ระเด่นลันได


หนังสือคือเพื่อนที่ดีของมนุษย์ทุกยุคและทุกสังคม

ระเด่นลันได

เรื่องระเด่นลันได แต่งขึ้นในรัชกาลที่3 กล่าวถึงแขกคนหนึ่ง ชื่อลันได ซัดเซพเนจรมาอาศัยอยู่ใกล้โบสถ์พราหมณ์ ในกรุงเทพฯ มีอาชีพสีซอขอทาน จนเป็นที่รู้จักกันทั่วไป แขกลันไดเข้าไปเกี่ยวข้องกับแขกอีกครอบครัวหนึ่ง สามีชื่อประดู่ ภรรยาชื่อนางประแดะ ซึ่งนางประแดะ เป็นสาเหตุให้แขกประดู่กับแขกลันไดวิวาทกันบ่อยๆ พระมหามนตรี ( ทรัพย์ ) ทราบเข้า จึงคิดแต่งเป็นบทละครเพื่อล้อเลียนบทละครเรื่องอิเหนา มีการใช้คำราชาศัพท์ทั้งที่ตัวละครเป็นเพียงสามัญชน เพื่อต้องการให้ตลกขบขัน อ่านแล้วเพลิดเพลิน เช่น ตอนที่กล่าวถึงนางประแดะ และลันได

๏ เมื่อนั้น นางประแดะหูกลวงดวงสมร ครั้นรุ่งเช้าท้าวประดู่ภูธร เสด็จจรจากเวียงไปเลี้ยงวัว โฉมเฉลาเนาในที่ไสยา บรรจงหั่นกัญชาไว้ท่าผัว แล้วอาบน้ำทาแป้งแต่งตัว หวีหัวหาเหาเกล้าผมมวย ได้ยินแว่วสำเนียงเสียงหมาเห่า คิดว่าวัวเข้าในสวนกล้วย จึงออกมาเผยแกลอยู่แร่รวย ตวาดด้วยสุรเสียงสำเนียงนาง พอเหลือบเห็นระเด่นลันได อรไทผินผันหันข้าง ชม้อยชม้ายชายเนตรดูพลาง ชะน้อยฤๅรูปร่างราวกับกลึง งามกว่าภัสดาสามี ทั้งเมืองตานีไม่มีถึง เกิดกำหนัดกลัดกลุ้มรุมรึง นางตะลึงแลดูพระภูมี ฯ ๑๐ คำ ฯ

พระมหามนตรี ( ทรัพย์ ) เป็นกวีที่มีความสามารถในการแต่งกลอนแปด นอกจากจะใช้คำที่ตลกขบขันแล้ว บางแห่งยังกล้าใช้สำนวนต่ำช้าลงไปในบทพิโรธวาทังอีกด้วย เช่น

บทพิโรธวาทัง

๏ เมื่อนั้น ท้าวประดูเดือดนักชักพระแสง ถ้าบอกจริงให้กูอีหูแหว่ง จะงดไว้ไม่แทงอย่างแย่งยุด กูก็เคยเกี้ยวชู้รู้มารยา มิใช่มึงโสดามหาอุด มันเป็นถึงเพียงนี้ก็พิรุธ ถึงดำน้ำร้อยผุดไม่เชื่อใจ ยังจะท้าพิสูจน์รูดลอง พ่อจะถองให้ยับจนตับไหล เห็นว่ากูหลงรักแล้วหนักไป เอออะไรนี่หวาน้ำหน้ามึง หาเอาใหม่ให้ดีกว่านี้อีก ผิดก็เสียเงินปลีกสองสลึง กำลังกริ้วโกรธาหน้าตึง ถีบผึงถูกตะโพกโขยกไป ฯ ๘ คำ ฯ โอด ๏โอ้ เมื่อนั้น เมื่อนั้นนางประแดะเจ็บจุกลุกไม่ไหว ค่อยยืนยันกะเผลกเขยกไป เข้ายังครัวไฟร้องไห้โฮ ร้อนดิ้นเร่าเร่าพ่อเจ้าเอ๋ย ลูกไม่เคยโกหกพกโมโห เสียแรงได้เป็นข้ามาแต่โซ กลับพาโลโกรธาด่าตี น้องก็ไร้ญาติวงศ์พงศา หมายพึ่งบาทาพระโฉมศรี โคตรแม่โคตรแม่ก็ไม่มี อยู่ถึงเมืทองตานีเขาตีมา ตะโพกโดกโดยเมียแทบคลาด ถีบด้วยพระบาทดังชาติข้า จะอยู่ไปไยเล่าไม่เข้ายา ตายโหงตายห่าก็ตายไป ฯ ๘ คำ ฯ โอด ๏ร่าย เมื่อนั้น ท้าวประดูได้ฟังดังเพลิงไหม้ ดูดู๋อีประแดะค่อนแคะได้ กลับมาด่าได้อีใจเพชร เอาแต่คารมเข้าข่มกลบ กูจะจิกหัวตบเสียให้เข็ด ชะช่างโศกาน้ำตาเล็ด กูรู้เช่นเห็นเท็จทุกสิ่งอัน ฯ ๔ คำ ฯ ๏ ว่าพลางทางคว้าได้พร้าโต้ ดุด่าตาโตเท่ากำปั้น ผลักประตูครัวไฟเข้าไปพลัน นางประแดะยืนยันลั่นกลอนไว้ ผลักไปผลักมาอยู่เป็นครู่ จะเข้าไปในประตูให้จงได้ กระทืบฟากโครมครามความแค้นใจ อึกทึกทั่วไปในพารา ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

คัดลอกมาเพื่อให้อ่านเล่นเพลิน ๆ บางตอนเท่านั้น ถ้าจะให้สนุกกว่านี้ ลองหาฉบับสมบูรณ์อ่านนะคะ คนที่เป็นนักอ่าน จะอ่านได้ทุกเรื่องอย่างไม่มีเบื่อหน่าย เรื่องราวของหนังสือไม่ว่ายุคใดสมัยใด ก็เป็นเพื่อนที่ดีของมนุษย์เสมอค่ะ

คำสำคัญ (Tags): #ระเด่นลันได
หมายเลขบันทึก: 159234เขียนเมื่อ 14 มกราคม 2008 20:14 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 มิถุนายน 2012 22:14 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)
อ่านแล้วสนุกมากๆครับ เรื่อง ระเด่นลันได ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่ากวีเขาจะแต่งบทละครได้สนุกขนาดนี้ด้วยภาษาที่หลากหลาย อ่านแล้วเข้าใจความหมายได้ง่ายทำให้ไม่น่าเบื่อ ไม่เหมือนกับเรื่องอื่นๆที่อ่านแล้วงง ต้องไปหาพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตฯ2542 เล่มหนึ่งปาหัวคนตายเลยด้วยความใหญ่อันมหึมาและหนักอึ้ง(โคตะระ)มานั่งแปลไปอ่านไป เฮ้อ คิดแล้วก็หมดอารมณ์ที่จะอ่านบทละครทั้งร้อยแก้วและร้อยกรองที่แต้งด้วยภาษาที่ไม่รู้ความหมายเหล่านี้ และนี่ก็เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่นักอ่านหลายๆคนไม่อยากจะอ่านบทละครประเภทนี้(เป็นงั้นไป)
ดีครับ ผมสมัครสมาชิกแล้ว สร้างบล็อกแล้วด้วย เสร็จเมื่อไรจะบอกนะครํบ(ซะงั้น)

ใช่สนุกมากแต่เสียดายมันไม่จบอ่ะ

ข้อคิดเรื่องระเด่นลันไดคืออะไร

ผมชอบอ่านครับ เป็นตลกคาสสิคเลยละครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท