น่าสงสัย


เมื่อไม่รู้จักกันก็ไม่ควรประมาทกับเรื่องแค่นี้ ขอยอมเป็นคนไม่ดีในสายตาลุงเพราะสมัยนี้ไว้ใจกันไม่ค่อยได้จริงๆ

       วันนี้แม่สั่งให้ลาพักผ่อนมาเลี้ยงหลานสาวเพราะน้องสาวต้องพาแม่ไปหาหมอตามกำหนดนัด(น้องสาวจะเป็นคนพาแม่ไปหาหมอตลอดจึงจำประวัติการรักษาได้มากกว่าผู้เขียน) เห้อๆ ตื่นตั้งแต่ตีห้าลงมาเลี้ยงหลานสาว ส่วนน้องสาวรีบขับรถไปโรงพยาบาลจุฬาฯ แล้ว กลัวไม่มีที่จอดรถ

       ช่วงสายๆ มีคนมากดกริ่งหน้าบ้านก็ออกไปดู เห็นลุง(อาแป๊ะคนจีน) มายืนอยู่หน้ารั้วบ้าน ถามว่า ลุงมีธุระอะไรค่ะ ลุงพูดภาษาจีนใส่เลย ฟังออกบ้างไม่ออกบ้าง เรื่องภาษาจีนเป็นเรื่องธรรมดาที่ผู้เขียนโดนมาบ่อยเพราะหน้าตาออกหม๋วยแต่พ่อไท้ยไทย ส่วนแม่ก็หม๋วยส่ะ ลุงบอกว่า อยากพบเถ้าแก่พ่อหนูนั่นล่ะ อาหม๋วยไม่รู้จักลุงหรอก ลุงรู้จักกับเถ้าแก่มาสิบกว่าปีแล้ว ผู้เขียนบอกว่า ไม่น่ารู้จักนะลุง แต่ก็เดินเข้าไปตามพ่อในบ้าน

       พอพ่อออกมาลุงก็บอกพ่อว่า มาหาเพื่อน พ่อก็บอกว่าคงผิดบ้านแล้วมั่ง ลุงก็ไม่ยอมไป พ่อถามว่า ลุงมาจากไหน ลุงบอกว่า พึ่งกลับมาจากอเมริกาไปอยู่มาสิบกว่าปี วันนี้มาตามหาเพื่อน แต่พ่อก็บอกไปว่า ไม่ใช่บ้านนี้หรอกลุง ผมไม่รู้จักลุงเลย ลุงก็เลยไป ผู้เขียนไปยืนมองที่หน้ารั้ว แกเดินมาไม่มีรถและลุงก็มองไปตามทาวเฮ้าส์ในซอยบ้าน (ทั้งซอยมีบ้านผู้เขียนอยู่หลังเดียว นอกนั้นเป็นทาวเฮ้าส์และคอนโด) ลืมบอกไปว่า ตอนที่ผู้เขียนถามลุงว่า ลุงเป็นใคร ลุงพูดภาษาจีนแล้วส่งเหมือนบัตรประชาชนเป็นภาษาจีนมาให้ บอกว่า ชื่อ หลินอะไรสักอย่าง จำไม่ได้เพราะเป็นภาษาจีน

       ลุงก้อทำเป็นผู้เขียนเป็นเด็กอมมือไปได้อยู่ในประเทศไทยก็ต้องมีบัตรประชาชนที่เป็นภาษาไทย แต่ถ้าลุงเป็นคนต่างด้าว บัตรนั้นก็ต้องเป็นภาษาไทยอยู่ดี บัตรของลุง ผู้เขียนไม่สนใจอ่านเพราะอ่านไม่ออกด้วยและคิดว่า ไม่จำเป็นต้องรู้เพราะยังไงเราก็ไม่รู้จักกันแน่นอน ญาติพ่อผู้เขียนก็รู้จัก คนอื่นมาอ้างทำไมจะไม่รู้

       และเป็นบ่อยมากที่พอพ่อมาสร้างบ้านหลังใหม่มีแต่คนมาหา มาบอกว่า เรารู้จักกัน ไม่เว้นแม้แต่นักการเมืองท้องถิ่น มากดกริ่งหน้าบ้านและบอกว่า เราเป็นญาติกันนะ ช่วยลงคะแนนให้ด้วย ก็รับฟังนะ แต่ไม่จำเป็นต้องทำตาม เบื่อพวกนี้มากบอกว่า จะทำโน่นทำนี่ให้ แต่ก็ไม่เคยทำให้สักที ต่อให้เป็นญาติกันก็เถอะ ไม่สน

       หลังบ้านผู้เขียนเป็นเขื่อนและใช้เป็นทางลัดให้คนเดินออกถนนกาญจนาภิเษก ตอนกลางคืนพ่อจะเปิดไฟตามให้สองดวงแต่บ้านหลังต่อไป ไม่เปิดให้ จึงมืดในช่วงนั้นและน่ากลัวเวลาเดินผ่าน พ่อขอไฟจากนักการเมือง ให้ช่วยมาติดตั้งให้คนเดินก็ทำเป็นไม่สนใจ ประชาชนก็ต้องเสี่ยงภัยจากการโดนขโมยแอบซุ่มลักทรัพย์ตอนกลางคืน เวลาพ่อได้ยินคนร้องให้ช่วยก็รีบออกไปดู แต่มันก็ไปแล้วทุกที

       พอลุงไปแล้ว คุยกับพ่อบอกว่า สมัยนี้ไว้ใจไม่ได้ ถ้าเป็นมิจฉาชีพคงกะว่า ถ้าบ้านนี้มีเด็กอาจเปิดบ้านให้เข้ามาเพราะอ้างว่ารู้จักกับพ่อ เด็กต้องหลงเชื่อ เรื่องนี้ฟัง จส.100 บ่อย เลยไม่ค่อยไว้ใจ และช่างเผอิญนะ ที่วันนี้พ่อก็อยู่ ไม่ได้ออกไปเที่ยวหากิ๊กที่ไหน ตอนพ่อออกไป ลุงก็ตกใจเล็กน้อย แหม! อุตส่าห์บอกว่า มาขอพบเถ้าแก่ ก็ต้องเป็นคนจีนและแก่แน่ แต่นี้พ่อหน้าไท้ยไทย (หน้าตาและหุ่นเหมือนสมบัติ เมทะนี) แถมยังไม่แก่เลย แค่หกสิบหน่อยๆ ส่วนลุงคงประมาณ 70 กว่าๆ

       แต่ถ้าลุงมาตามหาญาติจริงๆ ก็ไม่น่าจะจำผิดส่ะมากมายเพราะสิบกว่าปีที่ผ่านมา ถ้าเป็นซอยบ้านนี้ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แม้แต่ซอยใกล้ๆ ก็เถอะ ถ้าจำผิดต้องผิดอย่างมากเลยล่ะ

       แต่ยังไงเมื่อไม่รู้จักกันก็ไม่ควรประมาทกับเรื่องแค่นี้ ขอยอมเป็นคนไม่ดีในสายตาลุงเพราะสมัยนี้ไว้ใจกันไม่ค่อยได้จริงๆ

หมายเลขบันทึก: 178554เขียนเมื่อ 24 เมษายน 2008 21:18 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 23:43 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

จริงด้วยครับ

เดี๋ยวนี้ไว้ใจคนได้ยากครับ

แม้แต่คนใกล้ตัวบางทียังไว้ใจไม่ค่อยได้เลยครับ

  • ตอนนี้ที่บ้านมีหลานสาวตัวน้อย แถมน่าตาน่ารัก
  • อนาคตเมื่อโตขึ้นคงต้องระวังกันมากขึ้น
  • ไม่เว้นแม้แต่คนใกล้ตัว
  • ขนาดอาของหลานซึ่งเป็นผู้ชาย น้องสาวยังไม่ยอมฝากเลี้ยงเลยค่ะ
  • ไม่รู้ว่าทำไมเพราะเวลาฝากเลี้ยงป้าต้องโดนลางานทุกที

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท