ความป่วยไข้มีขั้นตอนใหญ่ๆ 7 ขั้นตอน


การดำรงชีวิตเป็นสิ่งมหัศจรรย์

ขั้นตอนแรก ของความป่วยไข้คือ ความอ่อนเปลี้ยซึ่งเป็นผลลัพธ์จากการกินมากเกินไป กินอาหารหวานมากเกินไป และขาดความเป็นระเบียบในสภาวะการดำรงชีวิต

ขั้นตอนที่ 2 คือความเจ็บปวด เป็นผลมาจากการไหลเวียนของโลหิตไม่ดี ทำให้เซลล์ของร่างกายไม่ได้รับออกซิเจนเพียงพอ เพราะเส้นโลหิตฝอยแตกหรืออุดตัน ที่บ่งชี้ตรงที่สุดในเรื่องนี้ก็คือ อาการเจ็บหน้าอก ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อเส้นเลือดฝอยที่แตกจากเส้นโลหิตใหญ่ของหัวใจ ถูกไขมันปิดกั้นเอาไว้และโลหิตไม่สามารถไปถึงเซลล์เนื้อเยื่อของหัวใจได้ในปริมาณที่มากพอ เมื่อใดก็ตามที่เซลล์ไม่ได้รับออกซิเจนเพียงพอ เราก็รู้สึกเจ็บ

ขั้นตอนที่ 3 คือ โรคติดเชื้อ เป็นผลลัพธ์ของเหลวในร่างกายซึ่งมีคุณสมบัติเป็นหยิน เนื่องจากกินอาหารต่อไปนี้มากเกินไป น้ำตาล น้ำผิ้ง ของหวาน ผลไม้ เครื่องเทศ  แอลกอฮอล์ ยา อาหารปรุงแต่งและอาหารผ่านกระบวนการ เริมและเอดส์ เป็นตัวอย่างขั้นรุนแรงของความเจ็บป่วยขั้นนี้ เซลล์ของร่างกายถูกล้อมรอบด้วยของเหลวที่อยู่ระหว่างเซลล์ ซึ่งคล้ายคลึงกันมากกับน้ำในมหาสมุทร ของเหลวในร่างกายนี้ ควรมีฤทธิ์เป็นด่างและเค็มนิดๆเสมอ ถ้าหากว่าของเหลวนี้หวาน(หยิน)เซลล์ก็จะเริ่มเน่าเพราะการเติบโตของแบคทีเรีย นี่แหละ โรคติดเชื้อ

ขั้นตอนที่ 4 คือ ความอ่อนแอของระบบประสาทอัตโนมัติ ซึ่งควบคุมการหลั่งของฮอร์โมนและการทำงานของอวัยวะ  ที่มีสาเหตุมาจากภาวะที่เลวลงอย่างมากของสามขั้นตอนแรก การกินอาหารหวานๆ เนื้อสัตว์และอาหารมันๆ ต่อไปเป็นเหตุให้ของเหลวในร่างกายเปลี่ยนไปเป็นกรด ทำให้เซลล์ประสาทและการหลั่งฮอร์โมนช้าลง ดังนั้น ปัญหาเรื่องต่อมไทรอยด์ ตับอ่อน(การหลั่งอินซูลิน) และปัญหาที่ ไต หมวกไต (หลั่งฮอร์โมนคอร์ติคัล) จึงได้เริ่มเกิดขึ้น เมื่อการหลั่งฮอร์โมนผิดปกติ การทำงานของอวัยวะทั้งหมดก็รวนเร นี่ยังอาจมีสาเหตุมาจากอุบัติเหตุ ซึ่งทำให้กระดูกสันหลังพิการ ซึ่งขัดขวางการกระตุ้นอวัยวะต่างๆของประสาท

ขั้นตอนที่ 5 คือ โรคที่เกี่ยวกับเซลล์และอวัยวะ นั่นคือ มะเร็ง ของเหลวในร่างกายของเราจะต้องเป็นด่าง ปกติแล้วมีค่าความเป็นกรด-ด่าง(ph) เท่ากับ 7.4 ภาวะนี้ได้รับการรักษาไว้อย่างเที่ยงตรงด้วยการทำงานตามปกติของอวัยวะต่างๆของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไต ซึ่งกรองกรดทั้งหลายออกไป อย่างไรก็ดี เมื่อไตอ่อนแอ ของเหลวในร่างกาย ก็เริ่มกลายเป็นกรด ถ้าหากว่าของเหลวในร่างกายมีค่าความเป็นกรด-ด่างถึง 6.4 เซลล์ก็จะตาย ทว่าเมื่อค่าพีเอชอยู่ระหว่าง 6.9 ถึง 7.0 เซลล์จะเริ่มเปลี่ยนโครงสร้างของยีนของมัน ( พีเอช 7 คือ จุดเป็นกลาง ต่ำกว่า 7 เป็นกรด มากกว่า 7 เป็นด่าง ) เพื่อว่ามันจะได้สามารถรอดชีวิตอยู่ได้ในภาวะที่เป็นกรด หรือไม่มันก็จะผลิตเซลล์ใหม่ๆขึ้นมา ซึ่งเซลล์เหล่านี้ ก็จะปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมดังกล่าว นี่คือ การเริ่มต้นของเซลล์เนื้องอก หรือเซลล์มะเร็ง

สาเหตุเบื้องต้นของความเป็นกรดนี้ คือ สารเคมีสังเคราะห์ในอาหาร เป็นต้นว่า สารแต่งกลิ่น สารกันบูด สีย้อม สารปรับสภาพและอื่นๆ ทำนองนี้ สารเหล่านี้ บางอย่างก็เป็นที่รู้กันอยู่ว่าเป็นสารก่อมะเร็ง ทว่าแม้แต่สารเคมีที่ว่ากันว่าปลอดภัย ก็สามารถมัอันตรายอย่างสูงได้ หากว่าประกอบเข้ากับสารเคมีที่ปลอดภัยตัวอื่นๆ ฉะนั้นคนไข้โรคมะเร็งจะต้องหลีกเลี่ยงอาหารผสมสารเคมีทุกชนิด

ไขมันและน้ำมันก็เป็นอาหารที่ก่อให้เกิดกรดเช่นกัน กินอาหารจำพวกเนื้อสัตว์มาก อาหารเหล่านี้ อุดมด้วยไขมันชนิดต่างๆ กินอาหารที่มีไขมันสูง เท่ากับการขึ้นทางด่วนไปหามะเร็ง เพราะการเผาผลาญไขมันของร่างกายจะก่อให้เกิดของเสียที่เป็นกรดในปริมาณมากๆ นอกจากนี้ ไขมันยังทำให้การหมุนเวียนของโลหิตช้าลงด้วย ดังนั้น เซลล์มากมายจึงตายและก่อให้เกิดภาวะที่เป็นกรดขึ้น ในบางบริเวณ อาหารสร้างกรดชนิดที่สาม คือ น้ำตาลและอาหารที่เติมน้ำตาลทรายลงไป น้ำตาลทำลายเม็ดโลหิตแดง เป็นสาเหตุให้โลหิตจาง ให้ขาดแคลนออกซิเจนและขาดวิตามินและเพิ่มระดับคาร์บอนไดออกไซด์ ผลิตผลพลอยได้ของกระบวนการเผาผลาญน้ำตาลเท่ากับเป็นสาเหตุให้เกิดภาวะที่เป็นกรดขึ้นมา

ผลไม้ไม่ใช่อาหารที่ก่อให้เกิดกรด ทว่าเราก็ไม่แนะนำให้คนไข้โรคมะเร็งรับประทาน เพราะมันมีน้ำตาลผลไม้อยู่มาก ซึ่งทำให้โลหิตเป็นหยิน ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง นอกจากนี้ น้ำตาลในผลไม้พร้อมจะเปลี่ยนไปเป็นไขมันด้วย ซึ่งหลังจากนั้น มันก็จะไปอุดเส้นโลหิต ทำให้การหมุนเวียนของโลหิตบกพร่อง

ขั้นตอนที่ 6 ของความเจ็บไข้ เป็นเรื่องทางจิตวิทยาใครก็ตามที่บ่นบ่อยๆ จัดอยู่ในกลุ่มนี้ (ปัญหาทางอารมณ์ จิตเภท ซึมเศร้า ฯลฯ) อาการนี้ เกิดขึ้นมา เพราะสาเหตุทางร่างกายทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้นและ หรือ การศึกษาและการอบรมเลี้ยงดูของครอบครัวไม่ดีพอ

ขั้นตอนที่ 7 เป็นเรื่อง จิตวิญญาณ  นี่คือภาวะของจิตใจซึ่งไม่มีความกตัญญู ไม่มีความซาบซึ้งและไม่มีศรัทธาในระเบียบของจักรวาล วงจรเจ็ดขั้นนี้อาจมองได้ว่า ถือกำเนิดที่ขั้นที่เจ็ด (จิตใจ)และก็ถ่ายทอดไปถึงระดับทางร่างกาย

การดำรงชีวิตเป็นสิ่งมหัศจรรย์ โดยเฉพาะยิ่งการอยู่ในสังคมที่มุ่งเข้าหาเงินและถูกควบคุมด้วยความโลภ เช่นนี้ยิ่งเหมือนปาฏิหาริย์ การไม่ซาบซึ้งเห็นคุณค่าของชีวิตคือ ความป่วยไข้ที่ลึกซึ้งที่สุด บางคนก็ยังไม่ซาบซึ้งว่า อาหารที่ดีนี้ ได้ทำอะไรเพื่อพวกเขา และทันทีที่ความป่วยไข้หายไป พวกเขาก็เริ่มกินอาหารเลวๆอีก ความคิดอย่างนี้ คือ ความป่วยไข้ของขั้นตอนที่ 7

คนมากมายหายจากโรคต่างๆที่ว่ากันว่า ไม่มีทางหายด้วยการกินอาหารแม็คโครไบโอติค ทว่าก็มีน้อยคนที่ซาบซึ้งอย่างแท้จริงกับสิ่งที่พวกเขาเรียนรู้ไป ยิ่งน้อยคนกว่านั้นอีก ที่ให้สิ่งที่ตนได้เรียนรู้มาแก่คนอื่นๆ คนเหล่านั้นจะป่วยลงอีกไม่ช้าก็เร็ว

จาก หนังสือ หลักแม็คโครไบโอติค แปลโดย มัทนี เกษกมล ขอขอบคุณมากครับ

หมายเลขบันทึก: 185340เขียนเมื่อ 30 พฤษภาคม 2008 18:59 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 00:18 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท