มันคือช่องว่าง และต่างไม่ใช่ธุระของตน


 

     

 ดิฉันได้มีโอกาส ... ได้ไปเรียนรู้การใช้ชีวิต และสังเกตการใช้ชีวิตในบางแง่มุมของ...ชีวิต "คน"

พบว่า ความแตกต่างระหว่าง คน กับ คนในสังคมนั้นมีมากเหลือเกิน....

  <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">ค่าเงินหนึ่งพันบาท...สำหรับบางคนนั้น กว่าจะหามาได้นั้นแสนยาก ลำบาก</p>แต่หนึ่งพันบาทสำหรับใครบางคนก็ง่ายต่อการใช้จ่ายออกไป... อย่างกับว่ากระดาษใบนี้มีค่าและหามาได้ง่าย <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">หนึ่งพันบาทสำหรับคนกลุ่มหลังนี้ เขามองว่าเป็นสิทธิหรืออาจมองว่าเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ที่เขาจะมีเงินมากกว่าคนในกลุ่มแรก และถือว่าตนเองนั้นโชคดีกว่า ที่มีกำลังแห่งอำนาจเงินตราที่จะจับจ่ายใช้สอย และต่างมองว่าไม่ใช่ธุระของตน ที่จะต้องไปรู้สึกหรือรับรู้กับคนอีกกลุ่ม การมองค่าของเงิน และตีค่าแห่งอำนาจของเงิน ทำให้คนเรานั้นต่างตกเป็นฐานแห่งอำนาจเงินตรานี้...</p>  <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">ดิฉันรู้สึกประทับใจต่อ...แนวคิดเชิงปรัชญาของนักคิด นักปฏิบัติหลายท่าน ดั่งเช่นท่าน ดร.ประมวล  เพ็งจันทร์ที่ท่านไม่ยอมให้ตนเองตกอยู่ภายใต้อำนาจเงินตรา วัตถุนิยม และการจับจ่ายใช้สอยที่เกินความจำเป็น กับการก้าวเดินไปสู่อิสรภาพ</p>  <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">เหตุที่เราทุกข์เพราะเรา กลัว... หากเราก้าวเดินออกจากสภาพแห่งความกลัวนี้ไปได้... สิ่งที่เรารู้สึกว่าทุกข์นั้น ก็จะหายไป ------> ความกลัวภายในที่ซ่อนลึก ที่แม้บางคนแทบมองหาไม่เจอหรือไม่รู้สึกตัว ต่างเป็นตัวผลักให้เรากระทำบางสิ่งบางอย่าง ที่คิดว่านี่เป็นหนทางที่ทำให้ตนเอง หายและปราศจากความกลัว...</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p> การได้ซื้อ การได้สะสมสิ่งของต่างๆ การได้ใช้อำนาจแห่งเงินตรา...ต่างเป็นทางออกของความกลัวภายในจิตใจของมนุษย์...อย่างที่บุคคลนั้นกระทำไปโดยไม่รู้ตัวในระดับลึกที่ซ่อนอยู่แห่งจิต แต่เมื่อไรก็ตามที่ จิต นั้นได้รับและมีโอกาสพัฒนา เขาเหล่านั้นก็เริ่มออกสู่อิสระที่ไม่ต้องตกอยู่ภายใต้ความหวาดกลัวนั้น และเขาก็ไม่มีความจำเป็นใดใดอีกแล้วที่จะต้องวิ่งไปหาสิ่งที่มาสะสม... เพื่อลดสภาวะแห่งความกลัวภายในจิตใจนั้น....  </p><p></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">สภาพของคนอีกหลายคนที่แทบไม่มีจะกิน เงินแทบจะไม่มีใช้ เงินเพียงหนึ่งพันบาทก็มีค่ามากต่อเขาในช่วงเวลานั้น ตรงกันข้ามกับกลุ่มคนที่มีเงินและใช้เงินได้ง่ายสนองตอบเกินความจำเป็นในการดำรงชีวิต มีคนเคยถามและถกกับดิฉันในเรื่องนี้ ว่าความยุติธรรมนั้นอยู่ที่ไหน... ดิฉันก็ตอบไปว่า อย่าได้ถามหาเลย... เพราะความยุติธรรมนั้นไม่มีหรอก จะมีก็แต่... ความแตกต่าง ของมนุษย์...สิ่งต่างๆ ในโลกนี้เท่านั้น...</p>  <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">..........................................................................................</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">เรื่องเล่า...ในร้านกาแฟ...</p>คนขายกาแฟ...คนหนึ่งนั่งกลุ้มใจว่า..รายได้ในเดือนนี้จะพอใช้หรือไม่... เงินขาดไปสองสามพันบาท ไม่พอใช้... <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">คนมาซื้อกาแฟ...นั่งกลุ้มใจว่า...จะซื้อของหรือสินค้าชิ้นไหน...มาสะสมดี...ของสะสมที่ว่าอาจจะเป็นกล้อง รถ เสื้อผ้า เครื่องประดับ...-------> เพราะเขามีอำนาจแห่งเงินตรามากพอที่จะซื้อสิ่งที่เกินในชีวิตประจำวันนี้ได้</p>  <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">???</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p> โลกมนุษย์...และสภาวะแห่งความเป็นจริง ที่มันคือ ช่องว่างและต่างไม่ใช่ธุระของ ตน....  </p><p> </p><p> </p>

หมายเลขบันทึก: 159088เขียนเมื่อ 13 มกราคม 2008 23:03 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 18:42 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (8)

ความคิดที่เกิดจากการเห็น...คิดว่าอิ่ม...เห็นจากการดูแก้วที่ว่างใบหนึ่งบนโต๊ะหากดื่มน้ำที่เหลือในแก้วแล้วคงสบาย...นิ่งสงบแล้วแลอยู่...โลกนี้งดงามเพราะความต่าง

ช่างคิดจริง กะปุ๋ม คนเก่ง

ผมเห็นด้วยนะ ไม่มีความยุติธรรม มีแต่ความแตกต่างของคน   ทำให้ผมนึกถึงบทความของ ศ. นิธี เอียวศรีวงษ์ ที่เขียนลง มติชน รายสัปดาห์ ที่ว่าด้วย  ทำไมคนไทยเกลียดความจน

ท่านบอกว่า  แท้จริงๆ แล้ว ความจนไม่ใช่เรืองของการไม่มีเงิน  แต่เป็นความไม่มีโอกาส ไม่มีอำนาจในการต่อสู้เพื่อตนเอง  แต่บังเอิญเงินกับอำนาจและโอกาส มีความเกียวพันกัน 

เลยทำให้ คนเกลียดความจน และพาลไปถึงเกลียดคนจน

ผมว่ารูปบน มันดูย้อนยุคยังไงไม่รุ้นะ  นี่ถ้ามีอีกสักสองซี่รี่ย์ ก็คงคิดว่า กระปุ๋ม เป็นแม่พลอย จาก "สี่แผ่นดิน" คริคริ 

สวัสดีค่ะ...คุณเดโชชัย...

...

ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ...

ความคิดของมนุษย์เรานั้น...เกิด...ดับ....เกิด...ดับ....เกิด .... ดับ...

ไม่ที่สิ้นสุดค่ะ... หากแต่ว่าการเกิดนั้น...แห่งความคิดแยกออกจากจิตให้เป็นคนละเรื่องนั้น...ละเอียดยิ่ง ต้องอาศัย "ความเพียร" เป็นสำคัญ...

"ความงดงามนั้นซ่อนอยู่ทุกลมหายใจแห่งความคิดและความสัมพันธ์แห่งการสัมผัสค่ะ"....

.....................................................................................

สวัสดีค่ะ...อ.เชษฐา...

...

ดีใจจังเลยค่ะ ที่ทราบและรับรู้ความพยายามที่จะกลับไปใช้ blog เดิม แต่ท้ายสุดก็เลือกทางออกใหม่ค่ะ... กะปุ๋มระลึกถึงอยู่เสมอค่ะ... รอคอยการพูดคุยในเรื่อง...ที่เราคุยกันค้าง...

กะปุ๋มเพิ่งเสร็จงานวิจัย... "การป่วยในระดับจิตวิญญาณกับการบำบัดในแนวพุทธ" และเขียนบทความเพื่อส่งตีพิมพ์ค่ะ...

ความสัมพันธ์ทางจิต...กับสิ่งที่สะท้อนออกมาในความคิด การพูด และการกระทำ...เป็นเรื่องที่เราควรมองในระดับลึก เพราะจะช่วยทำให้เราแก้ไขและช่วยเหลือในบุคคลนั้นได้อย่างด้วยความเข้าใจ นักบำบัดบางคนยังขาดการมองที่ลึกซึ้ง และตัดสินเพียงสิ่งที่ตา มองและการสัมผัส...หากวิเคราะห์ลึกลงไปจะทำให้เราเข้าใจในกระบวนการทาง "จิต"... ที่หยั่งลึกลงไป...ตามที่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านทรงตรัสและสอน "มนุษย์"...เรา...

ทำให้เราทราบเหตุแห่งทุกข์....และที่มาแห่งการกระทำที่แสดงออกไม่ว่าจะเป็นจากคิด .. การพูด และทำ...

.................

อำนาจ "เงิน".... คือ การให้ค่า ...หากเราเลือกกระจายการให้ค่า...สิ่งเหล่านี้ค่าก็จะน้อยลง คนก็ไม่ต้องดิ้นรนแสวงหาสิ่งต่างๆ เหล่านี้ ... สภาวะแห่งการอยู่พอเพียงและพอเพียงก็จะเกิดขึ้น...

การไม่มีข้าวทาน...ก็สุขใจได้...

การไม่ต้องช้อปปิ้ง จับจ่ายซื้อของ...ก็สุขใจได้...

การจะมีหรือไม่มี การครอบครองหรือไม่ครอบครอง...ก็สุขใจได้...

(^_____^)

มีแอบแซวนะคะ ... ภาพข้างบนถ่ายเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาค่ะ...

 

อีกนิดนะคะ...อ.เชษฐา  recovery

.....

กะปุ๋มมองกระบวนการภายใน (จิต) อย่างนี้นะคะว่า ...

มองด้วยการตั้งโจทย์ไปที่...การกระทำ และคำพูดของมนุษย์ ว่าเขาพยายามที่จะสะท้อนอะไร ออกมา... การหาคำตอบแห่งจิตนี้ กะปุ๋มอาศัยการถอดบทเรียนจากการศึกษากระบวนการภายในจิตของตนเอง...และอาศัย..บุคคลต่างๆ เป็นครูในการเรียนรู้...ในเรื่องต่างๆ ของการเกิดเป็นมนุษย์นี้...

สิ่งหนึ่งที่เกิด...ในจิต.. คือ ความหวาดกลัว... เป็นความกลัวที่ซ่อนอยู่ ความกลัวนี้มีอานุภาพมหาศาลที่ผลักให้มนุษย์เรากระทำสิ่งต่างๆ มากมายทั้งที่เป็นสิ่งที่ดีและไม่ดีได้...

ความกลัว... กลัวการสูญเสีย... สูญเสียอะไรล่ะที่เป็นสิ่งสำคัญ... -----> ก็คือ การสูญเสียความเป็นตัวตน อันเกิดเนื่องมาจากเรานั้นยึดตัวเราเป็นที่ตั้ง... และการสูญเสียความเป็นตัวตนนี้ จะทำให้บุคคลแสดงออกมาได้หลากหลายเพื่อประคองให้เกิดความมั่นคงทางจิตใจ...

ซึ่งจะแบ่งแยกย่อยเป็นหลายระดับ...ที่ซับซ้อน...

^___^

ชำเลืองนาฬิกาแล้ว...จะหกโมงแล้วค่ะ...เตรียมตัวไปวิ่งก่อนนะคะ

เดี๋ยวมาคุยต่อนะคะ...ค้างไว้หลายประเด็นค่ะ

 

สวัสดีครับคุณปุ๋มลุ๋ม

        สบายดีไหมครับ  อ่านแล้วสบายใจดีครับ 

เรื่องความยุติธรรม เสมอภาคนั้น เป็นเรื่องยากที่จะเข้าถึงโดยให้ทุกคนมีเหมือนๆ กัน ทำได้อาจจะเพียงนาม แต่ก็ไม่ง่ายที่จะเจอ แต่ก็ทำได้

หากพระเจ้า พระผู้สร้างมีจริง ผมว่าจุดเริ่มต้นของการสร้างสิ่งต่างๆ นั้น ว่าไปก็มีการสร้างสมดุลมาให้อยู่แล้ว ในความหมายของคำ่ว่า คน

หมายถึงว่า มีหลายๆ อย่างผสมกันไป  มีดวงแก้วให้มาคนละดวง ชื่อว่าดวงจิต  อยู่ท่ามกลางดงแห่งกิเลส  และฝึกกันปัดเป่าดวงจิตด้วยธรรม ใครจะทำให้ดวงจิตสว่างแค่ไหน อยู่ที่การปฏิบัติตน  ทำก็พบ ไม่ทำก็ไ่ม่พบ

ส่วนเงินหรือปริมาณสมบัติ นั่นเป็นเพียงแค่ดงกิเลสเท่านั้น หากเอาดวงใจไปคลุกเคล้าแล้ว มีหรือที่ดวงจิตใจผ่านการขัดเกลาได้

นี่หล่ะที่ผมว่า ความพิเศษ  ต้นไม้ก็มีการคนอีกแบบหนึ่ง ไม่มีคำว่าเงินทองภายในจิตพืช แต่มีในระดับอื่น จะเห็นว่าต้นไม้ไ่ม่ต้องร้อนจิตในการจับจ่ายไปตลาด เพราะเคลื่อนที่ไม่ได้ ไม่ต้องหนีร้อน จำจิตจำใจต้องอยู่และปรับตัว ต้นไม้เลยตายยากกว่าคน แต่คนเราวิ่งหนีหลีกเลี่ยงได้ หนีภัยได้ แต่ตายง่ายเหลือเกินครับ

ผมว่า ลึกๆ แฝงๆ สิ่งที่น่าคิดในการสร้างของพระเจ้าได้อย่างดี (พระเจ้าอาจจะหมายถึง พระธรรมชาติครับ)  ปกติแล้วพระผู้สร้างคนคิดไว้ดีแล้ว ว่าท้ายที่สุดคือ ฝืนกฏความสมดุลไม่ได้ นั่นเอง  ร้อนมากก็ต้องลดความร้อน เย็นมากก็ต้องเพิ่มความร้อน แล้งมากก็ต้องเพิ่มน้ำ สูงๆ ต่ำๆ สลับกันไป  ในท่ามกลางคลื่นที่บ้าคลั่ง แต่มองไปไกลๆ ก็แค่เส้นราบๆ ตามคุณสมบัติของน้ำ เท่านั้น

อิๆๆๆ   คิด เ้พ้อๆ ยามเช้า สนุกๆ นะครับ

ขอให้สนุกกับ ช่องว่างครับ 

ดีจังเลย มาบล๊อคนี้ ได้เห็นคนพร้อมจะละกิเลศ

เอาไว้เดียวผมจะยอมเสียสละ รับบริจาคกิเลส ซะดีไหมเนี่ย  ฮ่าๆๆๆ 

  • สวัสดี ครับพี่กะปุ๊ม ขออภัยที่เมื่อวานมิได้อ่านบันทึกของพี่แบบเอาความ  จำได้เพียงบางคำเช่น ความยุติธรรม ความแตกต่าง แต่ดูรูปที่นำมาลงไว้เห็นความสงบในรูป มีสุภาพสตรีนั้งดูหนังสืออยู่ มีแก้วอยู่บนโต๊ะ ๓ ใบ แก้วน้ำ ๒ ใบ แก้วทรงสูงลักษณะเป็นเครื่องดื่มประเภทน้ำปั้น ๑ ใบ   มีจานใส่อาหารกินเล่นหนึ่งจาน บรรยากาศสบายๆ คนที่นั้งอยู่ก็ดูนิ่งยิ่งทำให้ภาพนั้นดูสบาย เธอใส่แว่นไม่รู้ตาสั้นหรือยาว น้ำปั้นหมดแล้ว(อิ่ม)ควรตามด้วยน้ำเปล่า(คงจะสบาย)ใบหน้าเธอเปื้อนยิ้มเล็กน้อย(นิ่งแล้วแลอยู่)อุเบกขาต่อโลกขนาดนั้นจะให้มองเป็นอย่างอื่นได้อย่างไร?ก็ต้องเห็นว่าโลกในภาพนั้นงาม   ขอขอบพระคุณที่ตักเตือนด้วยภาษาที่อยากจะเข้าใจ(ปรัชญา)แต่ขอน้อมรับไว้เรื่องจิตเกิดดับและความเพียรถือเป็นพรที่ดีสำหรับปีใหม่ผมจะทำให้มากครับยินดีที่ได้เจอ สวัสดีครับ

ขอบคุณทุกท่านที่แวะเข้ามาทักทายและเติมเต็มค่ะ...

...

คุณเดโชชัย...เข้ามาพูดคุยกันบ่อยๆ นะคะ...

(^_____^)

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท