เมื่อสัปดาห์ที่ผ่าน ดิฉันได้มีโอกาสในการร่วมเป็นคณะทำงานจัดทำคู่มือการปฏิบัติงานของสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัด / กทม. เลยต้องเดินทางไปปฏิบัติราชการที่กรุงเทพ ฯ เป็นเวลา 5 วัน พวกเราคณะทำงานได้ร่วมกัน คิด วิเคราะห์ บทบาท ภาระงาน แนวปฏิบัติของศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนจังหวัดและ กทม. ซึ่งผลการดำเนินงานสำเร็จลุล่วงตามเป้าหมายในระดับหนึ่ง ซึ่งงานที่พวกเราร่วมกันทำจะต้องส่งต่อให้ (ศนจ.เดิม) หรือ (สนง.กศน. ใหม่)ร่วมคิดด้วยอีกแรงค่ะ
แต่สิ่งที่นอกเหนือจากการทำงานดิฉันได้เรียนรู้วิถีแห่งความเข้าใจชีวิตที่แท้ คือ จุดต่างของคุณค่า..อยู่ที่ใด เกิดเหตุในเย็นวันหนึ่ง เมื่อเสร็จงานประจำวันและที่ประชุมได้เลิกและต่างแยกย้ายไปพักผ่อน ดิฉันจึงได้เดินหาร้านซ่อมนาฬิกา เนื่องจากสายนาฬิกาที่ใส่ติดแขนอันเรียวบางได้ขาดออกจากัน จึงได้มองหาร้านซ่อมและออกไปรับประทานอาหารเย็นด้วย จึงเร่งเดินทางไปที่ตลาดเทเวศน์ ซึ่งอยู่ใกล้กระทรวงศึกษาธิการ ใช้เวลาในการเดินไม่นานนัก ดิฉันก็ได้พบร้านซ่อมนาฬิกาดังตั้งใจ จึงได้รีบตรงเข้าไปในร้านและเจอ เจ้าของร้านพร้อมบอกความประสงค์ต้องการเปลี่ยนสายนาฬิกา เจ้าของร้านได้นำสายแบบต่าง ๆ ให้ดิฉันเลือก และ ก็ได้ต้องตาต้องใจกับสายสีน้ำเงินเส้นหนึ่งที่เข้ากับตัวเรือนได้อย่างเหมาะสม จึงตกลงเลือกเส้นนี้พร้อมบอกกับเจ้าของร้านว่าเดี๋ยวมารับ จะไปเดินดูของในตลาดก่อน เจ้าของร้านบอกแล้วอย่าลืมมาเอาล่ะ..........เหตุการณ์ผ่านไปดิฉันกลับมารับนาฬิกา เจ้าของร้านของราคา 250 บาท ดิฉันรู้สึกว่าตัวเองพลาดและได้แสดงความโง่ออกมาแต่ก็ต้องควักเงินออกจากกระเป๋าให้เจ้าของร้านไป และรับนาฬิกามาด้วยความเสียดายเงินเมื่อกลับมาถึงที่พักก็ยังติดใจและก็หัวเราะออกมาอย่างขำ ๆ เพราะนาฬิกาที่ใส่นั้นดิฉันซื้อมาจากตลาดโรงเกลือ จังหวัดสระแก้วเมื่องครั้งยังอยู่ที่จังหวัดสระแก้ว ด้วยราคา 100 บาท (ที่จริง คือ 150 ต่อรองราคาได้ 100) และใช้งานมาได้ เกือบ 1 ปี เต็ม แต่ตัวเรือนยังใช้งานได้ดีเพียงแต่สายขาด เมื่อเปลี่ยนสาย ราคา 250 บาท จึงทำให้ดิฉันอดที่จะขำไม่ได้และบอกกับตัวเองว่า ระหว่างสายราคา 250 บาท กับตัวเรือน 100 บาท ดิฉันควรจะให้น้ำหนังคุณค่าที่ใดกันแน่
เมื่อตัวเรือน มีคุณค่า ในการบอกเวลา ในขณะที่ สายก็มีคุณค่าในการ อำนวยความสะดวกประดับร่างกายเราง่ายต่อการดูเวลา ดังนั้นจุดต่างของคุณค่า......จึงอยู่ที่ของทั้งสองสิ่งรวมกันจึงจะเกิดคุณประโยชน์ หากขาดสิ่งใด สิ่งหนึ่งไป ก็คงจะกลายเป็นของไร้ค่าแน่นอน เช่นเดียวกับทุกองค์ประกอบของสรรพสิ่งในโลกนี้ ที่ต้องอยู่รวมกัน อาศัยซึ่งกันและกัน แต่ละอย่าง แต่ละคนมีคุณค่ในตัวของตัวเอง ไม่มีสิ่งใด หรือใครที่มีคุณค่าต่อโลกนี้มากไปกว่ากัน ความเหมาะสมจึงอยู่ที่การรวมกันอย่างลงในนั้นเอง
ตามมาจากบันทึกพ่อครูบา
ตามมาดูครูพันธุ์ใหม่ค่ะ
อิอิ
ขอบคุณค่ะคุณขจิตและน้าอึ่งอ๊อบ คนสวย แซ่เฮ ที่เป็นกำลังใจให้สู้ๆๆๆๆต่อไปเช่นกันค่ะ