บทเรียนที่สองของการดัดนิสัย : ความฟุ่มเฟือย


เขียนด้วยความน้อมระลึกถึงครูบาอาจารย์ที่อบรมสั่งสอนทั้งทางธรรมและทางโลก

เมื่ออายุเริ่มมากขึ้นอันนับเริ่มต้นมาจากหนึ่งนั้น ความคิดของเราได้รับการสั่งสมและปรุงแต่งจากประสบการณ์ต่างๆ ผ่านการได้ยินเสียง ผ่านการมองเห็น ผ่านการสัมผัส ผ่านการได้ลิ้มรส ผ่านการได้กลิ่น ผ่านใจที่รู้สึก สมองของเราก็จะเกิดการประมวลผลและถูกนำไปเก็บไว้ สะสมมาเรื่อยๆ ตามอายุที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ... เมื่อแนวโน้มในการสะสมมีมากไปในด้านใด จิตเราอันทำงานผ่านสมองนั้น ก็จะน้อมนำไปทางด้านนั้น

สำหรับข้าพเจ้าเอง ถูกป้อนรหัสจากการเลี้ยงดู ในเรื่องความเรียบง่าย เพราะหากย้อนมองจะเห็นว่าพ่อและแม่นั้นมีวิถีชีวิตที่เรียบง่าย ในขณะเดียวกันก็มีข้อมูลอีกด้านที่ถูกเก็บเข้ามาไว้เช่นกัน ความหรูหราฟุ่มเฟือยอันเป็นไปตามการรับรู้ที่ได้รับตามประสบการณ์ การขาดสติจะทำให้เราขาดการพิจารณา ข้าพเจ้าเริ่มใช้ชีวิตแบบฟุ่มเฟือย ทุกอย่างต้องมียี่ห้อ ... ดูดี เพราะร่างกายพึงห่อหุ้มด้วยสิ่งดีดี นี่เป็นความคิดที่ปรากฏ การแต่งตัวดูดี การดำเนินชีวิตตามแบบวิถีดีดี เช่น การกินดี อยู่ดี สะท้อนถึงคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น นี่เป็นความเข้าใจผิดตามจิตที่มีอวิชชาครอบงำ อันสะท้อนออกมาในด้านหยาบ...

"ครูบาอาจารย์ชี้ทางให้เริ่มเปลี่ยนและละวาง ให้ดำเนินวิถีชีวิตที่เรียบง่าย มีอะไรทานก็ทาน มีอะไรใช้ก็ใช้ ไม่ต้องไปสรรหามาปั้นแต่ง นี่เป็นสิ่งเปลี่ยนภายนอก

ส่วนภายใน ให้มาอยู่ที่ลมหายใจ มีความคิดอะไรปรุงแต่งก็พึงดู แรกๆ ครูบาอาจารย์จะให้ไปฝึกสติให้มีกำลังด้วยการฝึกกายาคตาสติ เมื่อสติมีกำลังก็จะนำข้อมาพิจารณา... "

ครูบาอาจารย์มักสอนว่าห้ามสงสัย ให้ทำตาม ตอนนั้นข้าพเจ้าต่อต้านครูมาก สิ่งไหนที่ครูสอนมักจะนำเหตุและผลมาต่อต้าน ณ วันนี้เข้าใจแล้วว่าเหตุและผลนั้นเกิดจากปัญญาอันมาจากสมองทำงาน ไม่ได้มาจากปัญญาญาณ... มีอุปสรรคมากมาย (ภายใน) อันมีเหตุขัดขวางที่จะโน้มเราไม่ให้ไปในธรรม... ความเคลือบแคลงสงสัย อะไรหลายอย่างมากมายล้วนแต่เป็นจิตที่ปรุงแต่งทั้งสิ้น

แต่ลึกๆ มีความเชื่อว่า ให้อดทนและน้อมนำทำตามคำสอนของครูบาอาจารย์ อาจด้วยจิตชั่วที่อยากพิสูจน์ว่าจริงหรือไม่จริง เพื่อจะนำไปหักล้างครูบาอาจารย์ ...

"ข้าพเจ้าเริ่มตัดการดำเนินชีวิต ... แบบฟุ่มเฟือย เปิดพลิกตำราแทบไม่ทันเพื่อหาความหมายของคำว่าสมถะ และสันโดษ ว่าเป็นอย่างไร ตัวความรู้มีเขียนไว้มาก รับรู้แต่ไม่เข้าใจ... ไม่เข้าใจหมายถึง มันไม่เข้าไปในใจ"

จึงสอบถามครูบาอาจารย์ท่านก็เมตตาสอน ตอนนั้นไม่รู้ว่าท่านเมตตาสอน รับรู้แต่ว่าทำไมท่านต้องดุด่า ท่านเกลียดเราแน่ๆ - ความคิดชั่วในใจตัวเราปรากฏอีกแล้ว...

จริงๆ แล้วการดุด่าของท่านนั้น คือ ท่านกำลังดัดในสันดานเราและชี้ทางให้เราดัดในสันดานตัวเองที่มันคอยแต่เพิ่มสั่งสมอัตตา "ตัวกู ของกู" อยู่แทบทุกๆ เสี้ยววินาที  เราไม่รู้เพราะมีอวิชชา เราจึงพาลไปโกรธ ไปไม่ชอบใจในครู และกระทำต่อครูด้วยความไม่เคารพ 

ตอนนั้นครูบาอาจารย์บอกว่าไม่เข้าใจไม่เป็นไร สักวันจะเข้าใจเอง ให้เพียรปฏิบัติไปเรื่อยๆ..

ณ เมื่อเริ่มใจเข้าสู่ความบริสุทธิ์มากขึ้น การได้ขอขมา ทำให้ได้เกิดความเจริญในใจยิ่งขึ้นใจเบิกบานผ่องแผ้ว มีปัญญาบารมีเพิ่มขึ้น เข้าใจในธรรมมากขึ้น มองเห็นความทุกข์ที่ซ่อนอยู่ในจิตใจและสรรพสัตว์ต่างๆ ด้วยความน้อมใจลงด้วยใจที่เบาเบา ซาบซึ้งต่อน้ำหยดเล็กๆ ที่แสดงถึงความหมายของคำว่า "เมตตา" ได้

 

การดัดนิสัยตนเอง...

ข้าพเจ้าเริ่มนำเสื้อผ้าสิ่งของที่มีแจกจ่าย เหลือไว้ที่ใช้จริงๆ ตอนนั้นถามว่าเสียดายไหม ก็รู้สึกเสียดาย แต่พอนึกถึงว่าหากว่าเราตายไป แม่ก็คงนำไปแจกจ่ายอยู่ดี ตายหรือเป็นก็ต้องแจกจ่ายอยู่ดี สู้ทำเลยดีกว่า พอคิดได้อย่างนี้ ก็เริ่มแบ่งปันด้วยความบริสุทธิ์ใจจริงๆ ที่ว่าบริสุทธิ์ใจคือ เราไม่ต้องการว่าใครจะมาชม มาพึงพอใจต่อการกระทำของเรา หรือต้องมารักเรา... อาจจะว่าแอบทำแบบเงียบๆ ด้วยซ้ำไป การแอบทำแบบเงียบๆ นี้อาจเป็นนิสัยเดิมที่ได้ติดตัวมา ไม่ชอบอวดและบอกใครว่าทำดีอะไร ไม่ชอบคำชื่นชม หรือชมชอบ เพราะเรารู้ภายในเราว่าเรานี้ยังคือผู้ชั่วอันมีกายเน่านี้อยู่ ... ทำให้ใจมันน้อมลงมาก และความโน้มลงนี้ก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ กายเน่านี้เราแก้ไขไม่ได้ เพราะเป็นความจริงทางธรรมชาติ แต่ใจเน่านี้ เราขัดเกลาได้ก็ค่อยเริ่มขัดเกลาจิตใจตนเอง... เปลี่ยนจากความฟุ่มเฟือย มาเป็นฟุ่มเฟือยน้อยลง พร้อมกันนั้นก็ลงมือเรียนรู้คำว่า สมถะด้วยตัวเอง ผ่านประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านเข้ามาในแต่ละวินาที... ก็พบความเข้าใจที่มีมากกว่าเมื่อก่อนที่เข้าใจตามภาษาอักษร

การใช้จ่ายน้อยลง ใช้เท่าที่จำเป็นจริงๆ ลดการใช้โทรศัพท์ ลดการซื้อ เดี๋ยวนี้ยิ่งสบายมากขึ้น ไม่ต้องไปจ่ายเงินจำนวนมากซื้อเครื่องสำอาง เครื่องบำรุงผิว เสื้อผ้า เครื่องประดับ ของสะสม ลดและเลิกไปในที่สุด  

การดัดนิสัยตนเองนี้ เมื่อมาทำจะพบว่ามันทำยากมาก... แต่ข้าพเจ้าก็อยากทำเพียงเพื่ออยากทราบว่านิพพาน ที่หมายถึงการพ้นทุกข์นั้นมีจริงไหม.. ซึ่งวันนี้ข้าพเจ้าเชื่อลงใจอย่างมากว่ามีจริง นิพพานอยู่ตรงนี้และเวลานี้แหละตรงใจเรา...

อันเป็นความพ้นที่ค่อยๆ พ้นออกไปสู่ความเป็นอิสระมากขึ้นและมากขึ้น ... อิสระจากอารมณ์ทั้งหลาย...เข้าสู่ความเรียบเงียบและบังเกิดเป็นความสุขเล็กๆ...อันเป็นความสุขที่ไม่หวือหวาหากแต่เป็นความสงบสุข...ในใจอย่างเรียบง่าย

ชีวิตทุกวันนี้ง่ายๆ มากขึ้น ความซับซ้อนในชีวิตน้อยลง ตรงไปตรงมา... ด้วยใจเบาเบา อย่างปรารถนาดีต่อตนเอง...และเผื่อแผ่ไปสู่สรรพสิ่งอื่นได้อย่างไร้เงื่อนไขจริงๆ ซึ่งสรรพสิ่งอื่นจะรับได้หรือรับไม่ได้ก็ขึ้นอยู่กับทุนเดิมของสรรพสิ่งนั้น 

___________________________________________________________________________

Note:

ณ เดี๋ยวนี้ดำรงอยู่แบบอะไรก็ได้... เรียบง่ายมากขึ้น ความฟุ่มเฟือยหายไป ไม่ว่าจะเป็นการกิน การนอน การดำรงอยู่อย่างเป็นไป เพราะตอนนี้เวลาของการมีชีวิตอยู่เหลือน้อยเต็มที หากจะมาตายด้วยใจที่ขุ่นมัวที่ฝังอยู่ในจิตใจ จองเวรและกรรมต่อสรรพสิ่งต่างๆ คงจะทุกข์ทรมาณไปอีกนานแค่ไหนก็ไม่รู้

ดังนั้นภายใน...จะเป็นแบบอะไรก็ได้ไม่ได้แล้ว ภายในต้องเคร่งครัดในศีลธรรม... และความถูกต้อง ความละเอียดในศีลค่อยๆ เพิ่มขึ้น การดำรงอยู่ภายในเคลื่อนตัวเข้าสู่ความสงบมากขึ้น ภายนอกสิ่งไหนเป็นการทำความดี ดีที่เป็นประโยชน์ไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น ก็มีความตั้งใจทำมากขึ้นและมากขึ้น

 

.....................................................

 

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 189341เขียนเมื่อ 21 มิถุนายน 2008 10:15 น. ()แก้ไขเมื่อ 17 ตุลาคม 2013 22:39 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

สวัสดีค่ะ น้องกะปุ๋ม

  • นับเป็นวาสนาในเช้าวันนี้ที่ได้อ่านบันทึกที่ดีและมีประโยชน์อย่างเหลือเกิน
  • พี่ติ๋วยังมีภาระอีกมากด้านครอบครัว...ต้องดูแลหลายชีวิตข้างกาย...จึงไม่สามารถทุ่มตัวลงสู่ศาสนาได้มาก  แต่ข้อคิดที่ได้สติจากน้องกะปุ๋ม...สักครึ่งนึง...ก็ทำให้พี่ใช้ชีวิตอยู่อย่างมีสุขได้แล้วค่ะ...
  • ขอบคุณอย่างมากเหลือเกิน  สำหรับทุกๆอย่างค่ะ
  • สาธุ สาธุ อนุโมทนาครับ
  • นับเป็นชีวิตที่ประเสริฐมีแนวทางการลดละสันโดษ
  • หากคนทั้งหลายมีความตั้งใจและยึดแนวทางนี้ โลกคงสงบเย็นได้อย่างแน่นอน
  • แต่ก็ยังมีคนจำนวนไม่น้อยที่ยังสับสนวุ่นวาย อยู่กับโลกบริโภคอย่างไร้ขอบเขต โดยเฉพาะสือต่างๆ ที่กระจายข้อมูลข่าวสารต่างๆ นั้นมักมุ่งเรื่องการเติบโตทางเศรษฐกิจ หวังผลตอบแทนที่มากขึ้นๆ จนไม่มีขอบเขต การแข่งขันแบบนี้มีแต่ทำลายโลก
  • หากมาแข่งกันลดละ คงช่วยโลกให้มีอายุยืนยาวไปอีกนานเท่านา เรามาสร้างกระแสแข่งกันลดละดูดีกว่า ใครลดละวัตถุได้มากนั่นคือผู้ที่น่ายกย่องเชิดชูให้มีชื่อเสียงให้คนทั้งโลกได้รู้จัก และถือเป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิต
  • ขอส่งกำลังใจให้ทุกท่านที่เดินทางแนวลดละ นะครับ

สวัสดีค่ะพี่ติ๋ว :

  • ดีใจที่ได้เจอพี่ติ๋วที่ Blog นี้บันทึกนี้... การทุ่มตัวลงสู่ศาสนาไม่ได้หมายถึงการที่เราละเว้นออกไปจากครอบครัว และสังคมนะคะ หากแต่เราละออกจากความยึดที่มีอยู่ภายในใจเราค่ะ การละออกจากความยึดไม่ได้หมายถึงเราเพิกเฉย เราก็ยังคงน้อมลงทำหน้าที่ของเราที่มีอยู่ตรงหน้า เช่น หน้าที่ตัวเรา หน้าที่ต่อครอบครัว หน้าที่ต่อสังคมที่เราดำรงอยู่ ... และการทำหน้าที่นี้ต้องทำด้วยจิตใจที่ดี อันเป็นละออกจากความชั่วทั้งทางด้านความคิด คำพูด และการกระทำ ... การที่มโนสำนึกเรายังสามารถแยกแยะสิ่งใดดีหรือไม่ดีได้ตามปัญญาญาณที่เรามี ไม่ใช่ตามปัญญาจากสมอง...กะปุ๋มก็มองว่านี่เข้าสู่กระแสแห่งการปฏิบัติแล้วค่ะ...พี่ติ๋วขา...
  • พี่ติ๋วเป็นผู้ที่มีพื้นฐานจิตดีที่ละเอียด ... การปฏิบัติธรรม ไม่ว่าเราจะอยู่ภายใต้ในคำสอนของศาสดาองค์ใด ท่านได้เมตตาต่อเราให้พึงละการกระทำชั่ว และทำความดี น้อมใจลงเบาเบาก็จะมองเห็นความจริงทางธรรมชาตินี้ค่ะ

สวัสดีค่ะท่าน อ.ประถม :

  • สาธุ...สาธุ...สาธุ
  • น้ำดีหยดหนึ่งเล็กๆ ก็ยังดีกว่าไม่มีน้ำดีนี้เลยในโลกนะคะ
  • ขอบพระคุณในข้อคิด และการชี้ทางของท่านค่ะ
  • กะปุ๋มจะน้อมนำเป็นสติเตือนตนเองเสมอว่า "เล่นไปตามบทบาทสมมติอย่างรู้ตัว" ค่ะ

ขอบพระคุณค่ะ

(^___^)

กะปุ๋ม

วันนี้อยู่ดีๆก็รู้สึกอยากจะหาวิธีลดความฟุ่มเฟือย จนได้มาอ่านบทความนี้ตอนกลางดึกก็ทำให้มีความรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่ยากมากสำหรับปัจจุบันนี้ แต่มีเพียงสิ่งหนึ่งที่อ่านแล้วรู้สึกว่า ทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับจิตใจของเราถ้าเราใช้ศลีธรรมเข้ามาขัดให้มันใส สะอาดปราศจากความคิดที่ว่าอย่าทำดี หรือแต่งตัวดีๆ เพื่อให้คนอื่นรัก ชมหรือชอบ มันทำให้เรามองเห็นค่าของความเป็น มนุษย์มากขึ้นด้วยการทำดีด้วยใจจริงใช้ใจจริง ไม่จำเป็นต้องแต่งตัวให้ดูดีทีสุดหรือทำบุญให้มีคนเห็นมากที่สุด มันจะเป็นวิธีที่ทำแล้วรับรู้ได้ถึงความสุขที่บริสุทธิ์ที่สุด

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท