สังคมไทยเคยปลูกฝังค่านิยมแบบวัตถุนิยม เป็นผลให้เกิดวิถีชีวิตแบบบริโภคนิยม โดยให้คติว่ามีเงินก็นับเป็นน้องมีทองก็นับเป็นพี่ มีความเชื่อว่าความสุขมีได้เพราะมีเงิน ยิ่งเกิดมามีวาสนาศักดิ์ใหญ่มีเงินมีทองยิ่งมีความสุขมาก ส่วนผู้ที่ไม่มีก็ขวนขวายหาเอาทั้งทุกข์ทั้งยาก การได้ว่าเป็นความสุขซึ่งอาจมีวิธีการที่แตกต่างกันหลายรูปแบบ ที่เห็นปรากฏเป็นเรื่องราวมากมาย ทำให้นึกไปว่า ทรัพย์สินเงินทองมีค่า (ฆ่า) มากกว่าความเป็นพ่อแม่ ความเป็นพี่เป็นน้อย ความเป็นญาติกันเสียอีก เรื่องเหล่านี้มีมานานแล้ว และปรากฏให้เห็นอยู่ในปัจจุบัน จึงทำให้หวนคิดว่าตราบใดที่มนุษย์ตอบตนเองไม่ได้ว่าสิ่งที่เราต้องการจริงๆ และดีจริง มีประโยชน์จริง คืออะไร การสืบค้นหาสิ่งที่มนุษย์ต้องการจึงมีลักษณะเป็นการลองผิดลองถูก
เรื่องราวของทรัพย์สินเงินทอง หรือมรดกที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากบรรพบุรุษแม้ว่าจะมีมากสักเพียงใดก็ตาม ไม่มีวันพอกับการใช้เพื่อเป็นต้นทุนในการตามหาสิ่งที่ตนเองต้องการ เนื่องจากทรัพย์สินเงินทองเป็นทรัพย์ภายนอก มันจึงเป็นเครื่องมือสร้างสิ่งตอบสนองได้เพียงภายนอกเท่านั้น ไม่สามารถจะตอบสนองความต้องการภายในได้ (ใจ) ทรัพย์มรดกประเภทอีกหนึ่งที่ไม่ค่อยมีใครกล่าวถึงนัก คือทรัพย์มรดกภายใน ที่ทุกคนมีและครอบครองอยู่ ได้แก่มรดกต่อไปนี้
๑. กาลสมบัติ เวลาคือทรัพย์สินหรือมรดก ในหนึ่งวันมนุษย์ทุกคนมีเวลาเท่ากัน แต่ในความเท่ากันไม่สามารถจะสร้างอะไรได้เท่ากัน โดยเฉพาะผู้ที่ไม่เห็นคุณค่าของเวลา เวลาหมายถึงผู้ฆ่าหรือทำลาย จะทำลายทุกสิ่งทุกอย่างให้หมดไป ทำให้สิ่งมีค่าจะลดค่าลง สิ่งที่มีประโยชน์จะใช้สอยได้น้อยลง ทำลายแม้แต่สังขารให้หมดไปทีละน้อย ทำลายสรรพสิ่งให้ให้อายุลดน้อยลง ดังนั้นเวลาจึงเป็นมรดกชีวิตประเภทหนึ่งที่เป็นสมบัติของทุกคน เพราะการไม่เห็นค่าของเวลาแม้ว่าจะมีอายุร้อยปีเหมือนมีอายุเพียงราตรีเดียว ส่วนผู้ที่เห็นค่าของเวลาแม้ว่าจะมีลมหายใจเพียงชั่วคืนเหมือนมีอายุยืนร้อยปี
๒. รูปสมบัติ รูปร่างคือทรัพย์สินหรือมรดก ได้แก่การมีรูปร่างสง่างาม แข็งแรง รวมทั้งการเกิดเป็นมนุษย์ เพราะคติทางพุทธศาสนาสอนว่าการเกิดเป็นมนุษย์นั้นยากนัก แต่การดำรงความเป็นมนุษย์ยากกว่า บางคนเกิดมาไม่นานก็ตาย บางคนรอดแต่พิการ บางคนสมบูรณ์ดีแต่ทนกับแรงเสียดแทงจากภาวะที่กดดันทางสังคมไม่ได้ บางคนมีพร้อมสรรพ์แต่อ่อนแอและมีวุฒิภาวะน้อย นอกจากนี้ยังรวมถึงการมีสุขภาพที่แข็งแรงไม่เป็นโรคภัย ดังพุทธพจน์ที่ว่า ความไม่เป็นโรคเป็นลาภอันประเสริฐ คำนี้ไม่มีค่าจะมีค่าและเห็นด้วยตอนที่เราป่วยแล้วเจ็บปวดแล้วนั่นหละ เพราะเวลาที่สังขารเราป่วยก็ไม่แตกต่างจากท่อนไม้ที่ไร้ประโยชน์เท่าใดนัก ดังนั้นรูปร่างที่แข็งแรงจึงเป็นทรัพย์มรดกของชีวิต ที่สำคัญยังเป็นเครื่องมือสร้างทรัพย์สินอื่นๆ ได้อีกมากมายถ้าแข็งแรงและสุขภาพดี
ตามคติโบราณไทย ผู้ชายมีปัญญาเป็นทรัพย์ ส่วนสตรีมีรูปเป็นทรัพย์ คือใช้รูปร่างเป็นส่วนประกอบในอาชีพต่างๆ เราจะเห็นได้ตามที่ถูกกำหนดเป็นคุณลักษณะของแต่ละอาชีพ นอกจากเป็นทรัพย์แล้ว หากว่ามีใครมาละเมิดสิทธิถือครองในรูปร่างเราอย่างไม่ถูกต้องตามกฎหมายกฎจารีติ ต้องเสียค่าสินไหม เป็นค่าทำขวัญบ้าง เป็นค่าเสียผีบ้างก็มี ดังประโยควลีที่ว่า จับมือเสียหมู จับหูเสียผี.......................เป็นต้น
๓. คติสมบัติ ได้แก่ความรู้ ความคิด ทัศนคติ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการกำหนดเส้นทางเดินของมนุษย์ คติที่เป็นสมบัติต้องมีลักษณะเป็นกัลยาณมิตร หรือประกอบด้วยสัมมาทิฏฐิ เนื่องจากคติที่ถูกต้องจะเป็นตัวกำหนดนำให้เราได้ทำดีและทำถูก เพราะว่าคนเราหากคิดผิด รู้ผิด ทำผิด ชีวิตจะผิดพลาดตลอดเวลา คติสมบัติทางพุทธศาสนามีจิตใจเป็นองค์ประกอบสำคัญ ดังนั้น ความสุขเล็กน้อย หรือมากจะเกิดหรือไม่เกิดอยู่ที่คติสมบัติ เพราะมนุษย์มีจิตเป็นนาย มีกายเป็นทาส
๔. ปโยคะสมบัติ การประกอบกิจให้สำเร็จ ประกอบด้วยความเพียรฝักใฝ่ในทางที่ถูก นำความเพียรไปใช้ขวนขวายประกอบการที่ถูกต้องและดีงาม มีปกติประกอบกิจการงานที่ถูกต้อง ทำแต่ความดีงาม โดยมีระยะเวลาเป็นเครื่องกำหนดความสำเร็จ ไม่ปล่อยให้งานทุกอย่างตกค้างเป็นอากูล เราจะเห็นได้จากสถานการณ์ของสังคมที่เปลี่ยนไป หลายชีวิตกำลังวิ่งแข่งกันเพื่อชิงชัย ทุกคนจึงทำและทำเพื่อให้ประสบกับสิ่งหวัง แต่หากว่าเรามัวแต่ปล่อยภารกิจเป็นดินพอกหางหมูยากที่จะทำกิจให้สำเร็จได้ พรุ่งนี้ดีกว่าวานนี้ แต่เดี๋ยวนี้ดีกว่าทั้งพรุ่งนี้และวานนี้ ดังนั้น การประกอบกิจให้สำเร็จตามบทบาทและหน้าที่จึงเป็นสมบัติของมนุษย์ชิ้นเอกอีกชิ้นหนึ่ง
สมบัติที่ตกทอดมาจากรุ่นสู่รุ่น เราเชยชมและเห็นว่าเป็นเครื่องมือที่ตอบสนองความต้องการของเราได้ แท้จริงมันช่วยได้เพียงชั่วระยะเวลาหนึ่ง อีกไม่นาน ไม่นานจริงๆ จะหมดค่าแล้ว แต่สมบัติของมนุษย์ที่เราครอบครองอย่างแท้จริง เป็นของเราทั้งปัจจุบันและอนาคต คือสมบัติภายในที่เป็นมรดกชีวิต
ไม่มีความเห็น