Ka-Poomเขียนเมื่อ 15 มีนาคม 2549 07:02 น. ()
แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2556 17:18 น. ()
ความงดงามทางกระบวนการทางปัญญาของระดับชาวบ้าน...ที่ติดดิน..ไม่มีแม้แต่ใบปริญญา..ใดใดสิ้น..แต่นั่นไม่ได้สำคัญอะไรเลย..
จากการเข้าร่วมเป็นหนึ่งในทีมงานไตรภาคีฯ ได้มาทำเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันตาม “โครงการพัฒนาศักยภาพทีมสุขภาพภาคประชาชน” เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2549 ที่ผ่านมา เอื้อให้เกิดเวทีขึ้นโดย สอ.เขาปู่ สิ่งที่ผู้บันทึกได้พบเจอ...อยากจะพูดว่า "มหัศจรรย์" มากนั่นคือ..ความงดงามทางกระบวนการทางปัญญาของระดับชาวบ้าน...ที่ติดดิน..ไม่มีแม้แต่ใบปริญญา..ใดใดสิ้น..แต่นั่นไม่ได้สำคัญอะไรเลย..
เมื่อเราในทีมออกไป small talk น้อยๆ..กับผู้เข้าร่วม..สิ่งแรกที่พบเลยคือ..."แววตา"..ที่เป็นประกายบ่งบอกอะไรบางอย่างที่เขาพกพามาด้วย...นั่นคือ...ความมุ่งมั่นและตั้งใจอันเต็มเปี่ยม..แรกเริ่มเดิมที "พี่หมาย" และ "พี่จิ๋ม".(ผู้ดำเนินกลไกให้เกิดความคล่องตัวในโครงการฯ)..กังวลมากเพราะผู้มาเข้าร่วมมาน้อยกันเหลือเกิน..แต่พอสายสักหน่อยเขาก็เริ่มทยอยพากันมาเรื่อย..แต่จำนวนในเชิงปริมาณในทีมฯ เราไม่ได้กังวล...หรือมองว่าเป็นปัญหา..แต่หากมองในแง่คุณภาพมากว่า...
ความพร้อม...ของ "ชาวบ้าน" เรามองว่าเป็นเรื่องที่ Classic มาก...เพราะไม่ว่าเราจะดำเนินเรื่องไปในทำนองไหนก็ตาม..นั่นหมายถึง...เขามีความพร้อมอย่างเต็มเปี่ยมที่จะกระโดดร่วมไปกับเรา...แต่อาจมีเงื่อนไขเพียงเล็กน้อย..นั่นคือ..."ความไว้วางใจ"...ที่มองว่าเรา.."ทีมงานไตรภาคีฯ"..เชื่อในเขาเหล่านั้นมากน้อยแค่ไหน...และเราก็พบว่า...เรา (ชาวบ้านและทีมฯ)..ไร้เงื่อนไขใดใด..จริงๆ...การขับเคลื่อนของเวที..โดย คุณ "ชายขอบ"..เป็นผู้บังคับหางเสือ..จึงได้แล่นไป..ด้วยความเข้าอกเข้าใจในอุดมการณ์ที่เราร่วมจะทำกัน..ในการพัฒนาสุขภาพ
ช่วงเช้า..เราแบ่งกลุ่มคุยกันเพื่อให้เวทีดูเล็กลง..แต่ทั่วถึงมากขึ้น..พูดจาตามประเด็นที่มองในสภาพบริบทที่แท้จริงของชาวบ้าน..สิ่งที่พบคือ.."ความจริงจังและเอาจริงๆนะ.." มีการผลัดกันพูด เสนอ..ถก..และได้ข้อสรุปร่วม...มีการบันทึก..ประเด็นที่กันลืม..โดยปราศจากคนสาธารณสุข..เข้าไปควบคุมกำกับใดใด..แต่เขา(ชาวบ้าน)..ก็พากัน..หาข้อสรุป..ที่มาจากพลังของกลุ่มคนในท้องที่จริงๆ...เป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ที่ไม่มีใครพยายามยัดเหยียดให้..นั่นแสดงให้เห็นว่า...นอกจาก "ใจ" ที่มา..กระบวนการทางปัญญา..ก็ไม่ได้ขาดหรือลืมที่จะพกพามาด้วย..เพราะธรรมชาติที่แท้จริงเขามีมาอยู่แล้ว..เพียงแต่เราช่วยเอื้ออำนวยให้เขาดึงออกมาใช้หรือไม่ก็เท่านั้นเอง
ระหว่างอาหารมื้อกลางวัน..ทีมฯเราได้ร่วมทานข้าว..กับเพื่อนร่วมอุดมการณ์ (คือ ชาวบ้าน)..โดยไม่มีการแบ่งแยกไปนั่งโต๊ะ..อย่างเป็นเจ้านายตามภาพมองของชาวบ้าน..เราเข้าไปคลุกเคล้าพูดคุย..ลปรร. ร่วมกัน..เพื่อเพิ่มรสชาติอาหาร..ให้อร่อยยิ่งขึ้น...สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้น..ชาวบ้าน "แหลงใต้"..ในขณะที่ดิฉัน "เว้าอีสาน"..ไม่เป็นอุปสรรคใดใดเลย...ยิ่งทำให้การพูดคุยเรา..ได้อรรถรสมาก..เพราะนั่นเราคุยกันด้วย "Mind"....จริงๆ
ความเห็น
นึกภาพ นึกบรรยากาศได้เลยคะ แม้จะไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์
ยิ้มมม กับมิตรภาพและความเข้าใจอันดีที่ไม่มีสิ่งใดๆ
มาขวางกั้นได้
หากผมไปทำเวทีที่ไหนนะครับ
ประเด็นหนึ่งที่จะขอทำความตกลงกับผู้จัดคือ เวลารับประทานอาหารว่าง
หรือเที่ยงก็แล้วแต่ จะไม่ต้องมีโต๊ะวิทยากร หรือโต๊ะแขกพิเศษ
และในทีมงานที่ไปกับผมก็เช่นกัน อย่าได้นั่งรวมกัน
ให้แยกกันไปสร้างปฏิสัมพันธ์ รวมถึงประเมินผลกลับมาด้วย
เพื่อพร้อมปรับปรุงในทันทีที่จะเริ่มเวที่ใหม่ในห้วงเวลาถัดไปทันที
นี่คือที่มาของ
“ทีมฯเราได้ร่วมทานข้าว..กับเพื่อนร่วมอุดมการณ์ (คือ
ชาวบ้าน)..โดยไม่มีการแบ่งแยกไปนั่งโต๊ะ..อย่างเป็นเจ้านายตามภาพมองของชาวบ้าน”
ตามที่ Dr.Ka-poom ได้เล่าไว้
เป็นการเข้าถึงชาวบ้านได้ดี โดยไม่ทำให้ชาวบ้านกลัว
หรือ
ไม่กล้าที่จะคุยด้วยและเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ชาวบ้านว่าเขานั้นก็มีความคิดที่ดี
ไม่แพ้ดอกเตอร์เลยแม้แต่น้อย เพียงแต่เขาไม่กล้าแสดงออกมาให้เห็น
เขาแค่ต้องการผู้ที่หยิบยื่นโอกาสให้เขาได้แสดงศักยภาพทางความคิดที่ตัวเขามีอยู่ ให้
ออกมาอย่างเต็มที่ก็เท่านั้นเอง
ทึ่งอย่างยิ่งยวด...เมื่อได้รู้ว่าพี่
"ตัวแสบจอมกวน" อยู่ ม.3 ในระบบการศึกษากระแสหลัก
แต่การให้ความเห็นยอดเยี่ยม เติมเต็ม ต่อยอดความรู้ ความเชื่อ
นับถือ...นับถือ
นี่แหละ!
หากระบบการศึกษาไม่ปิดกั้นไว้เสีย รับรองเราน่าจะเชื่อกันได้เสียทีว่า
"เด็กไทย ใครว่าไม่ฉลาด (...)"
เด็กไทย...ใครว่าไม่ฉลาด (...)
ค่ะ..หลังจากที่คุณ "ตัวแสบจอมกวน"...ส่ง คห.
มาดิฉันได้มีโอกาสติดต่อผ่าน mail ที่ทิ้งไว้ให้..แล้วได้
Add Connect ติดต่อผ่าน
MSN...จึงได้ทราบว่าคุณ
"ตัวแสบจอมกวน" กำลังเรียนอยู่ ม.3 ที่
จ.ชลบุรี...บอกได้คำเดียวค่ะว่า
"ทึ่ง"...ที่บ้านน้อง...คุณพ่อ-คุณแม่คอยเอื้ออำนวยสิ่งแวดล้อมแห่งการเรียนรู้ให้..และพี่สาวชักชวนให้เข้ามาอ่านหาความรู้ใน
Blog gotoknow.org ....เน้นอีกครั้งนะคะ..ว่า
"ทึ่งมากๆๆ..."
“ตัวแสบจอมกวน”…และ“ชาวบ้าน”แสดงให้เห็นว่า
" ปัญญา "
ไม่ได้อยู่ที่ปริญญาแต่อยู่ที่ความคิด
และการเรียนรู้ร่วมกันด้วยความไว้วางใจ
คุณ
"คนข้างนอก"
สิ่งแรกคนเรามักถามกัน...ก่อนถามความคิดเห็นคือ
หรือเคลือบแคลงสงสัย...ความคิดเห็นนั้น
นั่นคือ..."คุณเรียนจบอะไรมา"...
ค่าความเป็นคน...เราวัดกันเพียงแค่นี้หรือ...
หากปัญญา..อันมีค่า..แต่กลับมองข้าม
" ค่าความเป็นคน "
ไม่สามารถ
วัดเป็นมาตรวัดที่แน่นอนได้
ขึ้นอยู่กับ " คน " ที่จะให้คุณค่าความเป็นคน..ด้วยสิ่งที่ " ตน "
มี
คุณ
"คนข้างนอก"
เรามักวิ่งหาสิ่งที่เรียกว่า
"ตัวชี้วัด"
เพื่อมาวัด...สิ่งที่เรียกว่า
"คน"...คนทำงาน
หากทำไม...
"คุณภาพ"..ไม่เท่ากับ
"ความสุข-ผู้ให้และผู้รับ"
มากกว่าที่จะวิ่งเอา
"ตน"...ไปตัดสิน..."ตน"
คนอื่น