ฟังหูไว้หู ... แล้วเราจะรู้ว่า หูทั้งสองข้างสอนอะไร (ท่านชุติปัญโญ)


"...เมื่อต้องการที่จะให้ชีวิตดำเนินไปอย่างเป็นสุขเพราะรับฟังหูทั้งสองข้างจะต้องทำงานอย่างเข้าใจด้วยการเรียนรู้ที่จะฟังด้วยหูข้างหนึ่ง และแบ่งหูอีกข้างหนึ่ง เพื่อฟังเสียงของปัญญาที่มาจากใจ..."

ชีวิตของคนทุกคน มักได้ยินได้ฟังอะไรหลาย ๆ อย่าง บางคนหูเบา ฟังครั้งแรกไม่ได้คิดไตร่ตรองจึงเชื่อ บางคนหูหนัก เชื่อยาก แต่อาจจะดื้อหน่อย ใครว่าอย่างไรก็ไม่ฟัง แบบนี้ไม่รู้อีกกี่ชาติจะคุยกะคนอื่นเขารู้เรื่องสักที

ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร สิ่งที่โบราณสอนเราไว้ คือ การฟังหูไว้หู ดังข้อเขียนท่านชุติปัญโญได้ชี้แจงแถลงไขพร้อมยกตัวอย่างดี ๆ ให้เราได้รับรูรับทราบกัน

 

:) ............................................................................................................................. (:

 

ปัญหาที่เกิดขึ้นในชีวิตของคนเรา บางครั้งมักเกิดเพราะการรับรู้จากเรื่องเล็กนิดเดียว แต่ก็มักจะถูกขยายความและปรุงแต่งให้มากกว่าเดิมในเวลาต่อมา ปัญหาเล็ก ๆ จึงลุกลามเป็นปัญหาที่ยากเกินจะเยียวยา

สิ่งที่คอยทำให้เกิดปัญหา ก็เนื่องมาจากการรับรู้ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย โดยมีใจเป็นตัวแปรให้เกิดความรู้สึกต่าง ๆ เพราะเมื่อใจรับรู้แล้วประทับใจก็เกิดเป็นความรัก เมื่อรับรู้แล้วเกิดเป็นความชัง ก็จะแสดงกิริยาที่เป็นการผลักไสให้ไกลตัว

การที่เราต้องสื่อสารกับคนรอบข้างและสังคมที่กว้างกว่าสิ่งที่แสดงออกไปแล้วมักมีผลต่อความรู้สึกของเขาและเราที่เป็นรูปธรรมมากที่สุดก็คือ "เสียงพูดที่ออกไป และคำพูดที่ได้ยิน" โดยการใช้ปากสื่อคำพูด และใช้หูในการรับฟัง

 

เมื่อได้ยินเสียงที่ชอบใจก็ทำให้รู้สึกดี เกิดความประทับใจในสิ่งที่รับรู้ คำที่ได้รับการเสกสรรจำนรรจาจากปาก เป็นสิ่งที่ทำให้หูผึ่ง แต่บางครั้งก็ทำให้น้ำตาไหลอย่างไร้เหตุผล เพราะถ้อยคำที่ได้รับฟังเพียงไม่กี่คำ ก่อเป็นความทุกข์ที่ยากเกินกว่าคนอื่นจะเข้าใจ

ด้วยเหตุนี้ การฟัง จึงเป็นอีกเหตุผลที่เราควรใส่ใจและเรียนรู้ที่จะให้หูทั้งสองข้างทำงานอย่างถูกต้อง เพื่อประโยชน์ต่อการรับรู้สิ่งต่าง ๆ ที่ผ่านเข้ามา อย่างน้อยก็ทำให้ไม่ต้องน้อยใจเวลาฟังเรื่องที่ไม่เป็นดั่งหวัง

เพราะในชีวิตประจำวัน เราปฏิเสธไม่ได้ว่าแต่ละวันต้องรับรู้โดยใช้หูรับสารที่พูดออกมาจากปาก ทั้งถ้อยคำที่รื่นหูและคำพูดที่หยาบคาย ซึ่งขึ้นอยู่กับสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้อง

 

แต่ในชีวิตประจำวันของคนที่ไม่มีการฝึกฝน ถ้อยคำที่รับฟังมักมาในรูปแบบของคำพูดที่กระทบกระเทียบเปรียบเปรย และเชือดเฉือนให้เจ็บช้ำน้ำใจ เห็นคนอื่นดีกว่าไม่ได้ เป็นต้องเฉือนให้เจ็บอุราด้วยวาจาถากถาง ถือว่าเป็นสิ่งแวดล้อมที่ยากเกินกว่าจะปฏิเสธเพื่อหลีกห่างได้

เพราะยิ่งสังคมวิ่งตามความอยากที่ไม่มีสิ่งคอยรั้งมากเท่าใด จิตที่คิดดีต่อผู้อื่น วาจาที่สื่อสารเพื่อความเป็นมิตรก็น้อยลงเท่านั้น ที่เหลือมักเคลือบแฝงด้วยความรู้สึกต้องการเอาเปรียบเสมอ

ปัญหามิได้อยู่ที่ว่า เราถูกย่ำยีเพราะคำพูดเพียงฝ่ายเดียว แต่ขึ้นอยู่ตัวเราผู้รับฟังด้วย เพราะถ้าใช้หูรับรู้ไม่เป็น รับฟังแล้วปรุงแต่งให้คำพูดนั้นมีอิทธิพลต่อชีวิตของตัวเอง ถ้อยคำที่ถูกเสกสรรปั้นแต่งจากผู้อื่นจะวกกลับมาทำร้ายเราทันที

 

หูทั้งสองข้างจึงไม่ได้มีไว้เพื่อรับฟังแล้วทำให้ตัวเรามีปัญหา แต่มีไว้สำหรับรับรู้แล้วนำมาเป็นครูสอนใจ เพื่อให้ชีวิตได้เรียนรู้แล้วทำให้ปัญญาบังเกิดมี ไม่ใช่จมอยู่กับคำพูดของคนอื่นอยู่ร่ำไป

เพราะถ้าคิดว่า สิ่งที่คนอื่นพูดแล้วเราต้องรับรู้ทุกอย่าง วิธีคิดเช่นนี้ ย่อมเป็นไปเพื่อทำให้ชีวิตบอบช้ำโดยส่วนเดียว จนยากที่จะรู้ว่าความสุขที่เกิดจากการฟังจะมีแก่เราได้อย่างไร เสียงที่ดังมาจากปากของผู้อื่น จะกลืนชีวิตของเราให้ไปสู่ความด้อยค่าอย่างน่าอาย

 

คนที่เคยมีความรักต่อกันมาสลัดความสัมพันธ์ เพราะรับรู้ว่าอีกฝ่ายพูดให้รู้สึกไม่ประทับใจ ความสัมพันธ์ที่เคยมีจึงแตกสลายไป

ลูกฆ่าตัวตาย เพราะฟังถ้อยคำต่อว่าที่มาจากความหวังดี เป็นความเข้าใจว่าพ่อแม่ไม่เคยรักตน

เพื่อนฆ่าตัวตายเพราะน้อยใจในถ้อยวจีที่เพื่อนกล่าวเตือน แต่เพราะใจที่แชเชือน จึงหลงว่า เป็นการกล่าวหาให้ช้ำใจ

วัยรุ่นที่มีรักต้องมาด่วนจากเพราะทำร้ายตัวเอง เพราะรับรู้เพียงว่า "ฉันไม่รักเธออีกแล้ว" ความเจ็บปวดที่เกิดจากการรับรู้ทางหู ช่างเสียดแทงจนทนไม่ไหว

ผู้ใหญ่วัยทำงานฆ่าตัวตายเพราะสร้างชีวิตไม่ได้ดั่งหวัง ซ้ำร้ายถูกผู้อื่นเปรียบเปรยให้เจ็บอุรา ทำให้ใจที่ไม่เข้มแข็งพอต้องถลาลงจากความหวังอันสูงสุด เพราะคิดว่าตัวเองเป็นอย่างที่คนอื่นกล่าวหา

 

เมื่อมองเรื่องราวชีวิตที่เกิดขึ้น ภาพที่บอกเล่าเป็นตำนานที่ผ่านมา ล้วนฟ้องให้รู้ว่าการฟังที่ไม่มีสติปัญญาเข้ามากำกับย่อมเป็นไปเพื่อการนำหายนะมาสู่ชีวิตเสมอ

ด้วยเหตุนี้ เมื่อต้องการที่จะให้ชีวิตดำเนินไปอย่างเป็นสุข เพราะการรับฟัง หูทั้งสองข้างจะต้องทำงานอย่างเข้าใจ ด้วยการเรียนรู้ที่จะฟังด้วยหูข้างหนึ่ง และแบ่งหูอีกข้างหนึ่งเพื่อฟังเสียงของปัญญาที่มาจากใจ

เพราะการฟังหูไว้หู เป็นการบ่มเพาะวิธีฟังด้วยใจที่รู้จักวินิจฉัย มิใช่วิ่งตามใจที่เพรียกหาโดยไร้เหตุผล เป็นการฟังเสียงที่รับรู้ผนวกกับใจที่มีปัญญาคอยกำกับ เสียงที่ได้ยินย่อมถูกกลั่นกรองอย่างมีเหตุผลในตัวเอง

 

ครั้งเมื่อผู้เขียนศึกษาอยู่ที่จังหวัดขอนแก่น มีโอกาสได้ไปอาศัยพึ่งใบบุญของ หลวงปู่พระครูโพธิสารคุณ วัดโพธิ์โนนทัน อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น หรือที่ชาวบ้านนิยมเรียกท่านว่า "หลวงปู่โพธิ์" ผู้เป็นพระวิปัสสนาจารย์ที่เปี่ยมด้วยเมตตา

สิ่งหนึ่งที่หลวงปู่ให้ความสำคัญมากก็คือ การพัฒนาตัวเอง โดยเริ่มตั้งแต่การรู้จักฟังให้เป็น เวลาทำวัตรสวดมนต์เสร็จ หลวงปู่จะแสดงธรรมนานพอสมควร พระสงฆ์ในวัดจึงต้องเรียนรู้ที่จะฟังด้วยใจที่สงบนิ่ง เสมือนหนึ่งว่าท่านต้องการที่จะฝึกการฟังให้เป็นแนวทางไปสู่การฝึกจิตให้เกิดปัญญา

ท่านจะชอบเล่าเรื่องการอยู่อย่างสงบควรทำอย่างไร และเล่าเรื่องการไปธุดงค์ในพื้นที่ต่าง ๆ ของท่านให้ฟัง ด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้มตลอดเวลา เป็นความน่ารักที่ซ่อนอยู่ในความเมตตาที่หลวงปู่มอบให้แก่ลูกศิษย์เสมอมา

 

รศ.ดร.บุรัญชัย  จงกลนี ลูกศิษย์ท่านหนึ่งของหลวงปู่ เล่าไว้ในหนังสือเรื่อง "สำหรับผู้เห็นความคิด" เกี่ยวกับปฏิปทาของหลวงปู่ที่ช่วยแก้ไขปัญหาให้ญาติโยมว่า

มีหญิงสาวคนหนึ่งมีใบหน้าที่บ่งบอกว่า มีความทุกข์อย่างมากที่เข้าไปกราบหลวงปู่ ใบหน้าเธอชุ่มไปด้วยน้ำตา พร้อมกับระบายความทุกข์ให้หลวงปู่ทราบ

"หลวงปู่เจ้าคะ หนูอยากตาย"

"เรื่องอะไรล่ะโยม ทำไมถึงอยากตาย ?"

"หนูถูกแม่ด่าว่าโง่เหมือนควาย เพราะไปเสียรู้คนอื่นมาแทนที่แม่จะปลอบใจ กลับด่าให้ทุกข์ใจอีก หนูคิดว่า แม่จะเป็นที่พึ่งสุดท้ายให้หนูได้ แต่แม่กลับมาด่าหนูอีก แล้วบอกให้ไปตายอีกต่างหาก"

หลวงปู่รับฟังด้วยอาการสงบสักครู่หนึ่ง เพื่อให้หญิงสาวผู้มาเยือนได้ระบายความอัดอั้นที่เธอมี หญิงสาวพูดและร้องไห้ไปด้วย จนมีอาการสงบลง หลวงปู่จึงกล่าวให้ข้อคิดว่า

"ควายมันไม่ดีตรงไหนล่ะ มันไม่เคยเบียดเบียนใคร อาหารที่มันกินก็ไม่เคยแก่งแย่งคนอื่น แถมยังทำไร่ทำนาให้คนมีข้าวกินอีกด้วย โยมควรจะดีใจด้วยซ้ำที่แม่ด่าว่าโง่เหมือนควาย เพราะถ้าโยมโง่เหมือนควายจริง ๆ โยมจะไม่ทุกข์ ไม่เสียใจอย่างที่เป็นอยู่นี้ แต่โยมไม่ได้โง่เหมือนควายอย่างที่แม่ว่า แถมเอามาปรุงแต่งต่อจนเสียอกเสียใจ และคิดจะฆ่าตัวตายอยู่อย่างนี้ โง่เหมือนควายนั่นแหละเป็นสิ่งที่ใกล้นิพพานที่สุดแล้ว"

ขณะที่หญิงสาวนั่งฟัง เธอไม่ได้ฟังด้วยอารมณ์เหมือนครั้งแรกที่รับรู้ แต่เธอเริ่มใช้หูฟังและใช้ปัญญาไตร่ตรองถ้อยคำที่ได้ยิน ถ้อยคำที่หลวงปู่กล่าวสอน ไม่ใช่คำที่สื่อความหมายเพื่อต่อว่าเธอให้เจ็บช้ำน้ำใจ

แต่เป็นการสอนให้รู้ว่า เพราะเธอฟังเฉพาะเสียงที่ได้ยินจากปากของแม่ โดยไม่ใช้ปัญญาไตร่ตรองถึงความรักที่ซ่อนอยู่ในคำด่า เธอจึงทุกข์เพราะถ้อยคำเหล่านั้น เมื่อหลวงปู่กล่าวจบ เธอจึงพูดขึ้นด้วยความรู้สึกที่เปลี่ยนไป

"หลวงปู่ หนูรู้แล้ว ๆ"

 

แล้วเราล่ะ ... รู้หรือยังว่าจะใช้หูทั้งสองข้างฟังอย่างไร ความสุขจึงจะบังเกิดขึ้นในชีวิตของเรา

โปรดใช้หูข้างหนึ่งฟังเสียงที่ออกมาจากปากของผู้อื่น แล้วใช้หูอีกข้างหนึ่งฟังเสียงของปัญญาที่มาจากใจของคน แล้วจะรู้ว่าหูทั้งสองข้างสอนอะไรให้กับชีวิตของเรา

 

:) ........................................................................................................................... (:

 

การตัดสินชีวิตใคร ว่าเป็นอย่างไรนั้น เราต้อง "ฟังหูไว้หู" เสมอ .. อย่าเชื่อทั้งหมด เพราะมีสิ่งที่เป็นไปได้ และเป็นไปได้ แอบซ่อนตัวอยู่

นั่งฟังข่าวจากช่องทีวีของรัฐบาล ... ก็อย่าเชื่อมาก เพราะสื่อสามารถทำให้คนคล้อยตามได้ง่าย หากคนผู้นั้น ฟังครั้งแรกแล้วเชื่อเลย

นั่งฟังข่าวจากเว็บไซต์ที่สนับสนุนพันธมิตร ... ก็อย่าเพิ่งเชื่อเช่นกัน เพราะข่าวที่ออกมามักโจมตีฝ่ายตรงข้ามอย่างรุนแรง จนบางครั้งหาเหตุผลไม่เจอก็มี หรือบางเรื่องที่ตัดสินใจทำลงไป ก็ไม่ได้ทำให้เกิดเรื่องดีจริง ๆ แต่แฝงไปด้วยอารมณ์เอาชนะเท่านั้น

การ "ฟังหูไว้หู" จึงเรื่องที่ดีที่สุด แต่ไม่ใช่เรื่องที่บอกว่า "เราต้องเป็นกลาง" คนละประเด็นกัน ถ้าเราไม่หลงใหล รู้เท่าทัน เราจะทราบเองว่า เราต้องเลือกข้างความดีและคนดีเสมอ

 

คำพูดเป็นในบันทึกที่นอกเหนือจากข้อเขียนของพระอาจารย์ชุติปัญโญแล้ว ที่เหลือถือเป็น "ความคิดเห็นส่วนตัว" ทั้งสิ้น ... ไม่ขอตอบโต้ข้อขัดแย้งที่ไม่ได้ใช้วิจารณญาณ แต่ใช้อารมณ์

 

บุญรักษา คนไทย คนดี และประเทศชาติ :)

 

 

:) ........................................................................................................................... (:


แหล่งอ้างอิง

ชุติปัญโญ (นามแฝง).  จะยากอะไร ถ้าอยากให้ใจมีสุข.  พิมพ์ครั้งที่ 4.  กรุงเทพฯ: ใยไหม, 2550.

 

หมายเลขบันทึก: 193617เขียนเมื่อ 11 กรกฎาคม 2008 22:42 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 19:17 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (18)

ต้องหาซื้อมาอ่านแล้วค่ะ   อยากอ่าน  และอยากให้ใจมีสุขค่ะ

คุณ danthai ... อยากอ่านก็เอาเลยครับ ... สนับสนุนหนังสือธรรมะเย็น ๆ ครับ :) ... ซีเอ็ดฯ น่าจะมีอยู่ครับ

  • มาแลกเปลี่ยนกับครูค่ะ
  • เห็นด้วยกับข้อเตือนใจให้ตริตรองและหมั่นใช้กับชีวิต เรื่อง "ฟังหูไว้หู" เพื่อ การพัฒนาตัวเอง โดยเริ่มตั้งแต่การรู้จักฟังให้เป็น อย่างที่หลวงปู่ท่านสอนสั่ง
  • ฟังหูหนึ่งให้ได้ยิน เว้นไว้อีกหูหนึ่ง ด้วยเวลาที่นานพอ ที่จะมีเวลาได้ยินอารมณ์ของตัวเองชัดเพียงพอ ได้ยินปัญญาของตัวเองนานพอ ที่จะชะล้างคราบไคลในใจที่มีโอกาสหมองไหม้จากอารมณ์ให้หลุดออกไป  ให้ได้ใจใสบริสุทธิ์แลกมา เพื่อให้เกิดแสงสว่างพอเพียงที่จะส่องให้เห็นความดี ณ ตรงหน้าได้
  • หากไม่ต้องเลือกข้าง ความเป็นกลางจริงๆ จะมีในโลกนี้
  • แต่หากยังมีการแบ่งข้าง ความเป็นกลาง ณ ที่นั้น ก็ไม่มี
  • หมอเจ๊มีความเห็นส่วนตัวว่า ความเป็นกลาง คือ การทำให้ทุกข้างชนะ พร้อมไปกับการไม่มีข้างใดแพ้ค่ะ
  • เป็นการชนะที่ทุกข้างได้คืนมาซึ่งความดีและความสุข
  • แต่ครูค่ะ การจะทำให้เกิดการชนะทุกข้างได้นั้น หากทุกๆคน"ไม่ฟังหูไว้หู" ทำให้เกิดได้ยากมากๆๆๆๆค่ะ

สวัสดียามเช้าค่ะอาจารย์ ฟังหูไว้หูนี่เป็นสิ่งที่คนยุคปัจจุบันทำได้ยากนะคะ เพราะมีปัจจัยที่จะต้องทำอะไรให้เร็วๆแข่งกับเวลา แข่งกับคนอื่น

ทางKM อาจารย์คุณหมอประเวศใช้ว่า ฟังแล้วแขวนไว้ก่อน โดยยังไม่ตัดสิน แล้วจึงค่อยๆไตร่ตรอง

อาจารย์อ่านหนังสือเยอะมากค่ะ เลยได้มาตามเก็บความรู้ และข้อคิดเตือนใจไปเรื่อยๆ ขอบคุณค่ะ

สวัสดีค่ะ ท่านอาจารย์ที่เคารพ และคิดถึงที่ซู๊ด (^__^)

  • ได้อ่าน ก็ได้คิด และไม่เคยผิดหวังซักกะทีเมื่อเข้ามาในบันทึกของอาจารย์นะคะ
  • "หู" เป็นเพียงอุปกรณ์ในการรับข้อมูล ที่สำคัญคงเป็นกล่องประมวลผล ที่ประกอบไปด้วย สติ ซึ่งเป็นแผ่นกรอง และจิต ที่เป็นหม้อปรุงแรงดันสูง มังคะ
  • เอ เช้า ๆ อย่างนี้ทำไมคิดถึงหม้อ คิดถึงกระทะขึ้นมาได้เนี่ยะ
  • ว่าแล้วไปหาอะไรทานก่อนดีกว่าค่ะ จะได้มีพลัง
  • ปูเลี๋ยวจะหิ้วขนมมาเผื่อนะเจ้าค่ะ
  • อิ..อิ..

 

คุณ หมอเจ๊ คนสวย แซ่เฮ ครับ ... ตอนนี้เชือกแห่งความเป็นกลางกำลังหมุนเป็นเกลียวมากขึ้น เชือกทั้งสองฝ่ายปีนกันไป ม้วนพันกันไปมา กำลังจะหาทางแก้ไขได้ยากขึ้นทุกวัน

แต่เราต้องมีความเชื่อว่า ไม่มีสิ่งใดในโลกไม่มีทางแก้ไขหรอกครับ

ทุกอย่างมีทางแก้ไข หากแต่อาจจะต้องใช้ "เวลา" เป็นผู้เดินทางเข้ามาแก้เชือกเหล่านั้นดู

ผมก็เชื่อตามคุณหมอว่า ความเป็นกลางต้องไม่มีผู้ชนะและผู้แพ้อย่างแน่นอน ครับ

เราทุกคนต้องเดินไปด้วยกัน และ พร้อมกัน ประเทศจึงจะสงบ และพัฒนาต่อไป

ขอบคุณครับ :)

ขอบคุณ อาจารย์ คุณนายดอกเตอร์ ครับ ...

ชอบใจ "ฟังแล้วแขวนไว้ก่อน" ของคุณหมอประเวศ ครับ

ศาสตร์บางศาสตร์เรียนรู้แล้วจะเห็นว่า ขัดแย้งกับคำพูดนี้ เช่น การบริหาร บางคนถือว่า ต้องตัดสินใจเร็วและเฉียบขาด โดยขาดการไตร่ตรองก่อน

ผมคิดว่า การตัดสินใจเร็วและเฉียบขาด ต้องดูสถานการณ์ ธรรมชาติของคนที่อยู่ในวัฒนธรรมและความเชื่อด้วย

อย่างประเทศไทย ดูจะไม่เหมือนสักเท่าไหร่ เพราะประเทศของเราสงบสุขกันมานาน ถึงแม้อาจจะต้องก้าวให้ทันโลก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า "เราจะเลือกให้คนของเรามีความทุกข์มากกว่าที่เคยเป็น แลกกับความเจริญที่มนุษย์บริหารพวกนั้นมาคิดแทนเรา"

ขอบคุณคำชมของอาจารย์ ถือเป็น กำลังใจ ถึงแม้ว่า ผมจะนำไปใช้ได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่การแลกเปลี่ยนกับผู้รู้อย่างอาจารย์ ผมมีความสุขดีครับ

ขอบคุณครับ :)

สวัสดีครับ คุณ ครูปู :)

คิดถึงจริง ๆ อ่ะ 555

คนเราชอบลืมว่า เรามี "หู" ไว้ฟังไงครับ สงสัยจะนึกว่า "หู" ไว้พูดแข่งกะปากมั้งครับ 555

ทานกาแฟกะขนมปังแล้วครับ อิ่มนิดหน่อย

ขอบคุณมากครับ น่ากินเนอะ :)

... 5 5 ขออนุญาติ นะคะ แบบปูจะสำรวมหูก็กระไรอยู่ค่ะ

... เพื่อความถูกต้อง ค่ะ .. จะทักตั้งแต่เมื่อเช้าแล้วเชียว คห. 5

* ท่านอ. เสือ ก็นะ ... พี่ครูปูคงเข้าใจผิดคิดว่า ..

... ท่านอ. เป็นรุ่น อ. ปู่ ... ปูนะคะ .. ขออภัย และ ขอเรียนว่า พี่ครูปู บ่ได้ อาวุโส ขนาดคุณย่ารหัสปู เด้อค่า ขอบอก:)

... จากแฟนพันธุ์แทะ ไม่มีหู ค่ะ ...

 

 

ขอเสียงปรบมือให้น้อง poo จ๋า หน่อย... อิ..อิ..

ขอบคุณ คุณ poo (ที่ไม่มีหู)... แวะมาแทะผมช่วยป้า เอ้ย คุณ ครูปู  (ที่มีหู) ครับ 555

 

อาจารย์ขา

ฟังหูไว้หูแล้ว มาชวนไปอ่าน จดหมายค่ะ

มาอีกรอบเพื่อความกระจ่างค่ะ ท่านอ.ปู่เสือ :)

* ....

* ขออภัย ปูตอบผิดบันทึก จริงๆ ก็ใช้ได้ค่ะ รวบ ทั้งสองบันทึกใหม่

* และบันทึกนี้ร่วมกันได้  ....  ขอบคุณค่ะ .. แบบหูปูชอบหาเรื่องนะคะ

แต่ก็นึกถึง เพลง ลมปาก วง แคลช หรือ บิ๊กแอ๊ด จังเลยค่ะ ...

* ที่เนื้อหา ประมาณ แค่ลมปากคนอื่น บอกต่อๆ กันมา กันไป  ก็คงไม่กระจ่าง

หากไม่ได้สัมผัส เรียนรู้ ด้วยตนเอง .. ประมาณนี้ล่ะคะ จำบ่ได้แล้ว

* ….

* .... มีความสุขที่ได้แทะ ... ยิ้มแยะ แยะ อ. เสือ ….

*  หากเริ่มเบื่อ ที่ถูกแทะ ...  จะไม่แวะ มาแทะ แล้ว 

* ....  

* สุข สงบ  ... ณ  อาทิตย์ สดใส ไร้ใจหม่นหมอง ... วันนี้ห้องสมุด ปชช. เปิดไหมคะ ?

*  หนังสือ หัวใจทอง ... เพื่อนเค้าชอบมากๆ ค่ะ ... ปูคงต้องบอกให้ป๋าปูซื้อแล้วล่ะ J

* ….  

 

... ขนมหวาน รูปหัวใจทองคำ .. กำนัล แด่อ. เสือ :) แล้ว ค่ะ  ....

  สวัสดี วันหยุดค่ะ

  • เมื่อฟังแล้ว ความหมายจะอยู่ที่ความคิดของเรานะคะ
  • ถ้าเราคิดในแง่ดี คนพูดอะไร ก็ไม่มีผลเสียค่ะ
  • ทุกอย่างอยู่ที่เราคิด และตีความหมายใช่มั๊ยคะ

ได้แวะไปเยี่ยมบันทึกของน้อง มะขามอ่อน/ครูมิม  เรียบร้อยแล้วครับ :)

ขอบคุณมากครับ คุณ poo ... :)

ห้องสมุดฯ เปิดหรือเปล่าก็ไม่ทราบเหมือนกันครับ อิ อิ

หนังสือเล่มนี้น่าจะยังมีขายอยู่นะครับ ลองดูเนอะ :)

สวัสดีครับ คุณพยาบาล Siriwan :)

คิดดี พูดดี ทำดี ใช่ไหมครับ ...

แต่ก็ต้องเลือกคนด้วยนะครับ ถ้าไปคุยกะคนพาล คิดดี พูดดี ทำดี แค่ไหน ... มีหวัง โดนหาเรื่องแน่ ๆ เลยครับ 555

ขอบคุณมากครับที่แวะมาเยี่ยม :)

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท