใหญ่บิ๊กเอ็มมาก ภาพที่ถ่ายก็คือภาพเขื่อนผลิตไฟฟ้า แม่น้ำโขง พื้นที่โดยรอบและสนามบินสิบสองปันนา (Xishuangbanna) กดชัตเตอร์แหลกและหลบแอร์ด้วย เพราะเขาห้ามถ่ายภาพเหนือน่านฟ้าจีน พอเครื่องลงก็ยังกดชัตเตอร์รัว ทำเป็นนักท่องเที่ยวถ่ายเพื่อนกันเอง จริงๆ แล้วถ่ายภาพสนามบินต่างหาก : ) เจ้าหน้าที่ก็มอง แต่เราเนียนกว่า



ตัวเมืองจิ่งหงแตกต่างจากคุนหมิงมากทั้งเรื่องขนาดและลักษณะอาคารบ้านเรือนรวมถึงถนน จะคล้ายไปทางเชียงใหม่เชียงรายมากกว่า ต้นไม้เยอะ ประดับประดายามค่ำคืนด้วยไฟสีเขียว สมกับที่ได้ชื่อว่าเมืองมรกต แต่ที่ไม่ต่างจากคุนหมิงคือรถที่ชอบบีบแตร แป่เอี่ยเหมือนกันหมด บีบกันสนั่น อยู่หลายวันก็เริ่มชิน เขาบีบเพราะป้องกันรถเชี่ยวชน แต่เราก็ยังอุตส่าห์ได้เห็นอุบัติเหตุถึงสองครั้ง ซึ่งพี่โตที่มานี่ประจำบอกว่าหาดูยาก เรามีบุญ เหอๆๆ บุญตรงไหนเนี่ย อ้อ...ที่สำคัญที่เขาระวังกันมากเพราะมีกฎหมายว่า ถ้าผู้ชายขับรถชนโดนผู้หญิงแล้วพิการต้องเลี้ยงไปตลอดชีวิต เลยเตือนดาวว่าระวังหน่อย คนเขาอาจจะขับมาเสยเพราะเจ้าดาวน่ารัก ส่วนเราที่โดนบีบมากเป็นพิเศษคงเพราะกลัวต้องรับเลี้ยงนั่นเอง 555 อากาศในเมืองนี้ค่อนข้างร้อนจนเกือบจะเหมือนกทม. อบอ้าวเพราะล้อมรอบด้วยภูเขา จะเห็นได้ชัดก็ตอนที่ขึ้นไปชมวัดป่าเจที่อยู่นอกเมือง ตัวเมืองถูกล้อมทุกด้านทีเดียว



วันแรกๆ ที่ไปถึงส่วนใหญ่ก็วุ่นวายกับการเตรียมก่อสร้างบู๊ธแสดงสินค้า เจรจากับช่างจนเมื่อยมือ เพราะเน้นวาดรูปให้ดูซะมากกว่า สัดส่วนของโครงสร้างต่างๆ เขียนเป็นภาพเข้าใจง่ายกว่าพูดด้วยปาก แต่อย่างนั้นก็ยังต้องคุมกันอย่างดีเพราะมีลักไก่กันอยู่ตลอด มีการเอาพาทิชั่นที่รื้อออกไปเลื่อยใช้ ซึ่งอันนั้นมันเป็นของเมือง ในที่สุดเจ้าหน้าที่มาเห็นก็งานเข้าเลย โหย...ดุสุดๆ เราไม่อยากยุ่ง ไปเคลียร์เอาเองเพราะจ่ายเหมาหมดแล้ว ในที่สุดก็โดนปรับ หน้าแห้งเลย แอบสมน้ำหน้าในความมักง่ายและหัวหมอไม่เข้าท่า ช่างที่เราได้มาฝีมือดีแต่ต้องยืนจิกอยู่ตลอดเวลา เผลอไม่ได้จะรีบๆ เพราะรับไว้หลายราย ได้ช่วยน้องที่รับงานเหมาก่อสร้างให้กรมส่งเสริมด้วย เจรจาเรื่องสร้างเวทีจาก 6,000 หยวน ต่อมหาประลัยจนเหลือ 1,800 หยวน (คำนวณเป็นเงินบาทก็คูณห้านะจ๊ะ) วันนี้แหล่ะที่ได้ทดลองห้องน้ำที่บู๊ธเป็นครั้งที่สองนับจากที่สยองไปครั้งนึงที่คุนหมิง พกลวดไปด้วยสองเส้น เอาล่ามประตูด้านนอกเพราะมีทางเข้าสองทาง เป็นลูกกรงเหล็ก ส่วนด้านในก็ไม่มีประตูเหมือนในภาพ แต่วันนี้ยังเข้าได้เพราะไม่ค่อยมีผู้หญิง เขาพึ่งล้าง ยังสะอาดอยู่ แต่สาบานว่าวันงานไม่ได้แอ้มดิฉันหรอก



หลังจากเดินกลับจากห้องน้ำเจอนักศึกษามหาวิทยาลัยสิบสองปันนามาของานทำ พูดภาษาไทยชัดเชียวเพราะบอกว่าเรียนเอกภาษาไทย พอพูดแนะนำตัวจบเราก็พูดกลับ อ้าว อิ๊บอ๋าย ท่องไดอะล็อกมานี่นา คุยกันไม่รู้เรื่องซะแล่ว เลยพูดภาษาจีนปนภาษาไทยไปน้องเขาก็ยังไม่รู้เรื่อง อีกคนบอกเรียนเอกอังกฤษ เราก็เลยพูดภาษาอังกฤษด้วย ตกม้าตายทั้งก๊วน พอกันทุกคน คุยจนเหนื่อยในที่สุดน้องอึ่งก็รับไว้คนนึงเพราะเราได้คนประจำบู๊ธครบแล้ว คุยกับเด็กพวกนี้แล้วทำให้คิดถึงเด็กบ้านเราที่เรียนภาษาอังกฤษตั้งแต่อนุบาลยันมหาวิทยาลัยก็พูดไม่ได้เหมือนกัน การศึกษาคงมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ เก่งแต่แกรมม่า แต่ไม่สามารถสื่อสารได้ สู้เด็กตามบาร์พัทยายังไม่ได้เลย

กลางคืนมีโอกาสได้ไปเดินซื้อของสองครั้ง ครั้งนึงบินเดี่ยวเพราะถูกทิ้งไว้โรงแรม ไม่มีอะไรกิน หิวเลยออกมาเดินข้างนอก ส่วนอีกครั้งไปกันทั้งคณะ พี่แดงประกบไปกับเราเพราะช่วยเจรจาต่อราคาได้ ช้อปกันกระจาย ลักษณะถนนคนเดินแบบนี้เหมือนเชียงรายเลย วางของแบกะดินขายทั้งถนน ส่วนใหญ่ก็เป็นพวกเครื่องประดับ ของตกแต่งบ้าน ของเล่น เสื้อผ้า และของเก่า ซึ่งอย่างหลังนี่น่าสนใจ เพราะหลายร้านนำสมุดประจำตัวของสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ในสมัยก่อนมาวางขายด้วย รูปประธานเหมาก็มากองแบกะดินด้วย บอกได้ถึงว่ายุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้ว ของอะไรที่เกี่ยวกับท่านประธานเหมาหรือสัญลักษณ์ของพรรคคอมมิวนิสต์ก็กลายเป็นเพียงของที่ระลึกน่าสนใจที่ดูดเงินนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี ไม่มีใครสนใจศรัทธาอะไรจริงจังแล้ว คนที่เคยไปประเทศจีนเมื่อสักสิบกว่าปีที่แล้วบอกว่าไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อว่าจีนสามารถพัฒนามาได้ถึงขั้นนี้ เป็นอะไรที่คาดไม่ถึง มีที่ขำๆ คือเจอคนไทลื้อขายของ เราไปต่อแกมากไปหน่อยเจอภาษาไทยโบราณเลยว่า "คร้านจะพูด" ส่วนพี่แดงเจอถามว่า "มึงจะเอากี่อัน" 555 อึ้งกิมกี่ ภาษาโบราณขนานแท้



สิ่งที่เห็นและได้ยินตลอดเวลาที่อยู่โน่นคือเรื่องการพัฒนาอสังหาตามที่ต่างๆ ตึกจำนวนมากที่สร้างเสร็จในชั่วหกเดือน โครงการบ้านราคาสูงทั้งๆ ที่อยู่โซนนอกเมือง ทำให้สงสัยเรื่องกำลังซื้อของประชาชนเขาเหมือนกัน ว่ามีขนาดนั้นเชียวหรือ บ้านทาวน์เฮ้าส์แฝดราคาสองล้านกว่าบาท บ้านเดี่ยวห้าล้านกว่า แถมโครงการที่ไปดูนั้นอยู่นอกเมือง เป็นโซนของข้าราชการ โครงสร้าง วัสดุและการตกแต่งก็พื้นๆ เหลือเกิน ไม่น่าจะราคาสูงขนาดนี้ แถมที่ดินก็เป็นการเช่าจากรัฐ ไม่มีสิทธิซื้อขาด เช่าได้ 70 ปี เมื่อหมดสัญญา ลูกหลานจะมีสิทธิเช่าต่อเป็นลำดับแรกก่อนคนอื่น นับว่าก็เกือบจะทั้งชีวิตแล้ว รัฐบาลเขาคงวางแผนไว้ เมื่อต้องการไล่รื้อก็จะได้ไม่มีปัญหา สั่งได้ตามใจชอบ บางโซนเห็นว่ายังไม่เก่าก็กำลังจะถูกทุบเพราะขวางเส้นทางการขยายเมือง เอากับพี่แกสิ เลยไม่มีข้อจำกัดในการทำอะไรทั้งนั้น สั่งได้จ้า

ตอนแรกที่ตั้งใจไปครั้งนี้คือต้องการไปดูเรื่องการผลิตงานทั้งสิ่งพิมพ์และอิงค์เจ็ทเพราะต้นทุนต่างกันกับเราลิบลับ แต่เมื่อเห็นผลงานที่นำมาส่งแล้วก็ทำใจว่า ได้ตามราคา คงไม่สามารถย้ายฐานการผลิตมาที่นี่ได้ เพราะคุณภาพงานไม่เข้าขั้น งานของเราต้องการระดับพรีเมี่ยม ซึ่งที่นี่ยังไปไม่ถึง ถ้าเอาปริมาณไม่เน้นคุณภาพนี่คงพอได้ เป็นอันว่าโครงการที่ตั้งใจไว้ต้องระงับไปก่อน และมีปัญหาเรื่องการสื่อสารและความตรงต่อเวลาในการส่งสินค้าด้วย หลายประเด็นทีเดียว



งานแสดงสินค้าที่เมืองจิ่งหงที่มาออกครั้งนี้ยังบ้านๆ อยู่มากในสายตาของเรา ไม่เหมือนที่คุนหมิง แต่พิธีเปิดก็อลังการดีเหมือนกัน มีเลขาพรรคคอมมิวนิสต์มาเป็นประธานเปิดงาน ได้ข่าวมาว่าปีหน้าบริเวณสถานที่จัดงานนี้จะหายไปแล้ว จะกลายเป็น hall ถาวรแทน ทางเมืองทดลองทำสถานที่แบบชั่วคราวเพื่อจัดงานสองปี ต้องการดูผลตอบรับทั้งด้านผู้แสดงสินค้าและผู้เข้าชมงาน การมีงานแสดงสินค้าที่นี่สำคัญมากเพราะว่าในเขตจิ่งหงมีนิคมอุตสาหกรรมที่รัฐบาลอนุญาตให้จัดตั้งเป็นแหล่งสุดท้าย การจัดงานจึงเป็นการดึงดูด investor ให้เข้ามาชมทั้งงานและนิคมไปพร้อมๆ กัน ซึ่งครั้งนี้ที่ไปก็มีการจัดลงนามเซ็นสัญญาร่วมทุนก่อสร้างโรงงาน ณ เมืองนี้ด้วย ซ้อนกันสองอย่างในการไปครั้งเดียว ถึงจะเหน็ดเหนื่อยทุลักทุเลไปบ้างแต่ทั้งสองอย่างก็สำเร็จลงด้วยดี รวมถึง hidden agenda สำหรับการหาฐานผลิตราคาถูกด้วย ถึงอย่างหลังไม่เวิร์คแต่ก็ได้รู้ว่าที่นี่มีกระบวนการทำงานอย่างไร ถ้าต้องทำในอนาคตก็จะประมาณการณ์ล่วงหน้าได้

บันทึกนี้คงจบไว้เพียงเท่านี้ ไม่สามารถเล่ารายละเอียดทุกวันได้ครบจึงประมวลเรื่องน่าสนใจให้ได้อ่านกัน
ปล. อย่าแปลกใจถ้าไปติดต่องานราชการแล้วติดพักเที่ยงยาวนาน ที่นี่พักตั้งแต่สิบเอ็ดโมงกว่าจนบ่ายสาม เจ้าหน้าที่บางคนมีเตียงนอนอยู่หลังโต๊ะทำงานด้วยซ้ำ เป็นปกติของเขาที่เรางงๆ

หมายเลขบันทึก: 218990เขียนเมื่อ 27 ตุลาคม 2008 02:51 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 19:46 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (25)

สวัสดีค่ะ น้องซูซาน

  • ครูอ้อยดีใจ มีความสุขที่ได้อ่าน ยังคิดว่า ถ้าไม่ได้อ่านคงเสียใจแน่ เพราะได้ความรู้ ได้ดูรูปภาพสวยงาม น้องเล่าได้ดีมาก เหมือนกับครูอ้อยได้ไปด้วย

รออ่านต่อไปค่ะ  ขอบคุณมากนะคะ  สบายดีนะคะ

ซูซาน..ขำเรื่องขับรถชนสาวพิการต้องรับเลี้ยงตลอดชีวิต เห็นด้วยนะกฏนี้ ทำให้คนระวังมากขึ้น แต่จะรำคาญเสียงแตรมากกว่า...กลัวต้องรับเลี้ยงสาวไทย...5555

ภาพแม่น้ำสีกาแฟกับภูเขา สวยดีนะ ชอบจัง เหมือนของปลอมเลย เขียวดีจริงๆ

ไหนว่าไม่ชอบต่อของ ต่อราคาสร้างบู๊ทจนพี่สงสารช่างเลยนะเนี่ย..555

ส่วนเรื่องงีบนอนกลางวันหลังกินข้าว ครึ่งถึงหนึ่งชั่วโมงได้ยินมานานแล้วเหมือนกันนะ เพราะเค๊าพิสูจน์มาแล้วว่าจะทำให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เลยเป็นระเบียบ.. ปิดไฟนอนกลางวันกันทั้งประเทศ..บุกจีนได้ก็ตอนนี้แหล่ะ..;) ว่าไปนั่น

ไหนว่าจะเล่าเรื่องกระโดดหลบ ถุยๆ...??

สวัสดีครับ

อ่านสนุกมาก ชอบคนที่ไปมาแล้วมาเล่าให้ฟัง ได้อรรถรสมากๆครับ แต่ให้ไปเอง ยังเข็ดไม่หาย แต่นั่นก็นานมาแล้วตั้งแต่ปี 2520 เดี่๋ยวนี้น่าจะดีกว่าแต่ก่อน แต่เรื่องห้องน้ำก็ยังเป็นประเด็นสำคัญเหมือนเดิม ขอบคุณครับ

สวัสดีค่ะ

ภาพแรกสวยจังค่ะ เห็นแล้วนึกถึงภาพในนิทรรศการภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ในสมเด็จพระเทพฯที่เพิ่งจัดแสดงผ่านไปที่หอศิลปฯ พระองค์ท่านจะมีภาพที่ถ่ายน่านฟ้าประเทศต่างๆ รวมถึงจีน จากเครื่องบินในลักษณะนี้ค่อนข้างมาก เพราะทรงตรัสว่าตอนอยู่บนเครื่องเป็นเวลาที่ถ่ายภาพได้มากที่สุด และใช้วิธีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงแนะนำ ก็คือแนบกล้องกับกระจก

อืม...แต่ห้องน้ำนี่ น่ากลัวนะคะ ช่างโล่งโจ้งซะจัง

ขอบคุณที่นำเรื่องราวมาแบ่งปันค่ะ ^__^

สวยงาม น่าอิจฉาจัง อิอิ

สวัสดีครับ  จับภาพได้เจ๋งมากๆๆ สวยงามมาก น่าสนใจดูดูแล้วเหมือนภาคเหนือเราจริงๆครับ

  • แวะมาเยี่ยมครับ
  • สวยงามทั้งภาพ ทั้งเนื้อเรื่อง และคนเล่าเรื่องครับ

ชอบมากเลยครับซาน สีสันได้ใจมาก

ผมว่าความเป็นจีน มีที่สุดอยู่หลายอย่างนะครับ

- ความยิ่งใหญ่

- เอกลักษณ์ อื่นๆ ที่มีรูปแบบเฉพาะตัว

ครูอ้อย: ดีใจที่ครูอ้อยมาอ่านค่ะ ไม่ได้คุยกันนานเลย คิดถึง หนูเล่าเผื่อคนที่ไม่ได้ไป หรือกำลังเตรียมตัวจะไป เผื่อจะเป็นประโยชน์ค่ะ

พี่อุ๊: ขำเนอะเรื่องรถ เราบอกคนอื่นว่าจะลงไปเดินกลางถนน อยากมีคนเลี้ยงดู 555 แม่น้ำที่เห็นนั่นคือแม่น้ำโขง เจ้าแม่น้ำสายนี้แปลกอย่างคือขุ่นเป็นสีกาแฟมาตั้งแต่ต้นทางแถบจงเตี้ยน (แชงกรีล่า) สายอื่นเขาใสประมาณหยก มีสายนี้แหล่ะขุ่นคลั่กสีกาแฟ เรื่องขากถุยปล.ไว้เมื่อท้ายบันทึกที่แล้ว ขี้เกียจเล่า เป็นอันรู้กันว่าคนที่นั่นขยันขากถุยไม่เว้นแม้แต่ผู้หญิงสวยๆ แต่งตัวซะดี หน้าแอร่มเดินมาถึงขากกกกกกก ถุย น่าเกลียดดีจริง

อ.วศิน: ขอบคุณค่ะ อาจารย์ไปตั้งแต่ปี 20 สงสัยจะทรมานกว่านี้อย่างแรง โดยเฉพาะส้วม อิ อิ

คุณแจ๋ว: ภาพถ่ายทางอากาศที่ไม่ต้องลงทุนเช่าเครื่องเองก็ต้องถ่ายตอนขึ้นเครื่องบินนี่ล่ะค่ะ จะเห็นภูมิประเทศชัดเจน เป็นอะไรที่ชอบถ่ายเหมือนกัน พอดีอันนี้มีวัตถุประสงค์เอาไปใช้งาน เสียดายนั่งติดทางเดินต้องอ้อมผ่านน้องอีกคนไปถ่าย ไม่งั้นภาพอาจจะดีกว่านี้ อันที่จริงเขาประกาศในเครื่องนะคะตอนไปด้วย TG ว่าห้ามถ่ายภาพบนน่านฟ้าจีน เป็นการผิดกฎหมาย นี่ก็นับว่าเสี่ยงอยู่เหมือนกัน

อ้อ...ขอเล่าเรื่องตลกเล็กน้อยให้ฟัง บนเครื่องมีวีดีโอเกี่ยวกับการลักลอบนำของหนีภาษีหรือของเลียนแบบเข้าประเทศจีน อยากจะบอกว่าแหม...ห้ามนำเข้าแต่ตัวเองเป็นผู้ผลิตรายใหญ่เบิ้มเลยนะ

คุณสุขสม: มิต้องอิจฉา หาโอกาสไปสิ การเดินทางเป็นสิ่งที่น่าทำในชีวิต อ่านหนังสือพันเล่มมิเท่าเดินทางหนึ่งลี้ ภาษิตจีนเขาว่าไว้

อ.ประจักษ์: ใช่เลยค่ะ ภูมิประเทศและอากาศทางจิ่งหงนี่เหมือนภาคเหนือบ้านเราเพราะใกล้กันนิดเดียว ออกจากเชียงรายไปยังหลวงน้ำทาของลาว ขึ้นอีกหน่อยก็ถึงเมืองลา สิบสองปันนา ต่อเขยิบมาอีกนิดก็จิ่งหงแล้วค่ะ ใกล้ๆ เพราะฉะนั้นเรื่องเวลาจึงสับสน เขาใช้เวลาเหมือนที่อื่นในจีนคือเร็วกว่าบ้านเรา 1 ชม. อยู่ที่อื่นไม่รู้สึก พออยู่จิ่งหงมันรู้สึกว่าเช้าก็ไม่อยากตื่น เย็นหกโมงฟ้าก็ยังแจ้งจางปางอยู่ แปลกๆ ค่ะ

คุณ liverbird: ขอบคุณค่ะ แหม...ปากหวานจริง มีรถมั้ยคะ ช่วยขับมาเสยหน่อย อยากหาคนเลี้ยงดู 555 ขำๆ นะค้า

+ สวัสดีค่ะ...

+ ไล่ดูภาพก่อนค่ะ...แล้วมาอ่านรายละเอียด...สนุกพร้อมกลเม็ดค่ะ...

+ อ่านเพลิน ๆ อ้าว...มาถึงเตียงนอนแล้วเหรอนี่..

    " เจ้าหน้าที่บางคนมีเตียงนอนอยู่หลังโต๊ะทำงานด้วยซ้ำ เป็นปกติของเขาที่เรางงๆ"

+ โอ้ละหนอ...เมืองจีนเอ่ย...สนุกและน่ารักด้วยค่ะ....

+ อ่าน ๆ บางตอนก็ขำ ๆ นึกถึงตนเอง...ก็ตอนนี้ไง..." คุยกับเด็กพวกนี้แล้วทำให้คิดถึงเด็กบ้านเราที่เรียนภาษาอังกฤษตั้งแต่อนุบาลยันมหาวิทยาลัยก็พูดไม่ได้เหมือนกัน การศึกษาคงมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ เก่งแต่แกรมม่า แต่ไม่สามารถสื่อสารได้ สู้เด็กตามบาร์พัทยายังไม่ได้เลย"
+ อิ อิ...เราก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน...

+ ขอบคุณเรื่องราวดี ๆ สนุกสนาน...ที่ซูซานนำมาเล่าสู่กันค่ะ...

เอก: อ้าว ตามหลังมา นึกว่าหมดแล้ว สีสันสวยงามเลยเพื่อน ที่นั่นกลางคืนก็สวยนะ ประดับไฟสีมรกตทั้งเมือง แต่เพื่อนไปทำงานเลยไม่ค่อยได้แบกกล้องถ่ายรูปเท่าไหร่ ไว้ไปเที่ยวจะถ่ายมาฝากมากกว่านี้ ถึงห้องส้วมจะหฤโหดยังไงก็ยังอยากไปต้าลี่ ลี่เจียง แชงกรีล่าอยู่ดี สวยงามสุดๆ นี่เสียดายไม่ยอมไปหนานหนิงต่ออีกงาน อีกทีมเขาไปกัน บอกว่าเส้นทางสวยงามสุดขีด เหมือนทางกวางสี ธรรมชาติเล่นเอาละเมอ

สวัสดีค่ะ

  • ดูรูปซะอิ่ม หายคิดถึงเลยหล่ะค่ะ สวยทุกรูปเลย ขอบอก
  • พอเห็นรูปส้วม ความทรงจำครั้งไปเยือนจีนครั้งแรกกลับมาหมดเลยค่ะ
  • จำได้ว่า แทบจะร้องไห้วิ่งกลับเมืองไทย พร้อมทั้งพูดกับตัวเองว่า จะไม่กลับมาอีกแว๊ว...
  • ไม่กี่ปีหลังจากนั้น ก็ไปอีกอยู่ดี เหอ เหอ
  • แต่ไม่เคยถ่ายรูปได้สวย ๆ งี๊เลยค่ะ
  • วันหลังชวนไปด้วยนะคะ จะไปช่วยต่อราคาค่ะ อิอิ

 

 

พี่แอมแปร์: เหนื่อยมากกว่าสนุกค่ะทริปนี้ แต่ยังดีที่มีรุ่นเดียวกันหลายคน ไม่งั้นคงหง่าว มีแต่ผู้ใหญ่มากๆ ก็ซีเรียส เรื่องภาษานี่เมืองจีน hopeless ค่ะ ภาษาอังกฤษเป็นศูนย์ ขนาดเจ้าหน้าที่ที่สนามบินยังไม่ได้เลย เราไปถามหาเคาน์เตอร์สายการบินตอนขากลับที่กลับคนเดียว เขาถามว่า Where are you going? โห ดีใจ ซัดภาษาอังกฤษไปชุดใหญ่ เขามองหน้าแล้วตอบมาไม่กี่คำว่า "ตุ้ยปู้ฉี จื้อปู๋ต่ง" แปลว่า Sorry, I don't understand ขำปนเศร้าเลย ว่าแล้ว ตรูเป็นบ้าพูดเองได้ตั้งนาน เอ็งได้แค่นี้ใช่มะ โอเค เลยตอบไปว่า "มั่นกู่ ไทกั๋วะ" Bangkok, Thailand เป็นอันรู้กัน ชี้ให้เราไปเคาน์เตอร์ด้านใน "เซี่ยๆ ไจ้เจี้ยน จินเทียนหว่อหุยเจีย 555" ลาก่อนเมืองจีน

  • สิบสองปันนา อยู่ที่ไทยหรือเปล่าคะ
  • โอ้ยไม่ใช่สิ เป็นของประเทศอื่นไปนานแล้ว (อะ ล้อเล่น)
  • เดี๋ยวนี้การเดินทางสะดวก สื่อถึงกันได้ง่ายนะคะ

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

ครูปู: เรื่องส้วมนี่มักจะเป็นหนึ่งในความทรงจำของทุกคนที่ไปจีน รัฐบาลเขาน่าจะแก้ไขนะคะ ถ้าแก้แล้วนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นแน่นอน เรื่องต่อราคาน่ะ ที่สร้างบู๊ธแล้วต่อหฤโหดเพราะรู้เกณฑ์มาตรฐานการก่อสร้างงานที่นั่น ไม่ได้โหดร้ายแต่อย่างใด ช่างเขากะจะฟันหมู แต่บังเอิญเจอหมูเขี้ยวตันค่ะ ส่วนของที่เขาวางขายแบกะดินส่วนใหญ่ไม่ต้องต่อ เห็นหน้าเขานึกว่าคนแถวนั้น เลยลดให้เองมากกว่า ^ ^

คุณ lovefull: ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง ที่นี่มีคนไทลื้อเยอะด้วย ห้ามนินทาภาษาไทย อาจจะเจอคนฟังออกได้ เดี๋ยวซวยค่ะ

+ ซูซานจ๊ะ...พี่อ๋อยมาชวนซูซานไปส่งกำลังใจให้กับเพื่อน ๆ ที่ รพ.หนอกจิก จ.ปัตตานีค่ะ..

+ ตามพี่มาเลยค่ะ...ที่นี่ค่ะ..

http://gotoknow.org/blog/jittimaa/218643

  • ภาพแรกสวยมากๆๆ
  • เคยถ่ายรูปบนเครื่อง
  • บางทีก็ห้าม
  • บางสายการบินก็ไม่ห้าม
  • งง งง
  • อึ้งตรงภาพสถานที่จัดงาน
  • เลือสถานที่ดีมากๆๆ
  • มองจากข้างล่างไปสวยจริงๆๆ

สวัสดีจ้ะน้องซูซาน

มาตามติดไปเที่ยวเมืองจิ่งหงด้วย เพราะเมืองนี้ยังไม่คยไป จึงขอตามติดไปด้วยทุกแห่ง ยกเว้นห้องน้ำ...เมืองนี้ดูธรรมชาติดีเน๊าะ ผังเมืองก็ดูเป็นโซนๆดี สวยเชียว เห็นบรรยากาศ สวยทุกภาพเลย ... พริตตี้ก็สวย อ้อ...เขาให้พริตตี้เสื้อดำนั่งเฝ้าคอมด้วยหรอ ... งง .. งง ... อิอิ

คุณซูซาน

เรื่องตลกที่เล่ามานั้น...นั่นสิ ห้ามนำเข้า แต่เหมือนจะส่งเสริมการนำออกเลยนะคะ ^__^

พี่อ๋อย: ขอบคุณค่ะ เดี๋ยวจะตามไปอ่าน
พี่ขจิต: บังเอิญฟังว่ามันเป็นกฏระเบียบประเทศเขา ไม่เกี่ยวกับสายการบินน่ะ กลัวติดคุกจีนเหมือนกันน่อ สถานที่จัดงานด้านหลังเป็นภูเขา เสียแต่ว่าด้านหน้าไม่เป็นทะเล ไม่งั้นฮวงจุ้ยแจ่ม 555
พี่แป๋ว: ค่ะพี่ เมืองนี้รู้สึกต้นไม้เยอะๆ เพราะบ้านนอก พริตตี้ที่สวยที่สุดเป็นคนที่นั่งเฝ้าคอมใช่มะ เห็นด้วยนะ เหอๆๆ ตกลงว่าไม่ไปเข้าส้วมด้วยกันเหรอ อึฉี่แบบสามัคคี โอเพ่นเปิดใจ อึไปคุยไปโรแมนติก
คุณแจ๋ว: เอ่อ อันนั้นนี่เป็นอันรู้กัน ผู้ผลิตของเลียนแบบรายใหญ่ที่สุดในโลก รัฐบาลเขาไม่สนับสนุนอย่างเปิดเผย แต่ก็ไม่ห้าม ไม่ปราบ ไม่จับ เท่ากับสนับสนุนทางอ้อมอยู่แล้วค่ะ

ที่น้องเล่าว่า....ที่นี่พักตั้งแต่สิบเอ็ดโมงกว่าจนบ่ายสาม เจ้าหน้าที่บางคนมีเตียงนอนอยู่หลังโต๊ะทำงานด้วยซ้ำ เป็นปกติของเขาที่เรางงๆ
ตอนที่พี่ไป ก็งงๆอยู่ โดยเฉพาะราชการ พักนาน ส่วนเอกชน ไม่นานเท่าหรอกอิๆๆๆ

มาอ่าน ได้ความรู้มากค่ะ

ห้องน้ำแบบนี้พี่จำเป็นต้องเข้า..เมื่อไปเที่ยวปักกิ่ง..

ยังสยองไม่หาย

  • ชอบภาพบนมากค่ะ น้ำเต็มเลยน่าไปลอยกระทง
  • อืมสยองห้องน้ำเหมือนกัน ดีที่ยังไม่มีโอกาสได้ใช้ อิๆ

สวัสดีครับ

  • นานๆมาที อย่าเผลอนึกว่าไม่คิดถึงนะ
  • รูปสวย ... เรื่องมันส์ ดีจัง
  • งั้นเอา ของเรา มาแจมด้วยหน่อยดีฝ่า
  • ขอบคุณครับ
  • อิ อิ อิ

หวัดดีครับ

เขียนได้มันมาก สุดยอด

มึงกูเป็นคำธรรมดาไม่ใช่คำหยาบ อิอิ เจอเข้าทีก็ช้อคเหมือนกัน อิอิ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท