เจาะใจคนกลัวผี


ที่น่ากลัวกว่าผี ก็คนแบบเรา ๆ นี่แหละ



              
เมื่อก่อนนี้ตอนดิฉันอยู่โรงเรียน มักจะถูกผอ.โรงเรียนเลือกให้ไปปฏิบัติหน้าที่เพื่อส่วนรวมในงานสีดำบ่อย ๆ นั่นคือ เป็นตัวแทนของคุณครูในโรงเรียนไปร่วมงานศพของชุมชน ไม่ว่ามีใครเสียชีวิตที่ไหนในชุมชนรายรอบโรงเรียน ดิฉันเป็นต้องถูกเลือกไปพร้อมกับเพื่อนครูโสด ๆ อีก
3-4 คน

               มีอยู่ครั้งหนึ่ง เหมือนนัดกันไปสวรรค์ ไม่รู้เป็นไง เดี๋ยวบ้านโน้นร่วง เดี๋ยวบ้านนี้ร่วง ซ้อน ๆ กัน รายรอบโรงเรียน ถึง
4-5 ราย จนดิฉันแทบจะซักเสื้อดำไม่ทันไปงาน คราวนี้รู้ซึ้งถึงกับต้องออกปากกับผู้บังคับบัญชาว่าไม่ไหวแล้วค่ะ เปลี่ยนให้คนมีครอบครัวเขาไปเป็นตัวแทนบ้าง นานทีไม่เป็นไร แต่บ่อยเข้าชักไม่ไหว ไม่มีเวลาทำเรื่องส่วนตัว และเตรียมการสอนกับเขาได้เต็มที่

               เพราะเวลาไปงานชุมชนแบบนี้ เรามักไปในฐานะเจ้าภาพของโรงเรียน ก็ต้องไปถึงงานตั้งแต่ประมาณ
6 โมงเย็น กว่าจะเสร็จพิธี ก็ร่วม 2 ทุ่มเศษ เสร็จแล้วปุบปับกลับ ชาวบ้านจะว่าไม่สัมพันธ์ชุมชน ก็ต้องอยู่พูดคุยกับลุงป้าน้าอาสักหน่อยก่อน ผอ.โรงเรียนท่านก็รู้จักคนเยอะด้วย อยู่โรงเรียนนี้มาตั้งแต่เป็นครูรุ่นหนุ่ม ลูกศิษย์ลูกหาเยอะ กว่าจะเดินทางกลับถึงบ้านพักโรงเรียน เป็นเกือบ 3-4 ทุ่ม แล้วแต่ระยะทางใกล้ไกล

               ผู้บังคับบัญชาบอกคนโสดมีเวลา ไม่เป็นปัญหาในการปฏิบัติงานโน่นนี่นั้น เป็นปัญหาสำหรับดิฉันเรื่อยมา ตั้งแต่เป็นครู เป็นผู้ช่วยผู้บริหารโรงเรียน จนถึงมาเป็นศึกษานิเทศก์ เพราะความเป็นคนโสด ที่ใคร ๆ บอกไม่มีครอบครัวให้ดูแล (ที่ไหนได้ดิฉันดูแลตั้งหลายคน พ่อ-แม่-น้อง-หลานอีกหลายคน เพียงแต่เราไม่ได้อยู่บ้านหลังเดียวกัน)

               ทำไมถึงว่าอย่างนั้น...ก็เพราะจะทำอะไรนอกเวลาราชการทีไร หัวหน้าหันไปหันมาก็มาลงที่ดิฉันนี่แหละค่ะ บอกว่าโสด...คล่องตัว (ช่างเป็นเหตุผลอมตะนิรันดร์กาล) อย่างเมื่อวานนี้ ท่านหาคนไปนอนเป็นเพื่อนรุ่นพี่ศึกษานิเทศก์ต่างถิ่นที่มาปฏิบัติภารกิจในพื้นที่สุพรรณบุรี เพราะเพื่อนศึกษานิเทศก์อีกท่านหนึ่งที่นอนด้วยกันมาสองคืนแล้ว เผอิญมีธุระรีบด่วนต้องกลับเข้ากรุงเทพฯ รุ่นพี่ท่านนี้เธอกลัวผี อยู่คนเดียวไม่ได้ จึงเป็นเหตุให้ดิฉันต้องเก็บข้าวของจากบ้านพักไปนอนเป็นเพื่อนท่านเสีย
1 คืน

               แต่กว่าจะเข้าไปที่โรงแรมที่ท่านพักอยู่ได้ก็เกือบ
3 ทุ่ม เพราะดิฉันต้องแวะไปงานเลี้ยงงานหนึ่งก่อน เป็นอันว่าคืนนั้นก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกันมากต่างคนต่างง่วง ดิฉันน่าจะหลับก่อน หัวถึงหมอนก็หลับเลย ท่านถามว่าไม่สวดมนต์ก่อนหรือ ดิฉันว่าเหมือนเมื่อคืน ส่วนท่านเองดิฉันเห็นสวดอยู่นาน ไม่รู่ว่าสวดไล่ผีหรือเปล่า อ้อ! ดิฉันถามท่านว่า เคยเห็นหรือ? ถึงได้กลัว ท่านว่าไม่เคยแต่ตอนเด็ก ๆ พี่เลี้ยงหลอกผี ก็กลัวตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาจนถึงทุกวันนี้อายุ 65 (โห! เวรกรรม)

               ท่านเล่าว่ามีพี่น้องเยอะถึง
9 คน 10 คน ไม่เคยได้มีโอกาสอยู่คนเดียว แล้วพี่เลี้ยงชอบหลอกผีเวลาจะนอน กลัวจับใจมาแต่เด็ก มีครั้งหนึ่งจำเป็นต้องอยู่บ้านคนเดียว ลูกกับสามีไปทำธุระนอกบ้าน แล้วเกิดไฟดับ ท่านถึงกับต้องออกมานั่งข้างถนนรอให้คนในบ้านกลับมา จึงเข้าบ้านได้ ดิฉันฟังแล้วนึกค้านว่า ที่ไปนั่งนอกบ้านนั่น น่ากลัวกว่าตั้งเยอะ ที่น่ากลัวกว่าผี ก็คนแบบเรา ๆ นี่แหละ

               การเลี้ยงดูในช่วงเด็กมีผลมาก ๆ ตอนเราโต อย่างพี่ที่ทำงานของดิฉันคนหนึ่งบ้าจี้จับถูกเอวเขาไม่ได้เลย เพราะตอนเด็ก ๆ ถูกเอ็นดู คนอุ้มคนเลี้ยงชอบเล่นจั๊กจี๋เอวเขาบ่อย หรือน้องคนหนึ่งกลัวความสูง เพราะตอนเด็กเล็ก ๆ ผู้ใหญ่เขาสนุกเล่นจับโยน ๆ กลัวขึ้นสมองไป อย่างนี้.... ลองนึกดูสิคะว่าเรามีอะไรทำนองนี้บ้าง แล้วสาเหตุเกิดจากอะไร

               และหากใครมีลูก มีหลานเล็ก ๆ อยู่ในตอนนี้ก็ระมัดระวังกันหน่อย เพราะเราอาจหลงลืมไปว่าจะมีผลกับเขาไปถึงตอนโตเป็นผู้ใหญ่ บางเรื่องก็ไม่กระทบอะไรมาก แต่บางเรื่องมีผลเหมือนกัน อย่างรุ่นพี่ท่านนี้ ท่านบอกว่าอยู่คนเดียวตอนกลางคืนไม่ได้จริง ๆ เป็นศึกษานิเทศก์คนเดียวในสำนักงานที่ใคร ๆ ก็รู้กันว่าส่งไปทำงาน หรือประชุมอบรมที่ไหนคนเดียวไม่ได้ ถ้าจำเป็นต้องไปคนเดียว ก็ต้องส่งใครไปนอนเป็นเพื่อนในตอนกลางคืนด้วย

               มานึกเปรียบเทียบกับดิฉันเองช่างแตกต่าง ที่ชอบอยู่คนเดียวซะเป็นส่วนมาก รำคาญที่ต้องอยู่รวมกันหลายคนนาน ๆ เพราะไม่มีสมาธิจะทำงาน เรื่องผีไม่ใช่ไม่กลัว แต่ไม่คิดถึง หนังผี นิยายผี หรือแม้แต่การ์ตูนผี ก็ไม่ดูไม่อ่าน แล้วใครมาเล่าเรื่องผี ก็ไม่ฟัง มันก็ไม่หลอน ไม่หลอกตัวเอง ตอนเด็ก ๆ ก็กลัวความมืดเหมือนกัน ไม่กล้าขึ้นบ้านชั้นบนมืด ๆ พอโตขึ้นสักมัธยมฯ ก็ค่อยคลายหน่อย แต่แรก ๆ ยังมีแอบร้องเพลงเวลาต้องเผชิญกับความมืด ประเภทเอาเสียงของตัวเองเป็นเพื่อน (กะว่าถ้ามีเสียงอื่นแทรกก็เป็นวิ่งกันแหละ) หลัง ๆ ก็เฉย ๆไม่กลัวแล้ว แม่บอกว่าไม่มีอะไร ก็จริงนะ ไม่เคยเห็นว่ามีอะไร แล้วเราจะกลัวอะไร

               เรื่องไฟดับก็เคย มีอยู่ครั้งหนึ่ง (ที่จริงสองครั้ง) ที่มาอยู่บ้านพักทุกวันนี้ เพราะถูกไฟฟ้าเขามายกหม้อไฟไป เนื่องจากเกิดความผิดพลาดในการไม่ไปจ่ายค่าไฟให้เขา ก็นอนมันมืด ๆ ไปอย่างนั้น เรื่องจะให้ไปนั่งข้างถนนอย่างพี่เขาไม่เอาเด็ดขาด นอกบ้านน่ากลัวกว่าในบ้านเยอะเลย ตอนเด็ก ๆ เวลาไฟดับทั้งตลาด แม่บอกว่าต้องรีบปิดประตู ทั้งที่บางทียังเก็บของเข้าร้านไม่หมด แม่บอกถ้าจะถูกขโมยของก็ให้มันหายแต่ข้างนอกก็ยังดีให้ขโมยเข้าบ้านได้ แม่สอนแบบนี้ก็ฝังใจเรื่อยมาค่ะ

               ผู้ใหญ่อาจจะนึกว่าหลอก ๆ ผี ให้เด็กกลัว เด็กจะได้นอนหลับง่าย ๆ ไม่กวนใจ ตอนเด็ก ๆ เขาอาจจะหลับได้ง่ายก็จริงอยู่ แต่ตอนโตนี่สิ เป็นปัญหากับการดำเนินชีวิตของเขาเลยเชียว ... อย่าหลอกเขาเลยค่ะ ... เพราะเขาจะหลอกตัวเองไปตลอดชีวิตเลยนะคะ

หมายเลขบันทึก: 156324เขียนเมื่อ 28 ธันวาคม 2007 07:55 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 22:09 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (9)

ผีหลอกก็ยังพอทน

แต่คนหลอกคนนี่สิน่ากลัว

แต่.....

เอาจริง ๆ ก็ขอไม่เจอทั้งผีหลอก หรือคนหลอกนะคะ

ธัมมะสวัสดีค่ะ

นั่นแน่...พี่อึ่งอ๊อบ...นี่เอง วันนี้มาแปลก...ธัมมะสวัสดี...ปลายปี   ยังงี้...เข้าข่ายยึดธัมมะข่มความกลัว (ผี) หรือเปล่าเอ่ย?

แต่ไม่ว่า ผีหรือคน ธรรม ช่วยได้เสมอ....

                                                           สวัสดีปีใหม่นะคะ

                                                               %e0%b8%aa%e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%aa%e0%b8%94%e0%b8%b5%e0%b8%9b%e0%b8%b5%e0%b9%83%e0%b8%ab%e0%b8%a1%e0%b9%882551

  • สวัสดีปีใหม่ล่วงหน้านะคะ
  • บ้านดิฉันอยู่ใกล้วัดมากค่ะ
  • แต่ดิฉันคิดว่าผีกับคน อยู่คนละภพกัน ไม่ข้องเกี่ยวกัน ดิฉันไม่กลัว ไม่ลบหลู่ค่ะ 
  • หากไม่มีสถานการณ์เราก็ไม่รู้ใจตัวเองค่ะ
  • ตอนวัยรุ่นและเรียนหนังสือมหาวิทยาลัยค่ะ เคยทำงานที่โรงพยาบาลในแผนก ICU ในกะเวลาช่วง 6 โมงเย็น ถึง ห้าทุ่มค่ะ 
  • ก่อนออกเวร ดิฉันมีหน้าที่ต้องไปปิดไฟในห้องธุรการใหญ่ จากชั้นในสุด ทยอยปิดและเดินออกมาชั้นนอกสุด  คิดว่าสยองไหมค่ะ
  • แรกๆ ก็กลัวจนตัวสั่น  ด้วยความจำเป็นว่าต้องทำให้ได้ เรากลัวตรงไหน เรามองตรงนั้น มองแล้วก็ไม่มีอะไร บ่อยๆ เข้าก็เคยชินว่าแท้จริงแล้วไม่มีอะไรเลยค่ะ
  • ความคิดเราเองต่างหากที่หลอนตัวเอง
  • ในตอนหลังเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ต้องทำงานหลากหลายขึ้น การเดินทางไปต่างจังหวัดและพักโรงแรมคนเดียวเป็นเรื่องปกติ  เพียงแค่ไหว้พระสวดมนต์ แป๊ปเดียวก็หลับปุ๋ยค่ะ

สวัสดีปีใหม่นะครับ...

ขอให้จังหวะชีวิตจากนี้ไปงดงามไม่แพ้วันที่ผ่านมาในปีเก่า...

 

ขอบคุณคืนและวันอันก่อนเก่า
ขอบคุณความทุกข์เศร้าอันร้าวฉาน
ขอบคุณความสุขอันชื่นบาน
ซึ่งเวียนผ่านมาทักประจักษ์ใจ

   

ขอบคุณที่สอนให้ชีวิต,  ได้คิดฝัน
วันนี้มาจากวันนั้นที่ฝันใฝ่
อดีต  ปัจจุบัน และพรุ่งนี้ที่แสนไกล
ต่างเกี่ยวโยงเป็นสายใยไม่ร้างลา

   

ก่อนพรุ่งนี้มาเยือนเป็นเพื่อนใหม่
อย่าลืมชวนดวงใจไปใฝ่หา
หวนรำลึกคืนและวันผ่านผันมา
กี่หยดหยาดธารน้ำตา,  ให้กล้ายืน
แหละกี่ยิ้ม, แย้มงามตามวิถี
ซึ่งมากมีให้ใจได้ไหวชื่น
กี่ผู้คน, เคียงฝันทุกวันคืน
กี่มิ่งมิตรที่รู้ตื่นยืนข้างเรา

 

ก่อนพรุ่งนี้มาเยือนเป็นเพื่อนรัก
อย่าลืมทัก วันนี้  ที่หม่นเศร้า
อย่าลืมวันนี้ที่สีเทา
พร้อมอย่าลืมความสุกสกาวแห่งปัจจุบัน

 

ขอพรุ่งนี้เป็นวันใหม่ดังใจคิด
เปี่ยมพลังแห่งชีวิตดังคิดฝัน
เปี่ยมความรักนานาสารพัน
เปี่ยมความฝัน,  การแบ่งปัน, นิรันดร์ไป

  • สวัสดีปีใหม่ค่ะ พี่ ปวีณา ธิติวรนันท์
  • ขอให้มีสุขภาพที่แข็งแรง
  • มีความสุขตลอดปีและตลอดไปนะคะ

สวัสดี....ปีใหม่ 2551 แด่ทุกท่าน


บันดาลโชค
        บันดาลชัย          บันดาลผล

บันดาลดล          บันดลกาล          บันดาลให้

บันดาลทรัพย์     บันดลมี                บันดาลใจ

เนื่องปีใหม่         บันดาลให้          บันดาลมี



ตลอดไป               ตลอดปี               ให้มีสุข

ให้พ้นทุกข์         ตลอดไป              ในปีนี้

ให้มีสุข              ตลอดไป               ตลอดปี

ให้สุขี                ตลอดปี                 ตลอดไป


                        Images2

สุข  สดชื่น  สมหวัง  ตลอดปีใหม่ 2551และตลอดไปครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท