ตัวอย่างที่
1
เรื่อง
:
ความคิดเห็นของผู้ใช้แรงงาน
นายจ้างและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการจัดการศึกษานอกระบบโรงเรียนในโรงงานอุตสาหกรรมเขตกรุงเทพมหานครและปริมาณฑล
ผู้วิจัย
:
อรรณพ จีนะวัฒน์ ปี
:
2529 หน่วยงาน
:
ปริญญาครูศาสตร์มหาบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ตอนที่
3
เปรียบเทียบความแตกต่างของความคิดเห็นของแต่ละกลุ่มประชากรทั้ง
5 กลุ่ม ได้แก่ ผู้ใช้แรงงาน นายจ้าง เจ้าหน้าที่กรมแรงงาน
เจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม
และเจ้าหน้าที่กรมการศึกษานอกโรงเรียน
โดยการใช้วิธีวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One-way Analysis
of Variance)
ดังได้นำเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูลในรูปของตารางดังต่อไปนี้
ตาราง
24
ค่าความแปรปรวนของคะแนนความคิดเห็นเกี่ยวกับการจัดการศึกษานอกระบบโรงเรียนในโรงงานอุตสาหกรรมเขตกรุงเทพมหานครและปริมาณฑล
ระหว่างความคิดเห็นของผู้ใช้แรงงาน นายเจ้า เจ้าหน้าที่กรมแรงงาน
เจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม
และเจ้าหน้าที่กรมการศึกษานอกโรงเรียน
แหล่งความแปรปรวน
|
df
|
SS
|
MS
|
F
|
ระหว่างกลุ่ม
ภายในกลุ่ม
รวมทั้งหมด
|
4
343
347
|
8.1255
36.2006
44.3261
|
2.0314
0.1055
|
19.25
|
p < .01
จากตาราง
24
แสดงว่าผู้ใช้แรงงาน นายจ้าง เจ้าหน้าที่กรมแรงงาน
เจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม
และเจ้าหน้าที่กรมการศึกษานอกโรงเรียน
มีความคิดเห็นเกี่ยวกับการจัดการศึกษานอกระบบโรงเรียนในโรงงานอุตสาหกรรมเขตกรุงเทพมหานคร
และปริมาณฑิลแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ
.01 เพื่อให้ทราบความแตกต่างเป็นรายคู่
จึงใช้วิธีของเชฟเฟ่ตรวจสอบความแตกต่างของค่าเฉลี่ย
ซึ่งปรากฏผลดังตาราง 25
ตาราง
25
เปรียบเทียบค่าเฉลี่ยความคิดเห็นเกี่ยวกับการจัดการศึกษานอกระบบโรงเรียนในโรงงานอุตสาหกรรมเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลทีละคู่ด้วยวิธีทดสอบของเชฟเฟ่
จำแนกตามประเภทของกลุ่มตัวอย่างประชากร
ประเภทของกลุ่มตัวอย่างประชากร
|
ผู้ใช้แรงงาน
(3.96)
|
นายจ้าง
(3.63)
|
เจ้าหน้าที่กรมแรงงาน
(3.92)
|
เจ้าที่กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม
(3.73)
|
เจ้าหน้าที่กรมการศึกษานอกโรงเรียน
(3.96)
|
ผู้ใช้แรงงาน
(3.96)
นายจ้าง (3.63)
เจ้าหน้าที่กรมแรงงาน (3.92)
เจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (3.73)
เจ้าที่กรมการศึกษานอกโรงเรียน (3.96)
|
-
|
-
|
-
- |
-
-
-
|
-
**
-
-
-
|
p < .05
p < .01 จากตาราง
25
แสดงว่าผู้ใช้แรงงาน เจ้าหน้าที่กรมแรงงาน
และเจ้าหน้าที่กรมการศึกษานอกโรงเรียนมีความคิดเห็นเกี่ยวกับการจัดการศึกษานอกระบบโรงเรียนในโรงงานอุตสาหกรรม
เขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล
แตกต่างจากความคิดเห็นของนายจ้างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ
.01 โดยผู้ใช้แรงงาน
เจ้าหน้าที่กรมแรงงานและเจ้าหน้าที่กรมการศึกษานอกโรงเรียนเห็นด้วยมากกว่านายจ้าง
นอกจากนี้ผู้ใช้แรงงานยังมีความคิดเห็นแตกต่างจากความคิดเห็นของเจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ
.05
โดยผู้ใช้แรงงานเห็นด้วยมากกว่าเจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม
ตัวอย่างที่
2
เรื่อง
:
การเปรียบเทียบความสามารถด้านความจำที่ฝึกด้วยเทคนิคช่วยจำต่างกันของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่
6 ผู้วิจัย
:
ปราณี บัวมี ปี
:
2542 หน่วยงาน
:
ปริญญาการศึกษามหาบัณฑิต สาขาการวัดผลการศึกษา
มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ 2.
เปรียบเทียบความสามารถด้านความจำแบบจำทันทีทันใดและแบบจำเมื่อมีกิจกรรมรบกวนของนักเรียนที่ได้รับการฝึกความจำด้วยเทคนิคช่วยจำแตกต่างกัน
โดยผู้วิจัยได้นำคะแนนความสามารถด้านความจำของนักเรียนแต่ละคนมาทำการวิเคราะห์
โดยใช้การวิเคราะห์ความแปรปรวนสองทาง
ซึ่งการวิเคราะห์ความแปรปรวนของความสามารถด้านความจำแบบทันทีทันใดปรากฏผลดังตาราง
4 ตาราง
4
ผลการวิเคราะห์ความแปรปรวนของความสามารถด้านความจำแบบจำทันทีทันใดของนักเรียนที่ได้รับการฝึกความจำด้วยเทคนิคช่วยจำแตกต่างกัน
แหล่งความแปรปรวน
|
SS
|
df
|
MS
|
F
|
ระหว่างการฝึก
(A)
ระหว่างระดับผลสัมฤทธิ์ (B)
ปฏิสัมพันธ์ (AxB)
ความคลาดเคลื่อน
|
177.75
424.08
149.17
903.88
|
2
2
4
63
|
88.88
212.04
37.29
14.35
|
6.20
14.78
2.60*
|
รวม
|
1654.88
|
71
|
23.31
|
.
|
มีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
มีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 จากตาราง
4
แสดงว่านักเรียนที่ได้รับการฝึกความจำด้วยเทคนิคช่วยจำต่างกัน
และนักเรียนที่มีระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่างกัน
มีความสามารถด้านความจำแบบจำทันทีทันใดแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ
.01 ส่วนปฏิสัมพันธ์ระหว่างการฝึกความจำด้วยเทคนิคช่วยจำต่างกัน
กับระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนมีผลต่อความสามารถด้านความจำอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ
.05 และเนื่องจากการวิเคราะห์ความแปรปรวนครั้งนี้
ปรากฏว่าการฝึกความจำด้วยเทคนิคช่วยจำต่างกันและระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่างกันมีค่าเฉลี่ยของคะแนนความสามารถด้านความจำแบบทันทีทันใดแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ
จึงทำการเปรียบเทียบพหุคูณตามวิธีการของเชฟเฟ่ (Scheffe)
เพื่อค้นหาว่าการฝึกความจำคู่ใดและระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระดับใดที่มีคะแนนเฉลี่ยของความสามารถด้านความจำแบบจำทันทีทันใดแตกต่างกัน
ดังแสดงในตาราง 5 และ 6 ตาราง
5
ผลการเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยของคะแนนความสามารถด้านความจำแบบจำทันทีทันใดของนักเรียนที่ได้รับการฝึกความจำด้วยเทคนิคช่วยจำต่างกัน
เทคนิคช่วยจำ
|
ธรรมดา
(18.67)
|
ระบบลิงก์
(19.79)
|
ระบบโลไซ
(22.42)
|
ธรรมดา
(18.67)
ระบบลิงก์ (19.79)
ระบบโลไซ (22.42)
|
-
|
1.12
-
|
3.75
2.63
- |
มีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ
.05 จากตาราง
5
แสดงว่านักเรียนที่ได้รับการฝึกความจำแบบธรรมดาโดยการท่องซ้ำ ๆ
กับนักเรียนที่ได้รับการฝึกความจำด้วยเทคนิคช่วยจำระบบโลไซมีความสามารถด้านความจำแบบจำทันทีทันใดแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ
.05 ส่วนนักเรียนที่ได้รับการฝึกความจำแบบธรรมดาโดยการท่องซ้ำ ๆ
กับนักเรียนที่ได้รับการฝึกความจำด้วยเทคนิคช่วยจำระบบลิงก์
และนักเรียนที่ได้รับการฝีกความจำด้วยเทคนิคช่วยจำระบบลิงก์กับนักเรียนที่ได้รับการฝีกความจำด้วยเทคนิคช่วยจำระบบโลไซ
มีความสามารถด้านความจำแบบจำทันทีทันใดแตกต่างกันอย่างไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ
ตาราง
6
ผลการเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยของคะแนนความสามารถด้านความจำแบบจำทันทีทันใดของนักเรียนที่มีระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่างกัน
ระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
|
กลุ่มต่ำ
(17.17)
|
กลุ่มปานกลาง
(20.63)
|
กลุ่มสูง
(23.08)
|
กลุ่มต่ำ
(17.17)
กลุ่มปานกลาง (20.63)
กลุ่มสูง (23.08)
|
-
|
3.46
- |
5.91
2.45
-
|
มีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
*
มีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
จากตาราง
6
แสดงว่านักเรียนที่มีระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่ำกับนักเรียนที่มีระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูง
มีความสามารถด้านความจำแบบจำทันทีทันใดแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ
.01
และนักเรียนที่มีระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่ำกับนักเรียนที่มีระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนปานกลาง
มีความสามารถด้านความจำแบบทันทีทันใดแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ
.05
ส่วนนักเรียนที่มีระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนปานกลางกับนักเรียนที่มีระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงมีความสามารถด้านความจำแบบทันทีทันใดแตกต่างกันอย่างไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ
จากการเปรียบเทียบปฏิสัมพันธ์ระหว่างการฝึกความจำด้วยเทคนิคช่วยจำต่างกัน
กับระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
พบว่ามีผลต่อความสามารถด้านความจำอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ
จึงทำการวิเคราะห์ใหม่
เพื่อค้นหาว่าการฝึกความจำแบบใดกับระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระดับใดที่มีผลต่อความสามารถด้านความจำแบบจำทันทีทันใด
ดังตาราง 7 ตาราง
7
ผลการวิเคราะห์ความแปรปรวนระหว่างการฝึกความจำด้วยเทคนิคช่วยจำต่างกันกับระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่มีต่อความสามารถด้านความจำแบบจำทันทีทันใด
แหล่งความแปรปรวน
|
SS
|
df
|
MS
|
F
|
ระหว่างการฝึกต่างกันของกลุ่มที่มีระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูง
ระหว่างการฝีกต่างกันของกลุ่มที่มีระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนปานกลาง
ระหว่างการฝึกต่างกันของกลุ่มที่มีระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่ำ
ระหว่างระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่างกันของกลุ่มที่ฝึกความจำแบบธรรมดาโดยการท่องซ้ำ
ๆ
ระหว่างระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่างกันของกลุ่มที่ฝึกความจำด้วยเทคนิคช่วยจำระบบลิงก์
ระหว่างระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่างกันของกลุ่มที่ฝึกความจำด้วยเทคนิคช่วยจำระบบโลไซ
|
274.33
42.25
10.33
20.33
210.58
342.33
|
2
2
2
2
2
2
|
137.17
21.13
5.17
10.17
105.29
171.17
|
9.56
1.47
0.36
0.71
7.34
11.93
|
มีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
จากตาราง
7
แสดงว่า
ระหว่างการฝึกต่างกันของกลุ่มที่มีระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูง
มีความสามารถด้านความจำแบบจำทันทีทันใดแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ
.01
และระหว่างระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่างกันของกลุ่มที่ฝึกความจำด้วยเทคนิคช่วยจำระบบลิงก์
และระหว่างระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่างกันของกลุ่มที่ฝึกความจำด้วยเทคนิคช่วยจำระบบโลไซ
มีความสามารถด้านความจำแบบจำทันทีทันใดแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ
.01
ส่วนการฝึกความจำด้วยเทคนิคช่วยจำต่างกันกับระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่างกันแบบอื่นมีความสามารถด้านความจำแบบจำทันทีทันใดแตกต่างกันอย่างไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ
และเพื่อต้องการทราบว่าการฝึกแบบใดทำให้นักเรียนที่มีระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงมีความสามารถด้านความจำแบบจำทันทีทันใดแตกต่างกัน
และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระดับใดที่ทำให้นักเรียนที่ได้รับการฝึกความจำด้วยเทคนิคช่วยจำระบบลิงก์และนักเรียนที่ได้รับการฝึกความจำด้วยเทคนิคช่วยจำระบบโลไซ
มีความสามารถด้านความจำแบบจำทันทีทันใดแตกต่างกัน
จึงได้เปรียบเทียบค่าเฉลี่ยของคะแนนความสามารถด้านความจำแบบจำทันทีทันใดเป็นรายคู่ตามวิธีการของเชฟเฟ่
(Scheffe) ดังตาราง 8, 9 และ 10
ตาราง
8
ผลการเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยของคะแนนความสามารถด้านความจำแบบจำทันทีทันใดของนักเรียนที่มีระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงเมื่อได้รับการฝึกความจำด้วยเทคนิคช่วยจำต่างกัน
เทคนิคช่วยจำ
|
ธรรมดา
(18.75)
|
ระบบลิงก์
(23.50)
|
ระบบโลไซ
(27.00)
|
ธรรมดา
(18.75)
ระบบลิงก์ (23.50)
ระบบโลไซ (27.00)
|
-
|
4.75
-
|
8.25
3.50
- |
มีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ
.01 จากตาราง
8
แสดงว่านักเรียนที่มีระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูง
เมื่อได้รับการฝึกความจำแบบธรรมดาโดยการท่องซ้ำ ๆ
กับนักเรียนที่ได้รับการฝึกความจำด้วยเทคนิคช่วยจำระบบลิงก์
และนักเรียนที่ได้รับการฝึกความจำแบบธรรมดาโดยการท่องซ้ำ ๆ
กับนักเรียนที่ได้รับการฝึกความจำด้วยเทคนิคช่วยจำระบบโลไซ
มีความสามารถด้านความจำแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ
.01
ส่วนนักเรียนที่ได้รับการฝึกความจำด้วยเทคนิคช่วยจำระบบลิงก์กับนักเรียนที่ได้รับการฝึกความจำด้วยเทคนิคช่วยจำระบบโลไซ
มีความสามารถด้านความจำแบบจำทันทีทันใดแตกต่างกันอย่างไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ
ตาราง
9
ผลการเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยของคะแนนความสามารถด้านความจำแบบจำทันทีทันใดของนักเรียนที่มีระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่างกันเมื่อได้รับการฝึกความจำด้วยเทคนิคช่วยจำระบบลิงก์
ระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
|
กลุ่มต่ำ
(16.25)
|
กลุ่มปานกลาง
(19.63)
|
กลุ่มสูง
(23.50)
|
กลุ่มต่ำ
(16.25)
กลุ่มปานกลาง (19.63)
กลุ่มสูง (23.50)
|
-
|
3.38
-
|
7.25
3.87
- |
มีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ
.01 จากตาราง
9
แสดงว่า เมื่อได้รับการฝึกความจำด้วยเทคนิคช่วยจำระบบลิงก์
นักเรียนที่มีระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่ำกับนักเรียนที่มีระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงมีความสามารถด้วยความจำแบบจำทันทีทันใดแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่
.01
ส่วนนักเรียนที่มีระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่ำกับนักเรียนที่มีระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนปานกลางและนักเรียนที่มีระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนปานกลางกับนักเรียนที่มีระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงมีความสามารถด้านความจำแบบจำทันทีทันใดแตกต่างกันอย่างไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ
ตาราง
10
ผลการเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยของคะแนนความสามารถด้านความจำแบบจำทันทีทันใดของนักเรียนที่มีระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่างกันเมื่อได้รับการฝึกความจำด้วยเทคนิคช่วยจำระบบโลไซ
ระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
|
กลุ่มต่ำ
(17.75)
|
กลุ่มปานกลาง
(22.50)
|
กลุ่มสูง
(27.00)
|
กลุ่มต่ำ
(17.75)
กลุ่มปานกลาง (22.50)
กลุ่มสูง (27.00)
|
-
|
4.75
-
|
9.25
4.50
- |
**
มีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 จากตาราง
10
แสดงว่า เมื่อได้รับการฝึกความจำด้วยเทคนิคช่วยจำระบบโลไซ
นักเรียนที่มีระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่ำกับนักเรียนที่มีระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสุงมีความสามารถด้านความจำแบบจำทันทีทันใดแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ
.01
ส่วนนักเรียนที่มีระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่ำกับนักเรียนที่มีระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนปานกลาง
และนักเรียนที่มีระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนปานกลางกับนักเรียนที่มีระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูง
มีความสามารถด้านความจำแบบจำทันทีทันใดแตกต่างกันอย่างไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ