ประวัติฟุตบอลโลก


ฟุตบอลโลก
   ระเทศที่เข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งแรกมีทั้งหมด 13 ประเทศ ตอนนั้นยังไม่มีการแข่งขันรอบคัดเลือก ที่อุรุกวัยประเทศเจ้าภาพได้ส่งจดหมายเชิญประเทศต่าง ๆ เข้าร่วมการแข่งขัน
       
       เพราะระยะทางที่ไกล ทำให้มีเพียงประเทศจากยุโรป 4 ประเทศเท่านั้นที่ตัดสินใจเข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้ โดยส่วนมากปฏิเสธที่จะเดินทางโดยเรือหลายอาทิตย์ข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก
       
       ที่มอนเตวิเดโอ เจ้าภาพได้สร้างสนามแข่งขันที่สวยงามสนามหนึ่ง ซึ่งจุผู้ชมได้ถึง 95,000 คน โครงการสร้างสนามดังกล่าวต้องเลื่อนกำหนดสร้างเสร็จออกไป เนื่องจากมีฝนตกหนัก ซึ่งทำให้สนามแข่งขันเสร็จก่อนหน้าการแข่งขันเพียง 5 วันเท่านั้น
       
       แต่ด้วยเหตุผลหลายอย่างที่ทำให้อุรุกวัยเหมาะสมสำหรับการจัดการแข่งขันครั้งนี้ พวกเขาเป็นแชมป์โอลิมปิกสองสมัยแรก ที่ช่วยสร้างชื่อเสียงให้กับพวกเขา นอกจากนั้นเดือนกรกฎาคม 1930 ยังเป็นเดือนที่ประเทศกำลังเฉลิมฉลอง 100 ปีแห่งการเป็นอิสระ ที่ทำให้ช่วงสองสัปดาห์ของการแข่งขันฟุตบอลโลก ที่แทบจะทั้งทัวร์นาเมนท์แข่งขันกันที่เมืองหลวงของอุรุกวัยแห่งนี้ มีเทศกาลคาร์นิวัลฉลองเอกราชอยู่ด้วย
       
       4 ทีมเท่านั้นที่เข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งแรก และไม่มีทีมไหนเลยที่ได้รับการคาดหมายว่าจะคว้าแชมป์ไปครอง ประเทศมหาอำนาจอย่างอิตาลี, เยอรมัน, ฮอลแลนด์, อังกฤษ และสเปน พากันอยู่ที่บ้าน หนึ่งในประเทศที่ส่งทีมเข้าร่วมอย่างโรมาเนีย ที่แม้ว่าจะมีกษัตริย์คิง แคโรล เป็นผู้จัดการทีม แต่โรมาเนียก็ไม่ประสบความสำเร็จ
       
       ฝรั่งเศส และเม็กซิโก ลงเล่นฟุตบอลโลกนัดแรกในประวัติศาสตร์ และทีมตราไก่เป็นฝ่ายชนะ 4-1 โดยลูเซียน โลรองต์ ของฝรั่งเศสยิงประตูแรกในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลก แต่สองทีมที่แข็งแกร่งในทัวร์นาเมนต์นี้คืออาร์เจนติน่า และอุรุกวัย ที่ทั้งสองทีมเป็นแชมป์ของกลุ่มอย่างง่ายดาย
       
       สตาบิเล่ ได้รับเลือกให้เป็นนักเตะยอดเยี่ยมของทัวร์นาเมนท์ จากจุดเริ่มต้นคือผู้เล่นสำรอง เขาลงสนาม และซัดแฮตทริกนัดเตะกับเม็กซิโก
       
       ในรอบรองชนะเลิศอาร์เจนติน่าถล่มสหรัฐ อเมริกา 6-1 และอุรุกวัยชนะด้วยสกอร์เดียวกันในการเตะกับยูโกสลาเวีย ตอนนั้นไม่มีการแข่งขันชิงอันดับสาม ทำให้สหรัฐ และยูโกสลาเวียได้ครองอันดับสามร่วมกัน
       
       รอบชิงชนะเลิศมีขึ้นเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 1930 ณ สนามเอสตาดิโอ เซนเตนาริโอ ที่อุรุกวัยเจ้าภาพพบกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างอาร์เจนติน่า …เกมนี้อุรุกวัยถอดอันเซลโม่ออก และให้คาสโตร ลงเล่นศูนย์หน้าแทน แม้ว่าเขาจะมีแขนเพียงข้างเดียวก็ตาม
       
       โฆเซ่ นาซาซซี่ และมานูเอล เฟอร์ไรร่า เป็นกัปตันของทั้งสองทีม และเกมนัดนี้มีฌอง ลองเชอนุส กรรมการมากประสบการณ์จากเบลเยียมทำหน้าที่เป็นผู้ตัดสิน
       
       เกมการแข่งขันช่วงแรกนั้นทั้งสองทีมต่างเน้นเกมรับ แต่หลังจากที่เล่นไปได้ 12 นาที เจ้าบ้านก็เป็นฝ่ายได้ประตูขึ้นนำ เมื่อปาโบล ดอราโด ยิงลอดขาของโบตาสโซ ประตูของอาร์เจนติน่าเข้าไป
       
       หลังจากนั้น 8 นาทีอาร์เจนติน่าตีเสมอได้สำเร็จ เมื่อคาร์ลอส ปูเชลเล่ รับลูกที่วารัลโล ผ่านมาให้ และจัดการซัดเต็มหลังเท้าผ่านมือของบาเญสเตรอส ผู้รักษาประตูของอุรุกวัยได้สำเร็จ
       อาร์เจนติน่าเป็นฝ่ายขึ้นนำบ้างนาทีที่ 37 หลังจากที่สตาบิเล่พังประตูได้ แต่ก็เป็นลูกประตูที่น่ากังขา ในเกมที่มีจังหวะการเล่นปัญหามากมาย เมื่อตอนที่ได้บอล สตาบิเล่ดูเหมือนว่าจะอยู่ในตำแหน่งล้ำหน้า ทั้งที่นักเตะอุรุกวัยพยายามประท้วง แต่กรรมการลองเชอนุสยังยืนยันคำตัดสินเดิม ซึ่งหมายความว่าอาร์เจนติน่าได้ประตูขึ้นนำ 2-1
       
       ครึ่งหลังอุรุกวัยกลับสู่เกม เมื่อเปโดร เซีย ยิงตีเสมอได้ในนาทีที่ 57 อาร์เจนติน่าที่เล่นสามกองหน้าประกอบด้วยปูเชลเล่ เอวาริสโต และสตาบิเล่ เกือบจะทำลายงานฉลองของเจ้าภาพหลายครั้ง แต่ก็เป็นอุรุกวัยที่คลายความกดดัน ในนาทีที่ 68 เมื่อซานโตสอิริอาร์เต พังประตูสุดสวยจากระยะกว่า 25 หลา ทำเอาอัฒจันทร์อึกทึกคึกโครมเพราะการฉลองชัย เป็นประตูที่คู่ควรกับฟุตบอลโลกนัดชิงอย่างแท้จริง
       
       สตาบิเล่เกือบที่จะทำลายงานเลี้ยงของอุรุกวัยได้อีกครั้ง เมื่อเขายิงชนคานสองสามนาทีต่อมา แต่หลังจากนั้นเจ้าถิ่นก็ได้ประตูที่สี่ปิดเกม
       
       ประตูนี้เกิดขึ้นในช่วงท้ายเกมที่คาสโตร โขกพังประตูลูกที่โดราโดเปิดมาให้ …คาสโตร ที่ประสบอุบัติเหตุจนเสียแขนซ้ายไป กลายเป็นฮีโร่ของชาติ เขาทำได้ 1 ประตูเท่านั้นในนัดเปิดสนามของอุรุกวัยที่เตะกับชิลี แต่หลังจากนั้นก็โดนดร็อปเป็นตัวสำรอง แต่ถึงนัดชิงเขาถูกส่งลงเล่นตัวจริงอีกครั้ง และยิงประตูที่ทำให้อุรุกวัยได้แชมป์โลกแน่ ๆ
       
       เมื่อเสียงนกหวีดหมดเวลาการแข่งขันดังขึ้น อุรุกวัยทั้งประเทศพากันเฉลิมฉลอง ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน รวมถึงตามท้องถนนของกรุงมอนเตวิเดโอ ที่ฉลองชัยชนะกันข้ามวันข้ามคืน และ 1 วันหลังจากเกมนัดชิงได้ถูกประกาศให้เป็นวันหยุดแห่งชาติ…

 
ทีมชาติอุรุกวัย ถ่ายภาพหมู่ก่อนลงสนามนัดชิงกับอาร์เจนติน่า
       อุรุกวัย 4 - 2 อาร์เจนติน่า
       30 กรกฎาคม 1930 …เอสตาดิโอ เชนเตนาริโอ
       ประตู : อุรุกวัย - โดราโด 12, เชีย 57, อิริอาร์เต 68, คาสโตร 90
       อาร์เจนติน่า - ปูเชลเล่ 20, สตาบิเล่ 37
       นักเตะทั้งสองทีม
       อุรุกวัย : บาเญสเตรอส, นาซาสซี่, มาสเคโรนี่, อันดราเด, เฟอร์นานเดซ, เกสติโด, โดราโด, สกาโรเน่, คาสโตร, เชีย, อิริอาร์เต
       อาร์เจนติน่า : โบตาสโซ, เดลลา ตอร์เร่, ปาแตร์นอสเตอร์, ฆ. เอวาริสโต, มอนติ, ซัวเรซ, ปูเชลเล่, วารัลโล่, สตาบิเล่, เฟอร์ไรร่า, ม. เอวาริสโต
       กรรมการ : ฌอง ลองเชอนุส (เบลเยียม)
       ผู้ชม : 93,000 คน

หมายเลขบันทึก: 170563เขียนเมื่อ 12 มีนาคม 2008 18:22 น. ()แก้ไขเมื่อ 30 พฤษภาคม 2012 17:10 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท