กลลวงโลก


การค้าขายสิ่งหนึ่งที่สำคัญคือ ความซื่อสัตย์ต่อลูกค้า เฉกเช่น พ่อของนักร้องที่ขายลอตเตอรี่และเก็บไว้ให้กับลูกค้าที่ถูกรางวัลที่ 1 แต่ลูกค้ายังไม่ได้จ่ายเงินเลย อย่างนี้สิ คนดีของสังคมจริงๆ

       วันก่อนข้ามฟากไปทานข้าวกลางวันที่ ทบ. ตรงข้ามกระทรวงการคลังจากนั้นก็แวะซื้อของใช้ส่วนตัวที่ร้านค้าของสวัสดิการกองทัพบก ขณะที่เดินกลับเดินสวนกับผู้หญิงคนหนึ่งเดินหิ้วถุงขนมมาเยอะเลย (ตอนที่ทักกับผู้เขียนกำลังเอาของใส่ท้ายรถ ซึ่งที่จอดรถของเขาตรงนั้น จอดได้เฉพาะเจ้าหน้าที่ของ ทบ. เท่านั้น คนทั่วไปเข้าไปจอดไม่ได้ ทำให้ผู้เขียนคิดว่า น่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานใดในกระทรวงการคลังแอบเข้าไปจอดหรือเปล่า)  

       ผู้หญิงคนนั้นทักผู้เขียนแบบสนิทสนมและบอกว่า ขอฝากขนมเอาไปให้กิน ผู้เขียนถามเขาว่า คุณอยู่กรมไหน เรารู้จักกันด้วยเหรอ เขาก็พูดอะไรอีกมากมาย จนงง สุดท้ายก็ไม่รู้หรอกว่า เขาคือใคร และจะฝากขนมไปให้ใครทาน

       แต่ผู้หญิงคนนั้นก็พูดเชิญชวนให้เอาขนมไปลองทานและพยายามพูดว่าฝากไปให้ทาน ซึ่งผู้เขียนก็ถามว่า จะฝากไปให้พี่คนไหน พอผู้เขียนรับมา แม่ค้าบอกว่า สามกล่องร้อยบาท หรือแล้วแต่ศรัทธา แม่ค้าจะเอาเงินไปทำบุญอะไรของเขาเกี่ยวกับ มธ. ที่ผู้เขียนเรียนด้วยนะ แต่ไม่ยักเคยได้ยินข่าวที่ มธ.เลย ผู้เขียนถือขนมไว้สองกล่อง กำลังงงค่ะ แต่เห็นบอกว่าแล้วแต่ศรัทธาก็ส่งไปให้ห้าสิบบาทเพราะขนมกล่องขนาดนี้ ถ้าไปซื้อตามร้านทั่วไป น่าจะกล่องละ 20 บาท ปรากฏสาวเจ้าบอกว่า ยังขาดอีกสิบบาท พอหยิบให้เพื่อตัดปัญหาเพราะคิดว่า ทำบุญทำทานแล้วกัน  สาวเจ้าบอกว่า สองกล่อง 70 บาทค่ะ

        แหม! ผู้เขียนก็ช่างไปยอมนะ ที่จริงน่าจะคืนไปเลยเพราะพูดแต่ละครั้งไม่ซ้ำกันเลย โกหกจริงๆ แต่เขาคงทำแบบนี้ซ้ำกับคนที่โดนกลลวงแบบนี้ไม่ได้แล้ว ปกติผู้เขียนจะมีเพื่อนไปทานกลางวันด้วย แต่วันนั้นเพื่อนติดธุระไม่ได้มาด้วย (ผู้เขียนเวลาของใช้ส่วนตัวหมดก็จะข้ามไป ทบ. เพื่อซื้อของมากกว่าการไปแวะที่ห้างตอนเย็นเพราะไม่มีเวลา) ขนมสองกล่องที่หลงซื้อมาก็ไม่ได้เอามาทานหรอกค่ะ กล่องหนึ่งก็ถวายเจ้าพ่อสามเสน ศาลที่อยู่ใน ทบ. และคิดในใจว่า ให้ท่านช่วยคุ้มครองคนอื่นอย่าให้เจอเหตุการณ์แบบนี้เหมือนผู้เขียนอีก และอีกกล่องก็ให้ รปภ. ของตึกสำนักงานปลัดฯ ทาน

        งานนี้โดนกลลวงของแม่ค้าซึ่งหน้า แต่ก็พยายามคิดว่า ทำบุญให้เขาเพราะช่วงนี้แต่ละคนคงพยายามดิ้นรนทุกวิถีทางเพื่อนำเงินมาเลี้ยงชีพด้วยวิธีแตกต่างกัน เพียงแต่วิธีของแม่ค้าที่ใช้กับผู้เขียน ขาดความซื่อสัตย์กับลูกค้าไปหน่อย

        ดังนั้นกรรมใดใครก่อ กรรมนั้นต้องคืนสนองแน่นอน

      

หมายเลขบันทึก: 162954เขียนเมื่อ 3 กุมภาพันธ์ 2008 01:09 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 22:35 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

สวัสดีครับ

  • พฤติกรรมของตนใจดีมีเมตตา ก็จะโดนแบบนี้แหละ
  • คนส่วนใหญ่จึงละเลยที่จะทำความดี
  • เพราะโดนคนไม่ดี  หลอกลวง
  • ขอบคุณมากครับ
  • สวัสดีค่ะ คุณเกษตรยะลา
  • วันนี้ทานข้าวกับเพื่อนคู่หู เลยเล่าเรื่องให้ฟัง
  • เพื่อนต่อว่า (ผู้เขียน) ว่า ไปคุยกับเขาทำไม เดี๋ยวเขาเอายาป้ายแย่แน่เลย ถ้าเป็น (เพื่อน) นะ จะเดินหนีไปเลย
  • แต่พี่น่ะ ชอบสงสารคน และคุยกับเขาไปเรื่อย เลยเจอเหตุการณ์แบบนี้
  • คือ ถ้านั่งทานข้าวกับเพื่อนและมีคนเอาของมาขายตามโต๊ะ หรือมีอะไรมาเชิญชวน ผู้เขียนจะโดนเข้ามาเสนอขายหรือแนะนำสินค้าตลอดซึ่งผู้เขียนก็จะรับฟังและเสนอ idea ให้ แต่กับเพื่อนจะไม่มีใครกล้า
  • เพื่อนเลยโชคดีไป
  • เป็นธรรมดาที่ คนใจดี ใจอ่อน ต้องตกเป็นเหยื่อของคนใจร้าย ^-^
  • บางทีการที่เราคิดว่า ทำบุญ กลับเป็นการส่งเสริมให้คนที่ไม่ซื่อทำไม่ดีต่อไปอีกนะคะ
  • เห็นด้วยมั้ยเอ่ย..
  • แต่ก็เห็นใจค่ะ เพราะบางทีคนพวกนี้จะมีกลวิธีพูด พูด พูด และก็พูด จนเรางง รับของ จ่ายเงินไปแบบ งง งง
  • เคยเป็นแบบนี้เหมือนกันค่ะ อิอิ
  • กลับถึงบ้านยัง งง อยู่เลยค่ะ 555
  • สวัสดีค่ะ น้อง stardust
  • พี่ยอมรับว่า พี่ยังงงอยู่เลยว่า ทำไมใจอ่อนจัง
  • แต่ยอมรับอยู่เรื่องว่า ชอบสงสารคนขายของโดยเฉพาะคนแก่
  • บางอย่างทานไม่ได้ แต่ก็ซื้อ ไม่ได้ทานหรอกค่ะ
  • ถ้าไม่แจกก็เอามากลับมาที่บ้าน โดนคนที่บ้านดุอีกเพราะมีคาตู้เย็นไปหมด
  • วันนี้เพื่อนพี่คิดมากกว่าว่า ไปรับของเขามา ยิ่งไม่ควรกินเพราะอาจใส่อะไรลงไปหรือเปล่า
  • พี่ว่าพี่ชอบมองโลกในแง่ร้ายแล้วเพื่อนพี่กลับเป็นยิ่งกว่า
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท