(5 มี.ค. 49) ไปร่วมสัมมนาจัดโดย มูลนิธิวิเทศพัฒนา (Development
Cooperation Foundation หรือ DCF ซึ่งมีคุณวิลาศ โอสถานนท์ เป็นประธาน
ดร.ชิงชัย หาญเจนลักษณ์ เป็นเลขาธิการ และ คุณนฤมล ลิม
เป็นผู้อำนวยการ) ที่โรงแรม “Cabbages and Condoms Resort” ที่พัทยา
ซึ่งเป็นของคุณมีชัย วีระไวทยะ
หัวข้อการสัมมนา คือ “Thai – Canada
Partnerships : Toward Harmonised Societies”
มีผู้เข้าร่วมสัมมนาปราณ 50 คน สัมมนากัน 1 วันครึ่ง
(วันที่ 4 มีนาคมเต็มวัน และวันที่ 5 มีนาคมครึ่งวัน)
ผมตีความหัวข้อสัมมนาเป็นภาษาไทยว่า “ภาคีร่วมมือไทย – คานาดา :
สู่สังคมสมานฉันท์”
และให้ความเห็นไว้บางประการดังนี้
1. ในอดีตที่ผ่านมา
ประเทศไทยได้รับความช่วยเหลือเป็นเงินสนับสนุนโครงการพัฒนาต่างๆจากต่างประเทศหลายแห่งรวมถึงประเทศคานาดา
ซึ่งประเทศไทยและคนไทยควรต้องขอบคุณในความปรารถนาดีและการสนับสนุนจากต่างประเทศดังกล่าว
อย่างไรก็ดี ในปัจจุบันและในอนาคตข้างหน้า
ประเทศไทยควรพยายามพึ่งตนเองให้มากที่สุด
ซึ่งขณะนี้ได้เริ่มทำมากขึ้นแล้ว เช่น การมี “สถาบันพระปกเกล้า”
พร้อมงบประมาณจากรัฐเพื่อสนับสนุนการพัฒนาระบบการเมืองการปกครอง การมี
“สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน
(พอช.)”
พร้อมงบประมาณจากรัฐเพื่อสนับสนุนการสร้างชุมชนเข้มแข็งและการพัฒนาประชาสังคม
การมี “สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ
(สสส.)” พร้อม “กองทุน”
ที่ได้จากส่วนเพิ่มของภาษีสุราและบุหรี่ ประมาณปีละ 2,000
ล้านบาท ซึ่งกองทุนสสส.นี้ สามารถสนับสนุนกิจกรรมพัฒนาได้หลากหลายมาก
รวมถึงการพัฒนานโยบายสาธารณะเพื่อสุขภาพ
และน่าจะรวมถึงการพัฒนาระบบธรรมาภิบาล (Good
Governance) และสิทธิมนุษยชน (Human Rights) ด้วย
(ทั้งสองประเด็นนี้ คือ
เรื่องที่ประเทศคานาดาได้ให้เงินช่วยเหลือต่อประเทศไทยผ่านมูลนิธิวิเทศพัฒนา
และเป็นฐานที่มาของการจัดสัมมนาครั้งนี้) ดังนั้น ในอนาคต
จึงน่าจะเป็นไปได้ที่จะพยายามให้ได้รับการสนับสนุนจากแหล่งทุน เช่น
สสส. สำหรับโครงการพัฒนาด้านธรรมาภิบาลและสิทธิมนุษยชน
อันจะเป็นปัจจัยสำคัญส่วนหนึ่งในการสร้าง “สังคมสมานฉันท์” (Harmomised
Societies) หรือ “สุขภาพทางสังคม” (Social Health)
2. ประเทศไทยควรยินดีร่วมกับประเทศเพื่อนบ้านและประเทศผู้ปรารถนาดีหรือเป็นพันธมิตร
เช่น ประเทศคานาดา ในการจัดการความรู้และแลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกับการพัฒนาธรรมาภิบาลและสิทธิมนุษยชน
ตลอดการพัฒนาระบบการเมืองการปกครองที่ดี
ทั้งนี้โดยใช้เงินสนับสนุนจากภายในประเทศไทยเอง
และอาจมีบางส่วนที่เป็นการสนับสนุนจากประเทศพันธมิตรเช่นคานาดาด้วย
(คาดว่าประเทศคานาดาจะยังคงสนับสนุนกิจกรรมพัฒนาในระดับกลุ่มประเทศ
หรือ ภูมิภาค (Regional) ต่อไป
แม้ว่าจะลดการสนับสนุนสำหรับประเทศที่มีการพัฒนาก้าวหน้าขึ้นแล้ว เช่น
ประเทศไทย)
3. น่าจะมีความพยายามในประเทศไทย ที่จะให้เกิดกลไกทำนอง
“เครือข่ายองค์กรเพื่อการพัฒนาประชาธิปไตย”
(Network of Organizations for the Development of
Democracy – NODD) ซึ่งอาจจะประกอบด้วย
องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญบางแห่ง สภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา
สถาบันพระปกเกล้า หน่วยราชการบางแห่ง องค์การมหาชนบางแห่ง
สถาบันการศึกษาบางแห่ง องค์กรประชาสังคม (Civil Society
Organizations) บางแห่ง องค์กรภาคประชาชน (People’s Organizations)
บางแห่ง เป็นต้น
ไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม
8 มี.ค. 49
จอมลวงโลก