... กลิ่นหอมของดอกไม้..เสียงเพลง..และ..แสงจันทร์...
แพ้ หมายถึงสู้ไม่ได้ ยอมแพ้ ณ ที่นี้ คือ ยอมไม่สู้ ในเรื่องของความรู้สึกนึกคิดและจิตใจ ทั้ง ๓ สิ่งสะกิดหัวใจได้ชะงัดนัก ไม่ว่าเวลาใด เป็นมนต์เสน่ห์ที่ฉันหลงใหล ชนิดไม่ขอถอนใจ ...ยอมแพ้ค่ะ...
ยามเช้าหอมกลิ่นดอกไม้ ชื่นใจมะลิเข็มขาว
สายหยุดพุดซ้อนงามพราว กุหลาบสวยราวเนรมิต
ยามสายกลิ่นแก้วจำปี ช้างกระสลับสีไพจิตร
มณฑารสสุคนธ์ชวนพิศ หอมตลบชวนชิดเชยชม
ยามเย็นพลบค่ำค่อนคืน รวยรื่นกระดังงาสุขสม
ดอกปีบหอมหวนทวนลม ราตรีลั่นทมเล็บมือนาง
ทุกวันขอฉันได้สูดดมกลิ่นหอมของดอกไม้อย่างน้อย ๑ ชนิด ก่อนไปทำงาน หรือระหว่างทำงาน หรือหลังจากเลิกงาน ขาดไม่ได้ค่ะ..กลิ่นหอมของดอกไม้ หอมเย็น ๆ ..มะลิ หอมหวาน..ชำมะนาด หอมแรง..ราตรี หอมละมุน..ดอกแก้ว หอมอ่อน ๆ..กล้วยไม้ , รสสุคนธ์ หอมสดชื่น..กุหลาบ หอมอบอวล..กระดังงา , จำปี หอมขจรขจาย..พุดสามสี , ลีลาวดี หอมกรุ่น..เล็บมือนาง , หอมนวล (เท่าที่สัมผัสทุกวัน)
เสียงเพลง และ แสงจันทร์ ...เคยมีคนบอกฉันว่า “ เพราะคุณเป็นคนที่มีจิตใจที่งดงามต่ออดีต ไม่ว่าสิ่งที่แล้ว ๆ มาจะเป็นอย่างไร คุณบันทึกมันด้วยความทรงจำที่แม่นยำ และบางคราวคุณอาจเจ็บปวดในความรำลึกนั้น แต่คุณก็กล้ำกลืนมันด้วยความเต็มใจตลอดกาล” ในชีวิตนี้สิ่งที่เคยทำ.. นั่งมองแสงจันทร์จากย่ำค่ำ จนจันทร์ลับขอบฟ้าในยามย่ำรุ่ง และก็เคยนั่งร้องเพลงตั้งแต่หัวค่ำยันสว่างเช่นกัน
นี่แหละค่ะ..ความลับที่ไม่ลับของฉัน นอกจากนี้ก็ยังคงเป็นความลับอีกต่อไปค่ะ...อิๆๆๆ
“ BLUE MOON …YOU SAW ME STANDING ALONE
WITHOUT A DREAM IN MY HEART
WITHOUT A LOVE OF MY OWN…”
เดือนเพ็ญ.....ถึงไม่เด่นเดือนจ๋าอย่าร้องไห้
ใครเขาลืมเลือนห่างก็ช่างใคร…ง้อทำไมเมฆกลับกลอกแกล้งหลอกเชย
คืนใดไม่ชื่น.......เหมือนกับคืนเดือนหงาย
เมฆขาวดาวราย.............ใจสบายชุ่มชื่นรื่นอารมณ์
แสงเดือนสุกสกาว.........แสงดาวพร่างผสม
จับกลุ่มเมฆกลม .......... ชวนชมเช่นฉากงาม
(เพลงคืนเดือนหงายของขุนวิจิตรมาตรา)
จันทร์กระจ่างฟ้า นภาประดับด้วยดาว
โลกสวยราวเนรมิต ประมวลเมืองแมน
ลมโชยกลิ่น มาลากระจายดินแดน
เรียมนี้แสนคำนึง ถึงน้องนวลจันทร์
(เพลง คิดถึง ของเจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี)