ดึงเด็กรวย มาช่วยเด็กจน (ตอนที่ 1)


นี่เป็นอีกเรื่องที่เห็นปัญหานี้เกิดขึ้นเพราะนี่คือ ชุมชนเมือง ที่มัวแต่จะทำงานหาเงิน ต่างจากโรงเรียนที่ยากจนในต่างจังหวัด ถึงแม้จะยากจน แต่ชาวบ้านต่างจังหวัดหลายๆแห่ง ยังมีการช่วยเหลือเกื้อกูลกัน มีญาติๆ หรือคนรู้จักฝากดูแลลูกกันได้ แต่ในกรุงเทพฯและปริมลฑลนี้ไม่ค่อยมีแบบนั้น เราจึงเห็นข่าวเด็กถูกล่วงละเมิดทางเพศ ถูกทำร้ายเยอะมากๆเป็นรายวัน

ดึงเด็กรวย มาช่วยเด็กจน (ตอนที่ 1)

 

ตลอดเดือนมกราคม 2551 นี้ ผมได้ให้เจ้าหน้าที่ของผมค้นหาโรงเรียนที่ขาดแคลนสื่อการเรียนการสอน เพื่อเข้าไปช่วยเหลือ รวมทั้งด้านบุคลากร ช่วยเหลือความพร้อมของโรงเรียนด้านต่างๆ ในระดับประถมวัย เมื่อได้โรงเรียนกลุ่มเป้าหมายแล้ว ผมและลูกน้องก็ได้เข้าไปคุยกับผอ.และครูในโรงเรียนเหล่านี้

 

ที่ผมอยากจะเล่าให้ฟังก็คือ ผมได้รับความรู้อย่างมหาศาล ที่เป็นสิ่งที่ผมคิดไม่ถึงจากครูในระดับประถมที่สังคมส่วนใหญ่มองข้ามบุคคลเหล่านี้ไป ด้วยความที่ท่านเหล่านี้ ไม่มีชื่อเสียง ไม่มีเงินทอง ไม่มียศ ตำแหน่งหน้าที่การงานที่สูง แต่ละท่านต้องดูแลเด็กเล็กๆ สอนให้เด็กร้องเพลง สอนให้เด็กนับเลขง่ายๆ สอนให้เด็กทำกิจวัตรพื้นฐานแบบที่เราเคยเห็นกันมา คุณครูที่ผมไปสัมภาษณ์มาหลายๆท่านนั้น ท่านนึง เป็นครูประถมตั้งแต่อายุ 19 ปี ปัจจุบันอายุ 50 ปี คือ เป็นครูมาแล้ว 31 ปี  ครูท่านนี้อยู่โรงเรียนเดียวตลอด ไม่ได้ย้ายไปไหนเลย ท่านได้ให้ข้อมูลรอบด้านใกล้ตัวที่ฟังแล้วน่าสนใจเป็นอย่างมาก ซึ่งผมขอสรุปเนื้อหา เพื่อให้ท่านได้พิจารณาถึงสิ่งที่เราต่างเห็นจนชินตา เห็นว่าเป็นปัญหาไกลตัว ก็เลยเฉย  หรือหลายๆคนรู้ว่าเป็นปัญหาใกล้ตัว ก็ยังเฉยก็มี  คุณครูหลายคนท่านสอนจนถึงปัจจุบันเรียกว่ารุ่นลูกของลูกศิษย์ก็กลับมาเรียนมากมาย

 

เมื่อสังคมเปลี่ยน คนเติบโตขึ้น ในสังคมเมือง ที่ต้องทำงานเพื่อหาเงินเลี้ยงชีพ โดยเฉพาะกับกลุ่มคนที่ด้อยโอกาส ,ผู้ใช้แรงงาน ,ผู้ที่ต้องทำงานหาเช้า กินค่ำ หรือลูกจ้างค่าแรงขั้นต่ำมากในสังคมเมืองนี้ ก็ต้องดิ้นรนมากกว่าคนที่มีการศึกษาสูงๆ เมื่อคนเหล่านี้เติบโตจากเด็กรับจ้าง เป็นหนุ่มสาวที่มีครอบครัว ก็มีลูกในวัยที่ยังต้องทำงานเลี้ยงปากท้องอีก จึงเป็นภาระที่หนักมาก กับรายจ่ายที่สูงขึ้นสำหรับบุตรหลาน

 

สำหรับโรงเรียนระดับอนุบาลจนถึงประถม ที่ต้องรับดูแลเด็กที่พ่อแม่ หาเช้ากินค่ำนี้ ที่ผมไปเห็นมานั้น ต้องบอกว่ามันหนักกว่างานที่พ่อแม่เด็กทำซะอีก เพราะอัตราส่วนการดูแลเด็กกับจำนวนบุคลกรในสถานศึกษาไม่สมดุลกัน เช่น บางโรงเรียนเด็กร้อยกว่าคน มีครูอยู่ 6 คน มีพี่เลี้ยงลูกจ้าง 5 คน ต้องดูแลเด็กวัยที่ซนมากๆ กับศักยภาพของลูกจ้างที่คงจะหวังพึ่งอะไรมาก กับอัตราจ้างที่ไม่สูง คุณครูถึงแม้จะมีใจรักเด็กมากยังไง แต่ถ้าเจอเด็กที่มีปัญหาพร้อมๆกัน ยังไงก็แก้ปัญหาไม่ทัน

 

ตัวอย่างง่ายๆเลยคือ แค่เรื่องเด็กป่วย ถ้าเป็นคนฐานะระดับกลางขึ้นไปก็ต้องพาลูกไปหาหมอแน่นอน แต่กับคนที่หาเช้ากินค่ำ บางครอบครัวรายได้เป็นศูนย์เลย ต้องออกไปหางานหาเงินแต่เช้า ก็ต้องเอาลูกมาทิ้งไว้โรงเรียนแต่เช้าเหมือนกัน กว่าครูจะรู้ว่าเด็กป่วยเป็นอะไร ก็เอาตอนที่อาการหนักแล้ว แน่นอนครับ ก็ต้องเข้าห้องพยาบาล แต่พอผมไปดูห้องพยาบาล บางโรงเรียนยุบห้องพยาบาลไปแล้ว เพราะเอาพื้นที่โรงเรียนจำกัด ต้องเอามาเป็นห้องเรียนแทน ,บางโรงเรียน มีเตียง ไม่มีที่นอน และ 3 ใน 4 ของโรงเรียนที่ผมเข้าไปเจอปัญหาเดียวกันคือ ไม่มียาสำหรับเด็กในอาการพื้นฐานบางโรค มีตู้ยา มีกล่องยาที่ได้จากอนามัย แต่เด็กเล็กจะป่วยบ่อยมาก และยาที่ต้องใช้กลับไม่มีมาให้ ต้องให้โรงเรียนจัดหาเอง เช่น ยาเคลือบกระเพาะ เด็กจะปวดท้องบ่อยมาก เพราะเด็กไม่ได้กินอะไรตอนเช้า โควตานมฟรี 1 กล่องกับอาหารกลางวันมื้อละ 10 บาทที่เงินหลวงให้โรงเรียน คุณว่าเด็กจะกินอะไรล่ะครับ  พอบ่ายๆ ก็มีรถเข็นขนมถุง 5 บาท 10 บาทมาล่อเด็กอีก ถึงโรงเรียนจะไม่ให้เข้ามา พวกนี้ก็ไปยื่นรับๆล่อๆ หลบครู ส่งขนมให้เด็กข้างรั่ว ยังกะส่งยาบ้า

 

หลายๆโรงเรียนที่ขาดแคลนนี้เป็นโรงเรียนวัด ซึ่งดูภายนอก ผมก็คิดว่า วัดก็น่าจะช่วยเหลือบ้าง หรือดูจากสภาพภายนอกก็ดูดีมาก เพราะมีอบต. มีใครต่อใครมาทำป้าย ทำรั่ว ทาสีแล้วก็สลักชื่อคนทำให้  แต่กับเรื่องงบที่ไปลงในเนื้อการศึกษา .สื่อต่างๆ เห็นแล้วไม่อยากเชื่อเลยว่านี่คือ โรงเรียนในประเทศไทย โรงเรียนในจังหวัดปริมณฑลติดกรุงเทพฯ โรงเรียนที่อยู่ห่างจากใจกลางเมืองเพียงไม่กี่นาที เพราะมีถนนเส้นใหญ่ใหม่ๆตัดผ่าน  ทำให้ดูเหมือนว่าเป็นแหล่งที่เจริญแล้ว  เพราะมีถนนใหม่ มีเสาไฟฟ้าขนาดใหญ่ มีบ้านหลังโตๆ มีหมู่บ้านขนาดใหญ่ล้อมรอบ แต่คนจนก็ยังจนอยู่ดี ดูเหมือนหลายครอบครัวจนลงมากกว่าเดิมด้วย  บางโรงเรียนที่ผมไปเจอ สภาพครอบครัวของเด็กในโรงเรียนคือเกือบ 100% พ่อแม่แยกทางกัน อันนี้สุดยอดเลย ไม่คิดว่าจะมีแบบนี้ด้วย ยังไม่รวมเรื่องที่เด็กเกือบทั้งโรงเรียนจะไม่ค่อยมีใครเรียนจบตั้งแต่ ป. 1 – ป. 6 แต่พอฟังคุณครูเล่าถึงอาชีพการงานของผู้ปกครองเด็กที่เป็นคนก่อสร้าง หรืออาชีพที่ต้องย้ายออกไปแบบปีต่อปี จึงเข้าใจว่าเด็กหลายๆคนเข้ามาเรียนแค่ ป. 2-3 แล้วก็ลาออก พอถึงเวลาที่หน่วยงานรัฐมาตรวจประเมินผล โรงเรียนเหล่านี้จึงถูกประเมินให้อยู่ในเกณฑ์ต่ำมาก เพราะเด็กไม่สามารถสอบเข้าโรงเรียนดีๆดังๆได้ เด็กไม่สามารถเรียนรู้หรือประเมินผลผ่านเกณฑ์ที่ควรจะผ่านได้ แต่จากสาเหตุข้างต้น นั่นก็ไม่ใช่ความผิดของครูในโรงเรียน เพราะครูคงไม่สามารถเอาเวลามาติวพิเศษให้กับเด็กได้ จะไปเก็บค่าเรียนพิเศษได้อย่างไร แค่ค่าเทอมผู้ปกครองหลายๆรายยังไม่ยอมจ่ายเลย

 

พอคุณครูที่อยู่กับเด็กมาซักระยะ เจอเด็กที่มีปัญหา พยายามนำปัญหาของเด็กไปเล่าให้ผู้ปกครองฟัง  แน่นอนครับ ไม่ว่าครอบครัวรวยมาก รวยน้อยก็ต้องมีเข้าข้างลูกตัวเอง และร่วมอยู่ฟังปัญหา ในวันเปิดเทอม หรือวันที่มารับลูก แต่สำหรับครอบครัวที่จนมากๆ หลายๆรายครูไม่เคยเห็นหน้าผู้ปกครองก็มี เพราะที่บ้านหาเช้ากินค่ำจริงๆ เด็กบางรายกลับบ้านไปก็ต้องไปอยู่คนเดียว จนกว่าพ่อแม่จะกลับ เช้ามาก็เอาเด็กมาทิ้งโรงเรียนอีก เป็นแบบนี้จนเป็นกิจวัตร

 

นี่เป็นอีกเรื่องที่เห็นปัญหานี้เกิดขึ้นเพราะนี่คือ ชุมชนเมือง ที่มัวแต่จะทำงานหาเงิน ต่างจากโรงเรียนที่ยากจนในต่างจังหวัด ถึงแม้จะยากจน แต่ชาวบ้านต่างจังหวัดหลายๆแห่ง ยังมีการช่วยเหลือเกื้อกูลกัน มีญาติๆ หรือคนรู้จักฝากดูแลลูกกันได้  แต่ในกรุงเทพฯและปริมลฑลนี้ไม่ค่อยมีแบบนั้น  เราจึงเห็นข่าวเด็กถูกล่วงละเมิดทางเพศ ถูกทำร้ายเยอะมากๆเป็นรายวัน เด็กโตก็มีปัญหาท้อง แท้งค์ ทิ้งในอัตราที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

 นี่ขนาดผมยังไม่ได้เล่าถึงเรื่องเนื้อของการศึกษาแต่ละระดับ และสภาพของตัวเด็กเลยนะ แค่สภาพแวดล้อมกับสังคม ในช่วงแรกเท่านั้น หลายคนก็คงจะปวดหัวแล้ว 

ผมเองก็คิดว่าโรงเรียนวัดบางแห่ง วัดน่าจะช่วยเหลือได้เยอะ แต่บางแห่งกลายเป็นวัดต้องมาขอให้โรงเรียนช่วยสนับสนุนปัจจัยบ้างก็มี เพราะวัดเล็กๆก็มีรายจ่ายที่สูงมากได้เหมือนกัน  เช่น หากมีการจัดงานศพ ญาติโยม ก็มาใช้สถานที่วัด หลายวัน ใช้ทั้งน้ำ ทั้งไฟ เงินที่กลับมาบำรุงวัดก็ไม่เพียงพอกับสิ่งที่ใช้ไป ก็ทำให้เปิดปัญหาได้ ผมจึงไม่ขอกล่าวถึงชื่อโรงเรียน ชื่อวัด หรือชื่อคุณครูที่ท่านให้ข้อมูลมา อีกอย่างคือ วัดในเขตนนทบุรีมีเยอะมาก บางช่วงบางเขต วัดอยู่ใกล้ๆติดๆกันหลายๆวัด  ทำให้ญาติโยม ก็กระจายไปในวัดที่ตนมีจิตศรัทธา หรือวัดที่มีชื่อเสียงไม่เหมือนหลายๆจังหวัดที่มีวัดล้อมรอบด้วยชุมชน วัดจึงเป็นศูนย์กลางของชุมชนได้ วันที่มีกิจทางสงฆ์ คนต่างจังหวัดจะอยู่จนเต็มวัด ไม่เหมือนวัดเขตเมืองหลวงหลายๆแห่งที่วัดสวยงาม  แต่คนน้อยจนคิดว่าผิดปกติ

 

คุณครูท่านนึง ท่านเล่าให้ผมฟังว่า นักเรียนที่ฐานะยากจน ระหว่างเด็กไทย กับเด็กต่างชาติที่พ่อแม่เข้ามาทำงานซึ่งก็ฐานะยากจนเหมือนกันนั้น แตกต่างกันอย่างมาก สิ่งที่แตกต่างกันคือ ความกระตือรือร้นในการดำรงชีวิต หรือจิตวิญญาณในการเอาตัวรอดนั่นเอง

 

เด็กไทยที่ยากจน จะได้รับการสนับสนุนทางโครงสร้างที่เตรียมไว้ เช่น  มีหนังสือ มีอาหาร มีนมให้ฟรี ถึงแม้จะไม่ค่อยเพียงพอ แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีเลย แต่กับเด็กชาวต่างชาติที่พ่อแม่บางรายเข้ามาทำงานโดยไม่ได้ขึ้นทะเบียนให้ถูกกฎหมายนั้น สิทธิต่างๆที่ได้รับ ก็จะไม่มากเท่าเด็กไทย แต่นั่นทำให้เค้ากลับต้องขยันมากขึ้น และรักษาสิทธิที่ได้มาอย่างคุ้มค่าที่สุด คือ กินข้าวทุกมื้ออย่างคุ้มค่า ตั้งใจเรียนหนังสือ ขยันมากกว่าเด็กไทยหลายคน กินอาหารทุกอย่างไม่เลือก และไม่เรื่องมากเหมือนเด็กไทยหลายๆคนที่ไม่ว่าจะรวยหรือจน ก็ยังจะเลือกกิน เช่น ไม่กินผัก ไม่กินนม กินแต่ขนมถุงที่ต้องเสียเงินซื้อมา แล้วก็ปวดฟัน จนไม่ต้องเป็นอันเรียนหนังสือ

 

เหล่านี้ล้วนเป็นเพียงปัญหาพื้นฐานที่อยู่ใกล้ตัวเรามากจนไม่คิดว่าจะมีโรงเรียนแบบนี้ใกล้ขนาดนี้ แต่พอผมได้เห็นสภาพแวดล้อมในที่ต่างๆ ในเวลาต่างๆ กับปัญหาสังคมต่างๆมากขึ้น ก็สามารถนำมาประติดประต่อให้เห็นได้ว่า ทำไมผมจึงเห็นสภาพความเสื่อมโทรม ข่าวอาชญากรรม ข่าวความรุนแรงต่างๆเพิ่มมากขึ้นต่อเนื่อง จะได้ยินเสียงคอยบอกๆเตือนๆกันว่า เสร็จธุระก็ให้รีบกลับบ้าน ปิดบ้านให้มิดชิด มีภัยอยู่รอบด้านเต็มไปหมด พอปิดบ้านล็อคประตูกันแล้ว ก็ไปนั่งเปิดทีวีดูข่าวการเมืองที่วุ่นวายไม่จบไม่สิ้นกับเรื่องการคอรัปชั่น การไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจ ,ข่าวราคาสินค้าแต่ละชนิดที่สูงขึ้นเป้นรายวัน จบแล้วก็ตามด้วยละครน้ำเน่าที่ซ้ำซาก ไม่รู้ว่าจะมีอะไรตกต่ำไปกว่าทุกวันนี้อีกไหม

 

ในโอกาสต่อไปจะเล่าถึงกิจกรรมที่ผมจะจัดและไปช่วยเหลือโรงเรียนเหล่านี้ และหากท่านสนใจสนับสนุนสื่อ และกิจกรรมต่างๆ ก็ติดต่อที่คุณเพิ่มพร เจ้าหน้าที่มูลนิธิฯโทร 085-055-9950

หมายเลขบันทึก: 162464เขียนเมื่อ 31 มกราคม 2008 11:51 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 มิถุนายน 2012 00:13 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท