GotoKnow

ปาิฏิหาริย์ อภินิหาร

BM.chaiwut
เขียนเมื่อ 24 มีนาคม 2551 17:21 น. ()
แก้ไขเมื่อ 23 มิถุนายน 2555 23:17 น. ()
ปาฏิหาร อภินิหาร

ผู้เขียนติดตามหนังเรื่อง กำเนิดเจ้าแม่กวนอิม ทางโทรทัศน์ช่อง tpbs มาหลายวัน...  เกิดความรู้สึกว่า การเผยแพร่หลักธรรมทางศาสนานั้น  การอ้างอำนาจบางอย่างที่เหนือสิ่งธรรมดาซึ่งเรียกกันตามสำนวนไทยว่า ปาฏิหาริย์ หรือ อภินิหาร มีอยู่ทุกชาติศาสนา และทุกยุคสมัย... ดังนั้น จึงนำเรื่องนี้มาเล่าโดยผ่านคำทั้งสองนี้....

ปาฏิหาริย์ หรือ อภินิหาร ตามสำนวนไทย น่าจะหมายถึง เหลือเชื่อ ยากที่จะเชื่อได้ หรือเหนือการคาดหมาย ซึ่งความหมายโดยอรรถตามนัยบาลีก็เป็นไปทำนองนี้เช่นกัน... และเมื่อว่าตามรูปศัพท์ ท่านตั้งอรรถวิเคราะห์ไว้ ๒ นัย กล่าวคือ

  • ปฏิ + หิ = ปาฏิหาริยะ
  • ปฏิปกฺเข เหติ คจฺฉตีติ ปาฏิหาริยํ
  • ธรรมชาติใด ย่อมเป็นไป คือย่อมไป ในฝ่ายตรงข้าม ดังนั้น ธรรมชาตินั้น ชื่อว่า ปาฏิหาริยะ (ไปในฝ่ายตรงข้าม)

นัยนี้ ท่านว่ามาจาก ปฏิ เป็นบทหน้าในความหมายว่า ฝ่ายตรงข้าม ... ผสมกับ หิ รากศัพท์ในความหมาย ไป หรือ เป็นไป .... เมื่อร่วมความแล้วก็ได้ความหมายว่า ไปในฝ่ายตรงข้าม ... ขยายความว่า ฝ่ายหนึ่งจะทำบางสิ่งบางอย่างให้ไปกระทบความรู้สึกของฝ่ายตรงข้าม ที่ทำให้ฝ่ายตรงข้ามยอมรับ มิกล้าขัดขืน เชื่อถือ คล้อยตาม....

 

  • ปฏิ + หร = ปาฏิหาริยะ
  • ปฏิปกฺเข หรตีติ ปาฏิหาริยํ
  • ธรรมชาติใด ย่อมนำไป ซึ่งฝ่ายตรงข้ามทั้งหลาย ดังนั้น ธรรมชาตินั้น ชื่อว่า ปาฎิหาริยะ (นำไปซึ่งฝ่ายตรงข้าม)

นัยนี้ ท่านว่ามาจาก หร รากศัพท์ในความหมายว่า นำไป ... ส่วนอย่างอื่นก็ไม่แตกต่างจากนัยก่อน... ขยายความต่างกันไปนิดหนึ่งว่า ฝ่ายหนึ่งจะทำบางสิ่งบางอย่างเพื่อชักจูงให้ฝ่ายตรงข้ามยอมรับ คล้อยตาม ไม่กล้าขัดขืน... ทำนองเดียวกัน

.............

เรื่องราวหรือเหตุการณ์ที่เรียกกันว่า ปาฏิหาริย์ คงจะมีมานานแล้ว ซึ่งในการเผยแพร่หลักธรรมคำสอน พระพุทธเจ้าทรงอ้างถึง ปาฏิหาริย์ ๓ ประการ กล่าวคือ

  • อิทธิปาฏิหาริยะ การแสดงฤทธิ์ที่ต้องยอมรับ มิอาจขัดขืนได้
  • อาเทศนาปาฏิหาริยะ การดักใจ รู้ทันความคิด ความรู้สึกของคนอื่น จนยากที่ใครจะขัดขืน หรือปฏิเสธได้
  • อนุสาสนีปาฏิหาริยะ คำสั่งสอนที่น่าเชื่อถือ เพียบพร้อมด้วยเหตุผล และสามารถนำไปปฏิบัติได้จริง จนไม่อาจโต้แย้งได้

แม้ว่าพระพุทธเจ้าทรงใช้ทั้งสามประการ แต่พระองค์ก็ทรงยกย่องว่า ประการสุดท้ายคือหลักคำสอนเท่านั้น เป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์จริงๆ...

อนึ่ง ประเด็นเรื่องปาฏิหาริย์ ๓ นี้ ผู้สนใจอาจอ่านในพระไตรปิฏก หรืออ่านต่อในอรรถกถาได้ จาก Link ต่อไปนี้

.............

สำหรับ ปาฏิหาริย์ ในสำนวนไทย ผู้เขียนคิดว่า คนทั่วไปมุ่งหมายเฉพาะประเด็นแรกคือ อิทธิปาฏิหาริย์ เท่านั้น... ส่วนผู้ที่ดักใจ ทายใจ รู้ทันความคิดเห็นคนอื่นได้อย่างอัศจรรย์ (เช่น พวกหมอดู) ก็อาจใช้คำว่าปาฏิหาริย์อยู่บ้าง เช่น หลวงพ่อวัดโน้น ทายถูกทุกเรื่อง ดั่งปาฏิหาริย์... ส่วนหลักคำสอน ไม่ค่อยจะมีสำนวนอ้างถึงว่าเป็นปาฏิหาริย์

อนึ่ง นอกจากปาฏิหาริย์แล้ว สำนวนไทยบางครั้งก็ใช้คำว่า อภินิหาร ในความหมายทำนองเดียวกับ ปาฏิหาริย์ ...

แต่รู้สึกว่าไม่เคยเห็นในวรรณคดีบาลีว่า อภินิหาร ใช้แทนคำว่า ปาฏิหาิริย์ ได้ (นักบาลีเข้ามาอ่านเจอ ถ้ามีความเห็นเพิ่มเติมช่วยบอกกันบ้าง...)

  • อภิ  + นิ + หาร = อภินิหาร

อภินิหาร อาจแปลง่ายๆ ว่า นำออกไปข้างหน้า, นำออกไปเฉพาะ หรือ นำออกไปอย่างยิ่งใหญ่ ... และคำนี้เท่าที่จำได้ที่ใช้อยู่ในวรรณคดีบาลี หมายถึง ก้าวย่าง หรือ คำพูด

  • ก้าวย่าง นั่นคือ นำร่างกายออกไปจากจุดที่ยืนอยู่ไปยังข้างหน้า...
  • คำพูด นั่นคือ ถ้อยคำที่เปล่งออกมาจากปาก จะส่งกระแสเสียงไปข้างหน้า...

...........

ส่วนสิ่งที่ผู้เขียนค่อนข้างแปลกใจก็คือ เรื่องราวหรือเหตุการณ์ที่เรียกว่า ปาฏิหาริย์ ยังมีคนอ้างถึง และมีคนเชื่อถืออยู่ทุกยุคสมัยและทุกชาติศาสนา... จนกระทั้งทุกวันนี้

สำหรับเรื่องนี้ ใครมีความเห็นอย่างไรบ้าง ? ก็เล่าสู่กันอ่านได้...



ความเห็น

ขจิต ฝอยทอง
เขียนเมื่อ
  • นมัสการหลวงพี่
  • มาดูปาฏิหารย์
  • แล้วมหัศจจรย์ละครับ
  • อธิบายอย่างไรดี
ชายขอบ
เขียนเมื่อ

     ปาฏิหาริย์เป็นเรื่องของความหวังในระดับความฝันของคนไหมครับ จึงได้ผลในการนำมาใช้เป็นเครื่องล่อต่อการสอนอย่างอื่นต่อไป คนเราอยู่ได้ด้วยความหวังและความฝันด้วยนี่ครับนอกจากปัจจัยทั้ง 4 แล้ว
     นมัสการมาเพื่อ ลปรร.ครับ

Sasinand
เขียนเมื่อ

นมัสการค่ะ

ไม่เคยเห็น อภินิหาร หรือ ปาฏิหาริย์ ...เลยค่ะ

มีแต่ที่อธิบายกับตัวเอง หรือที่พระท่านอธิบายว่า เป็นบุญช่วยค่ะ

เป็นเรื่องที่น่าจะเป็นบุญช่วยจริงๆค่ะ

BM.chaiwut
เขียนเมื่อ

P

ขจิต ฝอยทอง

 

มหัศจรรย์ (อาจารย์คงกดแป้นเร็วไปนิดหนึ่ง จึงออกมาเป็น มหัศจจรย์) ก็คือ อัศจรรย์ นั่นเอง... เพียงเติม มห ซึ่งแปลว่า ใหญ่ นำหน้า ดังนั้น มหัศจรรย์ ก็คือ อัศจรรย์ใหญ่...

คำนี้เคยเล่าไว้ ดูที่ อัจฉริยะ อัศจรรย์

เจริญพร

กวิน
เขียนเมื่อ

นมัสการพระอาจารย์ครับ

นิมนต์ อ่าน http://gotoknow.org/blog/kelvin/172401 วิเคราะห์เพลงลาวคำหอม ขอรับ กระผมไม่แน่ใจเรื่องดอกไม้บนสวรรค์ครับ เห็นเค้ามีอ้างในคัมภีร์พระไตรปิฎก

ขอบพระคุณพระอาจารย์ครับ

BM.chaiwut
เขียนเมื่อ

P

ชายขอบ

 

  • ประมาณนั้น

............

P

Sasinanda

 

เห็นไม่เห็น คนเราก็ยังสุขบ้างทุกข์บ้าง ไม่เกินร้อยปีก็ตาย...

แต่ถ้ามีบุญช่วย ความสุขก็อาจละเอียดอ่านยิ่งขึ้น สุขภาพก็อาจเป็นไปควรแก่งาน ไม่กลายเป็น ทุกขภาพ (............)

.............

P

กวินทรากร

 

เข้าไปดูแล้ว...

หลวงพี่มิใช่นักจำ ! และไม่ค่อยสนใจเรื่องทำนองนี้ด้วย...

ใครถามมาก็ใช่ว่าจะรู้เรื่อง... นี้ต้องไปหยิบคัมภีร์ จักรวาฬทีปนีี (ฉบับหอสมุดแห่งชาติ ปี ๒๕๒๓) มีเรื่องนี้อยู่ ลองไปค้นดู หนังสือมี ๒ ส่วน ด้านหน้าเป็นบาลี ด้านหลังแปลเป็นไทย... เฉพาะด้านหลังที่แปลเป็นไทย หน้า ๒๑๙ มีเรื่องต้นไม้ตามที่อ้างถึงอยู่ด้วยหลายชนิด... ลองไปค้นดู และเค้ามีเชิงอรรถให้สืบค้นต่อไปได้อีก...

คิดว่าอาจารย์น่าจะเคยเห็นหนังสือเล่มนี้... ห้องสมุดใหญ่ๆ โดยมากมีทุกแห่ง...

หลวงพี่เป็นนักตรรกะ ถ้าขัดคอ แย้งผู้อื่น ถนัดเลย เพราะไม่จำเป็นต้องจำ (5 5 5...)

...........

เจริญพรทุกท่าน

 

โก๊ะจิจัง แซ่เฮ
เขียนเมื่อ

นมัสการเจ้าค่ะ หลวงพ่อ

หลายครั้งที่ให้กำลังใจตัวเอง อยากให้เกิดปาฏิหาริย์บ้าง คิคิ มันเป็นการเสริมกำลังใจให้ตัวเอง เป็นการให้ความหวัง เอิกๆๆ

รักษาสุขภาพด้วยเจ้าค่ะ -----> น้องจิ ^_^

BM.chaiwut
เขียนเมื่อ

P

นางสาว จิราภรณ์ น้องจิ กาญจนสุพรรณ

 

ตอนที่หัดเรียนโหราศาสตร์นั้น ครูโหรท่านแนะนำว่า ให้จำไว้ว่า ทายถูกเพราะอะไร ทายผิดเพราะอะไร และพยายามจดไว้ด้วย อย่าเดา เพราะถ้าเดา ต่อไปมันจะไม่แม่น ถ้าวันไหนดูไม่ออกบอกไม่ถูก ก็ไม่ต้องทาย...

แล้วท่านก็บอกต่อไปว่า สัมผัสที่หก นั้น มันมีเพียงบางครั้งเท่านั้น แต่ถ้าเราเรียนมาก จำมาก เราก็อาจพอทายได้ แม้วันนั้น ใจเราจะไม่เปิดก็ตาม...

ปาฏิหาิริย์ ก็คงคล้ายๆ กับสัมผัสที่หกของพวกหมอดู มันมีเพียงบางครั้งเท่านั้น... แต่ถ้าเรามีธรรมะ เช่นขยันเรียนหรือทำงาน ไม่มัวเมาอบายมุข เป็นต้น เราก็สามารถดำเนินชีวิตไปได้ โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งปาฏิหาริย์...

ครูโหรสอนว่า หมอดูอย่าหวังพึ่งเพียง สัมผัสที่หก ฉันใด... การดำเนินชีวิตของเราก็อย่าหวังพึ่งเพียง ปาฏิหาริย์ ฉันนั้น...

แต่อาตมาไม่ได้ดำเนินตามคำสอนของครูโหร จึงยังไม่ได้เป็นหมอดูอาชีพ แม้ว่าจะเรียนมาสิบกว่าปีแล้ว (5 5 5...)

เจริญพร

 


พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท
ภาษาปิยะธอน (Piyathon)
เขียนโค้ดไพทอนได้ด้วยภาษาไทย