มาตรวจสุขภาพกาย...แถมได้สุขภาพใจ


ต่างช่วยกันดูแลซึ่งกันและกัน ... ความสุขก็จะเกิดขึ้นตามมา ...

          วันนี้ดิฉันตั้งใจลางานเพื่อทำงานส่วนตัวบางอย่าง แต่ต้องเปลี่ยนแผนเพราะป๊า (พ่อ) บ่นอยากไปหาหมอ เพราะแสบลิ้น กินอะไรก็ไม่อร่อย (ที่จริงบ่นมานานแล้ว เคยถามหมออายุรกรรม หมอบอกเป็นเพราะสูบบุหรี) ดิฉันเองยังไม่เคยพาป๊าไปหาหมอเป็นเรื่องเป็นราว (ตรวจลิ้น) สักที ทำให้ตัวเองไม่สบายใจ

          เช้านี้จึงรีบพาไปโรงพยาบาลประจำจังหวัด พบหมอหู คอ จมูก ส่วนแม่ไหน ๆ ก็ติดรถมาด้วย จึงถือโอกาสตรวจสุขภาพชุดใหญ่ไปด้วยเลย (บ่นอยากตรวจมานานแล้ว) ผลการตรวจวันนี้ ไม่มีอะไรน่าห่วง หมอยังยืนยันว่าลิ้นของป๊ายังเป็นปกติดีตามสภาพของคนที่สูบบุหรี่มานาน อาการแบบนี้คนกินหมากนาน ๆ ก็เป็นได้ด้วย แต่ถ้ามีแผล เป็นตุ่มเป็นไต ต้องรีบมาหาหมอ เพราะอาจเป็นบ่อเกิดของ
มะเร็ง

          ส่วนแม่นั้นหมอสั่งให้มารับยา
ความดัน ที่โรงพยาบาลประจำจังหวัด ดีกว่ารับที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน (ประจำอำเภอ) ระดับไขมันเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ยังไม่ต้องใช้ยา ให้ควบคุมอาหารเอาเอง และนัดฟังผลตรวจไทรอยด์สัปดาห์หน้า

          ที่ห้องตรวจหู คอ จมูก ดิฉันพบคุณป้าคนหนึ่งอายุประมาณ
75-76 ปีเห็นจะได้ แกบ่นงึมงำหิวข้าวเช้าเพราะมาโรงพยาบาลแต่เช้าเลยยังไม่ได้กินข้าว จะไปกินก็ไปไม่ถูก หลังจากซักถามแล้วรู้ว่าแกมาคนเดียว ดิฉันเลยอาสาพาแกไปหาข้าวกิน หลังจากที่พาป๊าไปแล้วรอบหนึ่ง ตอนลงลิฟต์จากชั้น 3 ไปชั้น B เพื่อไปที่ห้องอาหารแกเกาะแขนดิฉันแน่นตามประสาคนแก่กลัวลิฟต์

          ระหว่างที่นั่งรอป้าแกกินข้าว แกบ่นอีกว่าไม่รู้จะกลับบ้านถูกไหม (แกมาโรงพยาบาลเองเป็นครั้งแรก ครั้งก่อน ๆ ลูกชายพามาตลอด วันนี้ลูกชายไม่อยู่ไปทำงาน ยาหมดแกเลยตัดสินใจมาโรงพยาบาลเองคนเดียว) ดิฉันจึงถามหาเบอร์โทรของลูกชายป้าแล้วโทรไปบอกให้ลูกแกรู้ กว่าจะรู้เรื่องกันโทรไปสัก
3 ครั้งได้

          หลังจากพากินข้าว เข้าห้องน้ำห้องท่าเสร็จ กลับมาที่ห้องตรวจอีกครั้ง แกขอบอกขอบใจดิฉันใหญ่ ตอบแทนด้วยฮอลล์
2 เม็ด ที่แกค้น ๆ ได้จากกระเป๋าถือของแก และก่อนแยกจากกันแกเอ่ยปากให้พร ขอให้อายุมั่นขวัญยืน ดิฉันยกมือไหว้ขอบคุณและนึกชอบใจว่าแกให้พรถูกใจดิฉันจัง เพราะทุกครั้งที่ขอพรพระดิฉันจะอธิษฐานเสมอให้ตัวเองมีกำลังในการดูแลพ่อแม่บุพการี ทำคุณประโยชน์ต่อประเทศชาติผ่านหน้าที่การงาน และทำบุญทำกุศลให้กับพุทธศาสนาสืบต่อไป ถ้าเป็นไปตามพรที่แกให้ ดิฉันจะได้มีโอกาสทดแทนบุญคุณพ่อแม่ ประเทศชาติและศาสนานานขึ้น

          หลังจากกลับจากโรงพยาบาล เราสามคนพ่อแม่ลูก ก็ชวนกันแวะที่ว่าการอำเภอ เพื่อทำบัตรประชาชนใหม่ ดิฉันเองนั้นบัตรหมดอายุไปเมื่อวันเกิดที่ผ่านมาเมื่อสองสัปดาห์ก่อน ส่วนป๊ากับแม่ประสงค์อยากเปลี่ยนบัตรเป็น
Smart Card (ดิฉันเพิ่งรู้ว่าบัตรนี้มีชื่อภาษาไทยว่า บัตรประจำตัวประชาชนแบบเอนกประสงค์) ขณะนั้นเวลาประมาณบ่ายสามโมง เราสามคนได้รับคิวหมายเลข 196-198 กว่าจะได้ถ่ายรูปก็เป็นเวลาห้าโมงครึ่งเย็น การรอวันนี้ไม่เคร่งเครียดเลย เพราะนั่งอยู่ในห้องแอร์เย็น ๆ เจ้าหน้าที่ก็อารมณ์ดี พูดเล่นพูดล้อกับประชาชนที่มาขอรับบริการ เย็นแค่ไหนถ้ายังมีคนขอรับบริการ เจ้าหน้าที่ก็ยังบริการให้ วันนี้ได้สัมผัสกับ "อำเภอยิ้ม" ไม่เหมือนสมัยก่อนที่ต้องเดินขึ้นอำเภอกันแบบตัวลีบ...เพราะกลัวจะถูกดุ!!!

          เพราะต้องรอซะเย็น ดิฉันเลยมีโอกาสเห็นเจ้าหน้าที่ของอำเภอช่วยกันคนละไม้ละมือ เก็บกวาดทำความสะอาดโต๊ะ-เก้าอี้ อุปกรณ์เครื่องคอมฯ พื้นห้อง ฯลฯ พร้อมทั้งจัดข้าวของเข้าที่ให้เรียบร้อยก่อนกลับบ้าน แป๊บเดียวก็เรียบร้อย ดิฉันนึกแว๊บถึงที่ทำงานของตัวเองว่าน่าจะทำแบบนี้กันบ้าง ช่วยกันคนละไม้คนละมือก่อนกลับบ้านน่าจะดี เช้าวันรุ่งขึ้นเราก็จะเดินเข้าสำนักงานอย่างมีความสุขที่เห็นสำนักงานหมดจดเรียบร้อย ไม่ต้องเป็นภาระใครคนใดคนหนึ่ง (แม่บ้าน) แถมสำนักงานก็น่าดูน่าอยู่

          ดิฉันว่าถ้าพวกเราทุกคนช่วยกันเก็บกวาดรักษาความสะอาดในที่ทำงานเรา เหมือนกับที่บ้านของเราได้ จะทำให้ที่ทำงานของเราเองน่าอยู่ไม่ใช่น้อย และหากว่าเราลองปฏิบัติกับผู้สูงวัยรอบข้างตัวเรา เหมือนกับที่เราดูแลพ่อแม่ของเราเอง ก็คงจะมีส่วนทำให้สังคมเราน่าอยู่ไม่ใช่น้อยเช่นกัน ... ต่างช่วยกันดูแลกัน ... ความสุขก็จะเกิดขึ้นตามมา ...

หมายเลขบันทึก: 195607เขียนเมื่อ 21 กรกฎาคม 2008 23:22 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 01:10 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (17)

สวัสดีตอนเกือบครึ่งคืนค่ะ

  • อ่านแล้วคิดถึงตากะยาย ที่ใช้ชีวิตคู่ด้วยกันมาตั้ง 60 กว่าปี

 

 

เป็นบันทึกที่งดงามทั้งเนื้อความและการกระทำจริงๆค่ะ คุณกุ้ง คิดถึงจัง ชื่นชมจริงๆคนขยันขันแข็งทำงานจริงจังและมี"จิตใจ"ที่อบอุ่น เผื่อแผ่ถึงคนอื่นๆและสังคมประเทศชาติ อ่านแล้วดีใจจังเลยค่ะ ที่คนในหน้าที่แบบคุณกุ้งเป็นคนมีเนื้อแท้แบบนี้ จะมีคนได้อานิสงส์ดีๆจากคุณกุ้งอีกมากมายทีเดียว

พี่โอ๋เขียนได้ยืดยาว เพราะประทับใจจังเลยค่ะ เกือบลืม"สุขสันต์วันเกิด" ย้อนหลังค่ะ คนราศรีนี้ "เก่ง แกร่ง และใจดี" กันทั้งนั้นเลยนะคะ (ดูจากหลายๆท่านใน GotoKnow นี่แหละค่ะ ทราบวันเกิดทุกๆท่านมาจากอนุทินค่ะ)

วัฒนธรรมองค์กรตั้งแต่ระดับกระจิริดจนถึงมหึมา ย่อมมีผิดแผกแตกต่างกันไป... ซึ่งก็น่าจะเป็นเพราะ "ภาะผู้นำองค์กร" เป็นประการสำคัญในลำดับต้นๆ กรณีเดียวกัน หากองค์กรรัฐ/ราชการมีจิต service mind และความรัก ความผูกพันในองค์กร...ในฐานะหน่วยงานที่อุ่นหนาฝาคั่งไปด้วยมนุษย์เงินเดือนจากภาษีประชาชนก็น่าจะดีอยู่หรอก....

ผลการประกาศคุณภาพองค์กรทางการศึกษาล่าสุดบอกอย่างนี้ เอกชนเขาไปไกลมากแล้ว ตามไปติดๆด้วยอปท. ส่วนที่ยังเตาะแตะตั้งไข่ล้มต้มไข่กิน คือ ภาครัฐ...

ตราบใดที่องค์กรภาครัฐ/ราชการยังเก็บกวาดบ้านตนเองไม่เป็น...ป่วยการนะที่จะถามหา "คุณภาพ" ในภาพรวม ยกเว้น "คุณภาพคนเป็นรายบุคคล" อย่างเช่นคุณศน.ท่านนี้ที่ทุกครั้งคราวสวดมนต์มักจะขอพรให้ตนมีพลังเพื่อรับใช้สังคมและอยู่ดูแลบุพการี...ที่สำคัญพลังแห่งแรงกตัญญุตาของคุณน่ารักมากๆ...ชื่นชมนะ

สวัสดีครับ.

ไม่ได้มาเยี่ยมเสียนาน  อาจารย์สบายดีนะครับ
ผมเองก็เช่นเดียวกับหลายท่าน -
ชื่นชมในความแกร่ง และความเก่งของอาจารย์เสมอมา  และนั่นก็รวมถึงความผูกพันที่มีต่อคนในครอบครัวด้วย

และเช่นกันอีกรอบ
อ่านบันทึกนี้แล้ว
ชวนให้คิดถึงอีกคู่ชีวิตหนึ่งที่ยังครองคู่อยู่ที่บ้าน
แต่ก็โชคดีที่ล่าสุดเพียงไม่กี่วัน
ผมมีโอกาสได้กลับไปเยี่ยม
และช่วยท่าน "ดำนา" (บ้าง)

.....

มีความสุขมาก ๆ นะครับ

 

·     สวัสดีน้องภัช (ครูแม่มด)

·     ติดตามผลงานน้องอยู่...เยี่ยมมาก

·     เชียร์...เชียร์...

·     วันหลังบันทึกเรื่องตากะยายให้พี่อ่านบ้างนะ...

·     ขอให้มีความสุขกับการแลกเปลี่ยน...เรียนรู้จ๊ะ

  • ขอบคุณพี่โอ๋-อโณ บล็อกเกอร์ที่ศน.กุ้งศรัทธามาตลอด
  • ชมกันจนเขิน แว่บหนึ่งนึกไม่สบายใจเหมือนข้อเขียนของเราออกแนวเยินยอตัวเองหรือเปล่า...ชั่งใจว่าจะซ่อนบันทึกดีไหม
  • คิดอีกทีว่าเราอาจคิดเข้าข้างตัวเองมากไป ยังไงก็ยังมีมุมมองที่เป็นประโยชน์เพื่อสังคม... และอาจเป็นบันทึกที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมได้บ้าง ถึงจะเล็กน้อยก็คงมีส่วนช่วยกันได้บ้าง...แบบช่วยกันคนละไม้คนละมือ
  • ขอบคุณพี่โอ๋มาก ๆ สำหรับลิงค์ที่พาไปให้รู้จักตัวเองในอนุทิน ทำให้รู้ว่าราศีกรกฏเป็นไง...แวะไปอ่านจนเพลินเลยค่ะ
  • ในส่วนตัวแล้วจะให้ความสำคัญกับวันเกิดน้อยมาก เพราะคิดว่าไหน ๆ ก็เกิดมาแล้ว ก็แค่ว่าวันเกิด ที่ต้องให้ความสำคัญคือ เกิดมาแล้วจะใช้ชีวิตอย่างไรนั่นสำคัญ
  • ดังนั้นปีไหนในวันที่ครบรอบวันเกิดเรา...ถ้าว่างก็ใส่บาตรเสียหน่อย...ไม่ว่าง ก็ช่างมัน อย่างปีนี้ติดภารกิจพาคุณครูโรงเรียนวัดด่านช้าง KM การสอนคิด ก็เลยไม่ได้ใส่บาตร
  • แต่เมื่อไม่กี่วันนี้ไปเจอหนังสือเล่มหนึ่งชื่อ "อานิสงส์จากการทำบุญ" พูดถึงอานิสงส์ของการทำบุญวันเกิด ผู้เขียน (แก้ว สุพรรโณ) บอกว่า อานิสงส์การทำบุญวันเกิด จะช่วยให้ชีวิตประสบแต่ความสุข ความเจริญ และปลอดภัยจากภยันตรายทั้งปวง
  • ซึ่งการทำบุญวันเกิดนั้นถ้าไม่ใช่ครบ 1 รอบหรือ 12 ปี ก็เพียงให้ตักบาตรพระเท่านั้น หากเป็นโอกาสครบ 1 รอบหรือ 12 ปีแล้วล่ะก้อ...ควรทำบุญเลี้ยงพระเต็มพิธี มากน้อยแล้วแต่สภาพเศรษฐกิจของตนเอง
  • เพราะจะทำให้เราได้มีโอกาสฟังธรรม และควรพิจารณาถึงความตายไปด้วย ทั้งนี้เพื่อเป็นการรักษาตนไว้ให้ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท รู้สติอยู่เสมอ เมื่อมีชีวิตอยู่ก็สมควรประกอบแต่คุณงามความดี และที่ผ่านมาในปีหนึ่ง ๆ นั้นได้ทำบุญทำบาปไว้อย่างไรบ้าง การระลึกเช่นนี้ถือเป็นอานิสงส์อย่างหนึ่ง
  • เห็นทีว่าตัวเองต้องใส่ใจในการทำบุญวันเกิดให้มากขึ้นสักหน่อย...เพื่อสิริมงคลแก่ชีวิตของตัวเอง และได้รับอานิสงส์ให้อยู่รอดปลอดภัย ได้มีโอกาสดูแลพ่อแม่...ไม่เป็นอะไรไปก่อนท่าน
  • โห...คุยยาวเลย...ก็เพราะคิดถึงพี่โอ๋เหมือนกันค่ะ ขอบพระคุณสำหรับคำอวยพรค่ะ
  • ขอบคุณน้องศน.อรไท oryoryory
  • ที่ตามมาเชียร์...เอาใจช่วย...และจะไปช่วย KM ครูภาษาอังกฤษวันศุกร์นี้
  • ได้ข่าวว่า อาจารย์แอ๊ด-ขจิต ฝอยทอง กามนิตหนุ่มของ GotoKnow จะมาเตรียมงานให้ในวันพฤหัส ... รับรองว่า KM คราวนี้มีอะไรสนุก ๆ แน่นอน
  • ขอบพระคุณท่าน ปชส.เชียงราย กริช มากกุญชร 
  • ได้ตามไปอ่านงานเขียนของท่าน เกิดแรงบันดาลใจในการเขียนบันทึกของตัวเองเยอะแยะเลย
  • ขอบพระคุณสำหรับมุมมองที่นำมาต่อเติมให้กัน...วัฒนธรรมของราชการนั้น ดิฉันว่า...โบราณสักหน่อย
  • เมื่อวันก่อนคนโบราณที่บ้านของดิฉัน ไม่ใช่ใครอื่น "ป๊า" หรือ "พ่อ" ของดิฉันเอง เรานั่งคุยกันในวงข้าว แล้วก็มาถึงมุมมองของป๊าที่ไม่เห็นด้วยกับการที่ต้องยกชามจานที่กินอาหารหมดแล้วไปเก็บเอง เมื่อคราวที่พาพ่อไปโรงพยาบาลประจำจังหวัดเมื่อวันก่อนแล้วพาไปนั่งหม่ำข้าวที่ห้องอาหารของโรงพยาบาล
  • ป๊าพูดว่า "ไอ้ห่_ มันใช้ให้เราเก็บจานเองได้ยังไง คนทำความสะอาดทำไมไม่เก็บ เสียเงินค่าจ้างคนทำไม" ... ดิฉันต้องอธิบายเหตุผลให้ป๊าฟังว่าสมัยนี้ที่ไหนก็เป็นแบบนี้ ต้องช่วยกันเพราะคนทำความสะอาดดูแลไม่ทัน เราก็ต่างช่วยกันเก็บโต๊ะอาหารจะได้ว่าง คนต่อไปเขาจะได้มีที่นั่ง ป๊าไม่ทันสมัยเลย ตามโรงอาหารมหาวิทยาลัยก็เป็นแบบนี้นะ ตอนไปโรงพยาบาลรามาฯ ก็เป็นอย่างนี้ป๊าจำไม่ได้เหรอ" ป๊าจึงได้อือ ๆ เห็นด้วยครึ่ง ๆ นี่ขนาดไม่ได้ยกจานชามไปเก็บเองนะ เพราะดิฉันยกเองหมด (แถมลามไปช่วยเก็บจานของคนอื่นที่อยู่ใกล้ ๆ ไปเก็บให้ เพราะบางคนที่เขาแก่ ๆ เขาก็ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างนี้)
  • เห็นไหมคะคนโบราณ ถ้ามีกันแบบนี้หลาย ๆ คนก็จะเปลี่ยนวัฒนธรรม ระบบ วิธีการกันลำบากหน่อยมังคะ
  • ขอบพระคุณสำหรับการแลกเปลี่ยน...ที่ก่อให้เกิดการเรียนรู้ค่ะ
  • ขอบพระคุณ ท่านผอ.ประจักษ์
  • ที่มา...อนุโมทนา...สาธุ
  • จริง ๆ ก็คิดหวังผลเหมือนกันค่ะ...หวังว่าเวลาตัวเองแก่ ๆ ต้องมาโรงพยาบาลคนเดียวแบบนี้บ้าง กุศลผลบุญที่ทำจะส่งผลให้เราตอนแก่ ๆ ได้พบเจอคนที่เอื้ออาทรเรากลับบ้าง
  • เหมือนเมื่อก่อนตอนเด็ก ๆ ที่ยังช่วยพ่อแม่ขายของโชห่วยอยู่ในตลาด เวลาไปซื้อของแล้วได้รับเงินทอนจากแม่ค้ามาเกิน เพราะแม่ค้าคิดผิดทอนเงินให้เราเกิน ก็จะคืนกลับไป ไม่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เอาเปรียบเขา เผื่อเวลาเราคิดผิดทอนเงินให้คนอื่นเกินไปตอนเราขายของ อานิสงส์นี้จะส่งผลให้เขาไม่เอาเปรียบเราบ้าง
  • เอ...คิดอย่างนี้จะได้บุญไหมน๊า...ก็เพราะหวังผลนี่แหละ
  • กิเลสยังมีอยู่นะคะ...
  • ขอบคุณอาจารย์พนัส คุณแผ่นดิน
  • ที่จริงแล้วก่อนหน้านี้ได้เข้าไปอ่านบันทึกละเมียดละไมเกี่ยวกับคู่ชีวิตหนึ่งที่อาจารย์พูดถึงแล้ว...หากแต่ไม่ได้ทิ้งรอยไว้
  • เห็นรอยยิ้ม...นาข้าว...และซึมซับเรื่องราวที่อาจารย์ถ่ายทอดแล้ว รู้สึกอิ่มไปกับอาจารย์
  • สมัยก่อนที่ครอบครัวของดิฉันยังค้าขายอยู่ในตลาด ช่วงหลังพ่อเขาแยกตัวไปเลี้ยงกุ้ง เพราะไม่ชอบค้าขายเหมือนแม่ ต่อมาพอพ่อยุ่งมาก ส่วนลูก ๆ ก็แยกไปเรียนบ้าง มีครอบครัวไปบ้าง แม่เลยต้องเลิกขายของไปช่วยงานพ่อ...หลัง ๆ เลี้ยงกุ้งรายได้ชักไม่ค่อยดี ที่ทางก็เช่าเขาไม่ใช่ของเรา พ่อก็ปรับไปเลี้ยงปลาบ้าง ปลูกข้าวบ้าง
  • ดิฉัน น้องสาว และแม่ปรึกษากันว่าหากยังดิ้นกันต่อไปแบบนี้ไม่ดีแน่...เราอาจเป็นหนี้เป็นสิน เลิกตอนนี้ถึงเราไม่มีเงินเก็บ แต่ก็พอมีที่อยู่ในตลาดที่พ่อกับแม่เก็บหอมรอมริบจากการเลี้ยงกุ้งเมื่อคราวรายได้ดี ๆ ซื้อที่ทางเก็บไว้
  • ที่สำคัญพ่อมีอาการ "ต้อกระจก" มากขึ้น แถมน้องชายคู่แฝดก็จะจมอยู่ในสังคมหมู่บ้านที่เราไปเช่าที่ทำมาหากินนั้นอยู่ ซึ่งตอนนั้นเต็มไปด้วยยาเสพติด และเพื่อน ๆ วัยรุ่นที่ติดเหล้ากันงอมแงม
  • ก็เคี่ยวเข็ญอยู่นาน เพราะพ่อไม่ยอมง่าย ๆ เขาบอกว่ายังมีกำลังทำมาหากิน จะมานั่งเฉย ๆ อยู่ได้ยังไง ถึงเราจะบอกว่าเราเลี้ยงเขาได้ เขาก็ไม่อยากเชื่อ และเห็นว่าเราเป็นเพียงลูกสาว เขามีความหวังอยู่ที่ลูกชายมากกว่า หวังจะสร้างฐานให้ลูกชาย
  • กว่าจะทำใจนั่ง ๆ นอน ๆ ให้ลูกเลี้ยงก็นานโขอยู่ ... วีรกรรมของพ่อนั้นเยอะค่ะ เรื่องดื้อรั้น...
  • ขอบคุณสำหรับกำลังใจที่ต่อเติมให้กันอยู่เสมอค่ะ

หวัดดีครับ คุณครูกุ้ง

ซำบายดีทั้งกายและใจแล้วนะ

สบาย กาย หมายถึง งานนะเบาลงไหม

สบาย ใจ นะ หมายถึง ไม่เจ็บป่วย และไม่เคลียด

ถ้าได้อย่างนี้ ครูเก่า ก็ยินดีด้วย

คิดถึงครับ

  • สวัสดี...ท่านพี่คุณครูเก่า
  • อยู่ดีมีแฮง...ตามอัตถภาพ
  • คิดถึงหนุ่มลำพูนเสมอ...ไม่เจอกันน๊านนานมาแล้ว...
  • ไม่รู้เมื่อไรพี่ดุจดาว จะเรียกใช้ให้เราได้เจอกัน
  • ขอบคุณที่แวะเวียนมาถามไถ่และให้กำลังใจค่ะ

ดีใจที่สบายดีนะคะ

กาย- ใจ ไปด้วยกันค่ะ

ระลึกถึงเสมอ

  • ขอบคุณพี่อึ่งอ๊อบ
  • พี่สาวที่แสนดี....คิดถึงพี่อึ่งอยู่เสมอ...เช่นเดียวกัน
  • งานยังเยอะเหมือนเดิม แต่พยายามจะจัดระเบียบชีวิตของตัวเองอยู่
  • วันที่ 7-8 ส.ค. มีนัดพิเศษกับป๊าและแม่ พาไปร่วมโปรแกรมทัวร์เพื่อสุขภาพกับโรงพยาบาลบางปล้าม้า เขาพาไปอยุธยา
  • เตรียมบอกหัวหน้า กับผอ.เขตฯ แล้วว่าต้องขออนุญาตจริง ๆ ถ้าผิดนัด พ่อแม่เราจะเสียใจ
  • เห็นว่าวันที่ 8 มีคนขอมาดูงาน KM ที่เขตฯ ด้วย...ยังไงก็ต้องขอลา อยู่ไม่ได้จริง ๆ
  • เอาไว้กลับมาจะเล่าให้พี่อึ่งฟังค่ะ
  • ราตรีสวัสดิ์ พรุ่งนี้ต้องรีบตื่นไปประชุมที่กรุงเทพฯ ค่ะ

ทริป ปาย-ปางอุ๋ง-ภูชี้ฟ้า-แม่ฮ่องสอน 31-4 มกราคม 52 คร้าบๆๆๆ

ปีใหม่นี้เที่ยวเหนือ กับทัวร์อินไทยแลนด์

เติมเต็มความสุขให้ชีวิต กับทริป ภาคเหนือ สัมผัสกับบรรยากาศ แห่งขุนเขา และทะเลหมอกยามเช้าอากาศยามเช้า ท่านจะพบกับความอุดมสมบูรณ์แห่งผืนป่า ทุ่งดอกไม้ วิถีชีวิตของชาวเหนือสองฝั่งข้างทาง

ราคาพิเศษ สุดๆๆๆ เดินทางโดยรถไฟตู้นอนปรับอากาศ ระดับ vip

กรุงเทพ-เชียงใหม่

สนใจติดต่อเราได้ที่:

TOUR IN THAI AND AMAZING TRAVEL

83/120 เสนานิคม 1 แขวงจรเข้บัว เขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ 10230

tourthailand1*** โทร 0890186695 0-29071535 0-25783998

หรือ www.tourinthailand.com

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท